บทที่ 3
ก๊อก ก๊อก
"อะไรวะ!!" ในขณะที่ท่านสำราญซึ่งมียศตำแหน่งสูงพอสมควร กำลังแตะตัวสาวน้อยที่ชื่อมิลานอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"ลูกชายท่านกลับมาครับ" คนที่มาเคาะประตูต้องได้รีบบอกกล่าวออกไปให้เร็วถ้าไม่งั้นท่านจะโกรธที่เข้ามาขัดจังหวะ
"จริงเหรอ" เอ่ยถามออกไปพร้อมกับรีบเดินมาที่ประตู เพื่อที่จะถามเอาความแน่ชัดอีกที "แล้วตอนนี้อยู่ไหน"
มิลานรีบมองหาทางหนีทีไล่ทันทีที่ไอ้แก่ตัณหากลับสนใจเรื่องอื่นมากกว่าตัวเธอ
"อยู่ที่บ้านครับท่านคนที่นั่นเพิ่งส่งข่าวมา"
"หนูมิลานจ้ะเสี่ยจะกลับมาเล่นด้วยใหม่นะ หนูรอเสี่ยอยู่ที่นี่ก่อนนะจ๊ะ" มิลานคือหนึ่งในดวงใจของเสี่ยตัณหากลับคนนี้ เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเธอเด่นมาก ขาว..เรื่องหุ่นนางแบบบางคนยังสู้ไม่ได้ รวมทั้งใบหน้า ที่ทั้งสวยและหวาน จนทำให้ชายใดที่มองก็หลงใหลได้อย่างง่ายดาย
และก็ทำให้ชายวัยสูงอายุคนนี้ ยอมทุ่มเงิน ชื่อเสียง เพื่อที่จะช่วยดันครอบครัวของเธอ ถ้าต้องการผู้หญิงคนไหนสำราญก็จะใช้เงินซื้อพอเบื่อก็ปล่อยไป ..แต่กับเธอแล้วเขาอยากจะเลี้ยงเป็นตัวเป็นตน ถ้าเธอยอม แม้แต่ใบทะเบียนสมรสก็ยังจะมอบให้เธอได้
แต่ในชีวิตนี้ยังมีอีกหนึ่งคนที่มีอิทธิพลสำหรับเสี่ยคนนี้มาก..นั่นก็คือลูกชาย
มิลานลอบถอนหายใจออกมา เมื่อเสี่ยตัณหากลับออกไปจากห้อง หญิงสาวต้องหาทางหนีจากที่นี่ให้ได้ ถ้ามันกลับมาอีกครั้งเธอคงไม่รอดแน่
คฤหาสน์หลังใหญ่โตในเนื้อที่กว้างขวาง ถ้ามองเผินๆ คงคิดว่าเป็นสนามกอล์ฟ
"ลูกอยู่ไหน"
"จำทางกลับบ้านได้ด้วยเหรอคะ"
"ตอบให้ตรงประเด็น"
"อยู่ข้างบนค่ะ" ประไพต้องรีบเปลี่ยนกิริยาและคำพูดใหม่ เพราะถ้าสามีโกรธเขาไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
"นึกว่าตายไปแล้ว" ผู้เป็นพ่อมองขึ้นไปด้านบน แล้วก็เอ่ยพูดออกมาเบาๆ แต่คำพูดนั้นไม่ได้จริงจังอะไรเลยจะออกไปทางเป็นห่วงมากกว่า
เย็นวันเดียวกันที่โต๊ะอาหาร ..สำราญรออยู่จนลูกชายลงมา ทานข้าวเย็นร่วมกัน
"กลับมาคราวนี้จะมาช่วยงานพ่อแล้วใช่ไหม"
"ไม่ครับ"
"ถ้าแกต้องการทำงานด้านถ่ายภาพ หรือต้องการอยากจะมีสตูดิโอเป็นของตัวเองพ่อก็ไม่ว่าอะไรแล้ว ขอแค่ให้แกกลับมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาพ่อหน่อยได้ไหม"
"ผมไม่อยากได้แล้ว" เขารักงานถ่ายภาพมาก ความฝันของเขาหนึ่งเดียวคืออยากจะมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายสำหรับครอบครัวของเขาแล้ว แต่ถ้าพ่อไม่สนับสนุน เขาก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกจากบ้านไปเพื่อที่จะหนีความวุ่นวาย
"แกดูคล้ำลงไปเยอะเลยนะ อยู่กับพ่อนานๆ หน่อย"
"ถ้าผมอยู่พ่อจะกลับมาค้างที่บ้านแบบนี้ทุกคืนไหมล่ะ"
สายตาเหี่ยวย่นของผู้เป็นพ่อมองไปที่ภรรยาแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าไม่เพราะต้องมีคนอยู่ข้างกายเพื่อให้สังคมเห็นว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ป่านนี้คงจะหย่าร้างกับภรรยาคนนี้ไปแล้ว ยังจำไม่ได้เลยว่าเคยร่วมเตียงกับภรรยาครั้งสุดท้ายกี่ปีมาแล้ว
"ผมอิ่มแล้ว" เห็นแค่สายตาของพ่อเขาก็วางช้อน และไม่กินข้าวต่อ
"แล้วนั่นแกจะไปไหน"
"ออกไปหาเพื่อน" เขาก็เหมือนลูกทุกคนที่อยากให้พ่อและแม่รักใคร่กลมเกลียวกัน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับครอบครัวของเขา
สามวันต่อมา
"หึ!!" เมื่อได้ยินรายงานจากเพื่อนรักว่าพ่อเลี้ยงผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวเป็นตนถึงกับมีบ้านหลังใหญ่โตให้อยู่ แถมเรื่องบริษัทก็หนุนพ่อกับแม่เธอจนออกนอกหน้า เขาถึงกับสบถเสียงสูง "ขอบใจมึงมาก"
"แล้วนี่มึงอยากจะรู้ไปทำไม รู้แล้วก็ไม่สบายใจ"
"เรื่องของกู"
"อ้าวไอ้นี่บอกกูหน่อยไม่ได้หรือไง"
"มึงอย่ารู้เลย" ชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงโปร่งได้ยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง แล้วก็ก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานของเพื่อน
"แล้วมึงจะไปไหน"
"กลับหมู่บ้าน"
"กูนับถือใจมึงจริงๆ อยู่เข้าไปได้ยังไง หมู่บ้านแบบนั้น ทั้งไฟและน้ำประปาก็เข้ายังไม่ถึง"
พอเดินไปถึงประตูเขาก็หยุดแล้วก็หันหน้ากลับมา "เอ่อไอ้เดือนหนึ่ง"
"มกราโว้ย!"
"มกราแล้วเดือนที่หนึ่งของปีไหมล่ะ"
"เออ เอาที่มึงสบายใจเลย มีอะไรมึงก็พูดมา"
"มึงอย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่ากูอยู่ที่ไหน"
"กูไม่บอกหรอก..มึงอยู่มาเป็นปีๆ แล้วยังไม่มีใครรู้เลยว่ามึงอยู่ที่ไหน"
"แล้วนี่มึงจะกลับไปเลยเหรอ"
"อืม..แต่กูคงไม่กลับไปคนเดียว" สายตาเจ้าเล่ห์มองตรงไปข้างหน้าแบบมีเลศนัย