งานหมั้นชุลมุน
ไทเกอร์
"พี่กับเคทรู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรกทำไมถึงไม่บอกผมกับเรนผมจะได้จัดการให้จากัวร์รับผิดชอบ"
"เพราะพี่รู้นิสัยของยัยพรีมดียังไงล่ะเรน ถ้ายัยพรีมจะให้จากัวร์รับผิดชอบแกก็คงจะบอกพี่ให้รู้ตั้งแต่ตอนเกิดเรื่องแต่นี่ยัยพรีมทำตัวปกติทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพี่กับเคทก็ไม่อยากจี้ถามหรือบังคับให้ลูกพูดเพราะพี่กลัวลูกจะเสียใจกลัวแกจะเตลิดไปไกลถ้ารู้ว่าพี่กับแม่รู้เรื่องที่แกทำ เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้ถ้าจะผิดก็คงจะผิดกันทั้งคู่นั่นแล่ะทั้งยัยพรีมทั้งจากัวร์ วัยรุ่นวัยอยากรู้อยากลองพี่เข้าใจเด็กสมัยนี้" ผมฟังพี่ภัทรพูดแกเป็นคนใจเย็นและเข้าใจโลกมากถ้าเป็นผมใครมาทำแบบนี้กับลูกสาวของผมๆ ไม่ยอมแน่ได้ตายกันไปข้าง
"พี่ภัทรคะ...เรนขอโทษที่ลูกชายเรนล่วงเกินลูกสาวพี่ พี่จะให้เรารับผิดชอบยังไงก็บอกมาเลยนะคะ"
"ตอนนี้สิ่งที่พี่ต้องการก็คือให้สองคนนั้นหมั้นกันให้เร็วที่สุด และมีอีกเรื่องที่พี่อยากขอร้องเราสองคนก็คือถ้าหมั้นกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่อยากให้ยัยพรีมย้ายไปอยู่กับเราที่กรุงเทพเพื่อความปลอดภัยของยัยพรีม" ผมกับกวางหันมามองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ อะไรคือความปลอดภัย?? ให้น้องพรีมไปอยู่บ้านผมมันจะปลอดภัยยังไงวะเพราะนั่นเท่ากับว่าทั้งจากัวร์และน้องพรีมต้องอยู่บ้านเดียวกันถ้าเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจะทำยังไงพี่ภัทรแกไม่กลัวเหรอวะ
"เราสองคนก็รู้ใช่ไหมว่าเมื่อก่อนพี่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร"
"ครับ" จะไม่รู้ได้ไงผมเป็นคนสืบเองในตอนนั้นเพราะพี่ภัทรคิดจะมาแย่งกวางไปจากผม
"มันเกี่ยวกับที่พี่ภัทรจะให้น้องพรีมไปอยู่บ้านเรนหรือเปล่าคะ"
"อืมใช่ ตอนนั้นที่พี่วางมือพวกนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะตอนนั้นพวกมันถูกจับหลังจากที่พี่ขอถอนตัวออกมามันคิดว่าพี่เป็นคนแจ้งตำรวจพี่ถึงหนีไปอยู่ต่างประเทศยังไงล่ะ"
"แต่เรื่องนั้นมันก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้วนี่คะพี่ภัทร"
"ใช่ไงผ่านมาหลายสิบปีไอ้พวกที่โดนจับไปตอนนี้มันกำลังจะพ้นโทษออกมาพี่ได้ข่าวว่ามันจะกลับมาแก้แค้นพี่ และเป้าหมายของมันก็คือยัยพรีม"
"เพราะแบบนี้เคทกับพี่ภัทรก็เลยต้องคิดหาหนทางให้น้องพรีมไปจากที่นี่โดยที่เราจะไม่ให้น้องพรีมรู้ความจริงว่าเพราะอะไรกันแน่ที่แกต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น"
"ผมเข้าใจแล้วครับ" ผมฟังพี่ภัทรกับเคทพูดด้วยสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะแบบนี้นี่เองพี่ภัทรถึงมาพูดเรื่องจากัวร์กับน้องพรีมเอาตอนนี้ทั้งที่ผ่านมาจะเกือบปี
"งั้นเรารีบจัดงานหมั้นกันเลยดีไหมคะเอาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้" เมียผมรีบเสนอทันทีซึ่งผมก็เห็นด้วยนะตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับความปลอดภัยของน้องพรีมลูกสะใภ้คนเล็กของผม ผมพูดไม่ผิดใช่ไหมที่เรียกแบบนี้เพราะไม่ว่าจะยังไงน้องพรีมก็ต้องแต่งงานกับจากัวร์อยู่แล้วช้าก็เร็ว
วันต่อมา...
จากัวร์...
ตอนนี้ผมกับยัยพรีมกำลังอยู่ในพิธีหมั้นที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ผมไปจัดการพิธีการงานหมั้นตั้งแต่ตอนไหนรวดเร็วเหมือนสั่งได้ทุกอย่างพร้อมหมดทั้งสินสอดทองหมั้นที่กองอยู่ตรงหน้าของเราสองคนรวมถึงแหวนหมั้นสองวงที่ยังไม่รู้เลยมันจะใส่ได้ไหมเพราะเราสองคนไม่ได้ไปลองหรือไปเลือก เราสองคนมีหน้าที่แค่ตื่นแต่เช้าทำบุญตักบาตรจากนั้นก็ถูกจับแยกไปแต่งตัวกันคนละห้อง สถานที่จัดงานก็เป็นบ้านของลุงภัทรนั่นเองครับ ไม่ต้องถามถึงอาการของว่าที่คู่หมั้นของผมหรอกนะว่าจะดีใจขนาดไหน หึ อยากจะบอกว่าแต่เช้ายัยพรีมไม่พูดไม่จากับใครแม้แต่พ่อแม่ของตัวเอง
"น้องพรีมใส่แหวนหมั้นเสร็จหนูก็กราบที่ตักจากัวร์สวยๆ นะคะ"
"ไม่กราบ!!! ทำไมต้องกราบด้วย" พูดแบบไม่ไว้หน้าพ่อหน้าแม่เลยครับเล่นเอาคนที่มาร่วมงานต่างพากันซุบซิบนินทา
"มันเป็นธรรมเนียมนะลูก" น้าเคทกล่อมยัยพรีมแต่เหมือนยัยนี่จะไม่สนใจไม่ฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น
"อายุเท่ากันจะไหว้ทำไมถ้าน้องพรีมไหว้จากัวร์ก็ต้องไหว้น้องพรีมเหมือนกัน" ถามว่าอยากให้ยัยพรีมไหว้ไหมก็ไม่หรอกครับแต่ในเมื่อมันเป็นธรรมเนียมก็ต้องทำไหม
"ทำตัวเป็นเด็กไปได้ผู้ใหญ่ให้ทำอะไรก็ทำๆ ไปเถอะจะได้รีบลุกไปจากตรงนี้ฉันนั่งนานเหน็บกินขาแล้วรู้ไหม" ผมกระซิบบอกคนสวยข้างๆ ครับวันนี้ยัยนี่สวยมากสวยกว่าทุกครั้งที่เจอวันนี้ยัยพรีมใส่ชุดไทยสีงาช้างขับผิวขาวๆ ของเธอให้ดูขาวใสขึ้นใบหน้ากลมที่แต่งแต้มสีสันอย่างบางเบานั่นอีกรวมไปถึงริมฝีปากบางเคลือบลิปสติกสีชมพูอ่อนที่เห็นแล้วก็อยากจะ.......
พรีม
ทำไมเธอต้องมาเข้าพิธีบ้าบอคอแตกนี้ด้วยก็ไม่รู้ เธออายุเพิ่งจะสิบหกย่างสิบเจ็ดแต่เธอต้องมาหมั้นกับไอ้บ้าจากัวร์เธอไม่อยากหมั้นกับมันเพราะเธอไม่ได้รักมันคนที่เธอรักมีเพียงคนเดียวคือพี่ลีโอที่ถึงแม้ตอนนี้จะมีคนรักแล้วก็ตามแต่เธอก็ยังรักเขาอยู่ ส่วนไอ้บ้าข้างๆ ตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะเคยมีอะไรกันมันเป็นคนแรกของเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีอะไรกับมันเลยสักนิดเกลียดมันด้วยซ้ำเพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะมันทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่มันทำแบบนั้นกับเธอ ใจของเธอพยายามต่อต้านสัมผัสของจากัวร์แต่ร่างกายของเธอมันกลับทรยศทุกครั้งที่ถูกสัมผัสจากคนตรงหน้า ปากเธอบอกว่าเกลียดแต่ร่างกายของเธอกลับโหยหา มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิเธอต้องไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
"เร็วๆ ดิวะฉันปวดฉี่นะเว้ยรีบๆ สวมแหวนรีบๆ กราบสักที" เธอหันขวับไปจ้องหน้าไอ้จากัวร์ทันทีมันมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเธอกันสั่งไม่สั่งเปล่ามันยังทำหน้ายียวนกวนโอ๊ยใส่เธออีก
"ไม่กราบ!!! "
"น้องพรีมสำรวมหน่อยสิลูก" พ่อหันมาดุเธอทั้งที่ท่านแทบไม่เคยดุเธอเลยเพราะมันคนเดียวเพราะไอ้จากัวร์คนเดียวเลยทำให้เธอโดนพ่อดุ พอมันเห็นว่าเธอโดนดุมันก็ยักคิ้วใส่อีก เธอคว้าเอาพานดอกไม้ข้างหน้าปาใส่มันไปอย่างเหลืออดเธอปาไปเต็มแรงโดยที่ไม่รู้ว่าไปโดนส่วนไหนของมันจนมันร้องออกมา
"โอ๊ย!!! " จากัวร์เอามือกุมหน้าผากตัวเองทันที
"จากัวร์" อาเรนเข้ามาดูจากัวร์ทันทีก่อนจะพยุงขึ้นมาดูอาการ
"แม่ครับหัวผมแตก โอ๊ยยเจ็บๆๆ " มันร้องยังกะถูกมีดแทงยังไงยังงั้น
"อย่ามาสำออยไอ้จากัวร์!!! " ที่เธอบอกว่ามันสำออยก็เพราะเมื่อกี๊มันแลบลิ้นใส่เธอโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
"น้องพรีมจะมากเกินไปแล้วนะ ทำอะไรไว้หน้าพ่อหน้าแม่บ้าง" พ่อเดินมาดึงแขนเธอให้ลุกขึ้นแล้วตะคอกใส่เธออย่างแรง
"พ่อดุน้องพรีม ฮึก ฮึก ฮึก ฮืออออ" เธอหันไปมองหน้าทุกคนที่มองมาที่เธอเป็นตาเดียวสายตาของทุกคนมองเธออย่างผิดหวังแต่เธอจะไม่สนใจเลยถ้าสายตาแบบนั้นมันไม่ได้มาจากพ่อกับแม่ของเธอที่เธอรัก