บทที่ 1
“แหวนเพชร อัญมณีล้ำค่าที่สาวๆ ทุกคนอยากสวมในวันแต่งงาน แต่คงไม่ใช่เรา”
สิ้นเสียงพึมพำเบาๆ แหวนเพชรราคาแพงลิบเหยียบหลักล้าน ก็ถูกโยนไปบนโต๊ะหน้าโซฟาโดยไม่สนใจราคาค่างวดของแหวน ราวกับมันเป็นแค่เพียงก้อนกรวดก็ไม่ปาน...
นิลนารา ผู้เป็นเจ้าของแหวนเพชรนั่งมองอัญมณีสวยงามส่องประกายแวววาวเมื่อต้องกับแสงไฟ ก่อนจะถอนหายใจลึกยกมือลูบใบหน้าตัวเองแล้วซบอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน หัวสมองเต็มไปด้วยความคิด ตัดสินใจไม่ถูกว่าควรทำอย่างไรกับแหวนเจ้าปัญหาวงนี้
และเนื่องจากไม่ได้ปิดประตูห้องนอน ผู้เป็นมารดาจึงเดินมาเห็นเข้า และหยุดมองอยู่หลายนาที จึงตัดสินใจเคาะประตูห้องเบาๆ พร้อมกับเอ่ยถามออกไปว่า
“เพิร์ล แม่เข้าไปได้ไหมจ๊ะ”
นิลนารารีบเงยหน้าขึ้นหันไปมองมารดา ฝืนยิ้มให้กับท่านขณะเอ่ยตอบ “ได้สิค่ะ คุณแม่”
เอ่ยตอบไปแล้วก็ทำท่าจะเก็บซ่อนแหวนเพชรไม่ให้มารดาเห็น แต่ถูกท่านร้องห้ามไว้ซะก่อน
“วางแหวนไว้ที่เดิมนั่นแหละเพิร์ล แม่อยากเห็นแหวนของหนู”
“ค่ะ คุณแม่”
นิลนาราจำต้องวางแหวนเพชรวงงามไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนจะขยับกายให้มารดาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน
กุลธรา ผู้เป็นมารดายิ้มอบอุ่นให้ลูกสาวคนโต พลางหยิบแหวนเพชรมาทอดมอง แล้วเอ่ยถามลูกสาวด้วยความสงสัย
“เพชรวงนี้น้ำงามมาก เจียระไนไม่มีที่ติ ราคาคงแพงมากใช่ไหมลูก”
“ค่ะ คุณแม่ ราคาเกือบสิบล้านค่ะ” นิลนาราเอ่ยตอบโดยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับมูลค่าของแหวน
ผู้เป็นมารดาพยักหน้ารับ วางแหวนลงบนฝ่ามือของลูกสาว แล้วเอ่ยถามถึงที่มาที่ไป
“เพิร์ลบอกแม่ได้ไหมว่าได้แหวนวงนี้มาจากไหน แม่รู้ว่าเพิร์ลไม่มีเงินมากขนาดไปซื้อแหวนราคาเป็นล้านๆ มาสวม และแม่ก็ไม่เคยสอนให้เพิร์ลซื้อเครื่องประดับราคาแพงลิบมาสวมใส่ด้วย”
“แหวนวงนี้ไม่ใช่ของเพิร์ล แต่เป็นของคนอื่นที่ให้เพิร์ลมาค่ะ” นิลนาราเอ่ยบอกโดยไม่คิดปิดบัง
“และแหวนกำลังสร้างปัญหาให้กับเพิร์ลใช่ไหมจ๊ะ”
กุลธราเอ่ยถามแทงใจดำ เพราะเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของลูกสาวเต็มไปด้วยริ้วรอยของความทุกข์กังวล
“ค่ะ คุณแม่ ตอนเรียนอยู่ในมิลาน ถ้าหากย้อนเวลาได้เพิร์ลจะไม่ทำอะไรแย่ๆ ลงไปแบบนั้น” นิลนาราเอ่ยตอบเสียงเศร้าตีหน้าสลด เมื่อนึกถึงการกระทำอันผิดพลาดของตนเอง
ผู้เป็นมารดายกมือลูบบนใบหน้างาม เอ่ยถามแกมให้กำลังใจลูกสาวไปในตัว
“เล่าให้แม่ฟังสิลูก อย่าเก็บความทุกข์ไว้แค่เพียงคนเดียว อย่าลืมว่าเพิร์ลยังมีแม่และน้องสาวอยู่อีกคน”
“ค่ะ คุณแม่”
นิลนาราฝืนยิ้มหันไปซบหน้ากับฝ่ามือของมารดา ก่อนจะเล่าให้ท่านฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ตอนเรียนอยู่ในมิลาน เพิร์ลหลงรักผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขากลับไม่สนใจเพิร์ล เขายังพยายามประเคนเพิรล์ให้กับพี่ชายของเขา แถมยังควงผู้หญิงคนอื่นมาเยาะเย้ยให้เพิร์ลต้องเสียใจต้องร้องไห้ด้วยค่ะ”
“เขาเป็นไทยหรือลูก”
น้ำเสียงที่เอ่ยถามนั้นไม่มีตำหนิติเตียนลูกแม้แต่นิดเดียว นอกจากคอยให้กำลังใจเท่านั้น
นิลธาราส่ายหน้าปฏิเสธแล้วเอ่ยตอบว่า “เขาเป็นคนอิตาลีค่ะ ชื่อมาคอส อัลซาโค้ร์”
“เพิร์ลรู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาบ้างไหมลูก”
“มาคอสเกิดในตระกูลมาเฟียเก่าของอิตาลีค่ะ บ้านเกิดของเขาอยู่บนเกาะซิซิลี พี่ชายของเขาชื่อริคคาร์โด้เป็น ‘ดอน’ หรือที่เขาเรียกว่าเจ้าพ่อมาเฟีย ถ้าพูดง่ายๆ เหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวของเหล่ามาเฟียทั้งหลายค่ะ”
พอได้ยินคำว่า ‘มาเฟีย’ เท่านั้น ผู้เป็นมารดาถึงกับตกใจเบิกตาโตเอ่ยถามรัวเร็วกลับไปว่า
“เป็นมาเฟีย เป็นพวกเจ้าพ่อ ใส่สูท สวมแว่นตาดำ พกปืนตลอดเวลาเหมือนในหนังที่แม่เคยดูใช่ไหม เพิร์ล! หนูหลงรักมาเฟียหรือลูก แล้วจะปลอดภัยกับชีวิตของหนูไหมลูก”
“ไม่เหมือนหรอกค่ะคุณแม่” นิลนาราเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนจะอธิบายให้มาดาฟัง
“เท่าที่เพิร์ลเห็นพวกเขาตอนเรียนในมหาวิทยาลัย พวกเขาไม่ได้เป็นอันตรายกับใคร ไม่เคยคุกคามหรือทำร้ายใครก่อน ตรงกันข้าม...หากใครมาทำร้ายพวกเขาก่อนก็ถูกเล่นงานกลับจนเละไม่เป็นท่า นอกจากนั้นทั้งมาคอสและดอนริคคาร์โด้ต่างก็ช่วยเหลือคนที่ยากไร้ ตั้งมูลนิธิมากมายเพื่อช่วยเหลือเด็กและคนไร้บ้านด้วยค่ะ”
“พวกเขาเป็นมาเฟีย แม่คิดว่าคงมีศัตรูอยู่มาก เพิร์ลคิดดีแล้วหรือลูกที่หลงรักคุณมาคอส” ผู้เป็นมารดาไม่คิดห้ามในเรื่องความรักที่ลูกสาวมีใจกับใครสักคน นอกจากเอ่ยเตือนเท่านั้น
“เพิร์ลทราบค่ะ คุณแม่ แต่ความรักของเพิร์ลกับมาคอสไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาไม่ได้รักเพิร์ล สองตาเขายังไม่เคยแลเพิร์ลเลยค่ะ”
เอ่ยตอบมารดาไปแล้ว นิลนาราก็สูดสะอื้นเบาๆ กับความรักที่เกิดขึ้นแค่เพียงฝ่ายเดียว นำมาซึ่งความเจ็บปวดของเธอเสมอ
มารดาตบเบาๆ ไปบนมือเล็ก เพื่อให้กำลังใจก่อนจะเอ่ยถามถึงแหวนวงงามต่อ
“แล้วแหวนเป็นของใคร คนพี่หรือคนน้อง และเพิร์ลได้แหวนมายังไงลูก”
นิลนาราหลุบสายตามองแหวนเพชรในมือก่อนจะเอ่ยตอบ “ของดอนริคคาร์โด้ค่ะ คุณแม่”
ผู้เป็นมารดาเลิกคิ้วขึ้นสูง เอ่ยพูดแกมงุนงง “ชอบน้อง แต่ได้แหวนมาจากพี่ แม่ชักจะงงไปหมดแล้ว”
นิลนาราฝืนยิ้มให้มารดาแล้วเอ่ยบอกไขความกระจ่างทั้งหมด “เมื่อคุณมาคอสไม่สนใจ เพิร์ลก็เลยอยากทำให้เขาเห็นว่าเพิร์ลก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน และมีคนอื่นที่ยังรักและอยากแต่งงานกับเพิร์ล...เพิร์ลยังจำได้ดีว่าในวันที่คุณมาคอสควงหญิงสาวชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งให้ขึ้นรถไปกับเขา เพิร์ลก็ตัดสินใจไปหาดอนริคคาร์โด้และขอร้องให้ดอนหมั้นกับเพิร์ลค่ะ”
“และดอนริคคาร์โด้ก็ยอมทำตามที่เพิร์ลขอร้อง” ผู้เป็นมารดาเอ่ยคาดเดา
“ค่ะ คุณแม่ ดอนริคคาร์โด้ยอมทำตามคำขอร้องของเพิร์ล” นิลนาราเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา
“ทำไมดอนริคคาร์โด้ยอมล่ะลูก แม่มั่นใจว่าดอนไม่ได้รักเพิร์ล แต่ทำไมเขาถึงยอมผูกมัดกับเพิร์ลด้วยการหมั้นหมาย”
กุลธราเต็มไปด้วยความสงสัย นึกไม่ออกว่าทำไมมาเฟียผู้นี้ ต้องยอมผูกมัดกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักด้วย
“เพิร์ลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดอนริคคาร์โด้ถึงยอมหมั้นกับเพิร์ล เราหมั้นกันในวันรุ่งขึ้นซึ่งดอนมีคำสั่งให้คุณมาคอสอยู่เป็นสักขีพยานในงานหมั้นของเราด้วยค่ะ”
“แล้วมาคอสเขามีปฏิกิริยายังไงบ้างในวันหมั้นของหนู”
“เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ได้ยินดียินร้าย สีหน้าและแววตาของเขาเรียบเฉย พอหมั้นเสร็จแล้วเขาก็เข้ามากอดพี่ชายของเขา ก่อนจะหายตัวไปเกือบสองสัปดาห์เพิร์ลจึงได้พบเขาอีกครั้งในมหาวิทยาลัยค่ะ” นิลนาราเอ่ยบอกเสียงเศร้า ก่อนจะเล่าให้มารดาฟังต่อ
“หลังจากเพิร์ลหมั้นกับดอนริคคาร์โด้แล้ว มาคอสไม่เคยพูดกับเพิร์ลอีกเลย แต่เพิร์ลก็แอบเฝ้าติดตามข่าวคราวของเขา และรู้ว่าเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า กระทั่งต่างคนต่างก็เรียนจบ เพิร์ลกลับประเทศไทย ดอนริคคาร์โด้และมาคอสกลับบ้านของพวกเขาที่อยู่บนเกาะซิซิลีค่ะ”
“เพิร์ลกำลังเป็นทุกข์กับการหมั้นใช่ไหมลูก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยแทงใจดำ และนิลนาราก็พยักหน้ารับเศร้าๆ
“ค่ะ...คุณแม่ เพิร์ลเพิ่งรู้ว่าตัวเองทำเรื่องโง่ๆ ลงไปด้วยการขอให้ดอนริคคาร์โด้หมั้นกับเพิร์ลเพื่อเป็นการประชดมาคอส และตอนนี้เพิร์ลก็กำลังเป็นทุกข์ไม่สบายใจกับพันธะที่เพิร์ลสร้างขึ้นมา เพิร์ลไม่อยากให้ดอนต้องติดอยู่ในพันธะของเพิร์ลตลอดไป”
“แล้วเพิร์ลจะทำยังไงล่ะลูก”
“เพิร์ลอยากคืนแหวนให้กับดอน ขอยกเลิกการหมั้น และคืนอิสระให้กับดอนริคคาร์โด้ค่ะ”
“เพิร์ลจะไปอิตาลี ไปหาดอนริคคาร์โด้ที่เกาะซิซิลีหรือลูก”
นิลนาราส่ายหน้าปฏิเสธกับคำถาม “ไม่ค่ะ คุณแม่ เพิร์ลไม่กล้าไปค่ะ”
“เพิร์ลกลัวการเผชิญหน้ากับมาคอส” มารดาเอ่ยออกมาได้อย่างถูกต้องราวกับเข้าไปนั่งอยู่ในใจของลูกสาว
“ค่ะ เพิร์ลกลัวการไปเห็นครอบครัวของมาคอส แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่เพิร์ลก็ไม่พร้อมสำหรับการเจอภรรยาหรือลูกๆ ของเขา...”
น้ำเสียงที่เอ่ยตอบนอกจากจะเศร้าสร้อยแล้วยังติดสั่นเครือจนผู้เป็นมารดาต้องถอนหายใจยาวด้วยความสงสาร
“แล้วเพิร์ลจะทำยังไงลูก จะทิ้งให้ปัญหาคาราคาซังแบบนี้ก็คงไม่ได้ ถ้าจะให้แม่ไปอิตาลีแทนเพิร์ลก็คงไม่ไหว แม่ไม่ชอบนั่งเครื่องบินไกลบินเป็นสิบๆ ชั่วโมง”
“เราจะทำยังไงดีคะ เพิร์ลไม่อยากให้ดอนริคคาร์โด้ต้องมีพันธะกับเพิร์ล เพราะเพิร์ลรู้ว่าดอนจะแต่งงานกับใครไม่ได้จนกว่าเขาจะถอนหมั้นกับเพิร์ลซะก่อน”
“ถ้าเพิร์ลไม่กล้าไปเกาะซิซิลี ถ้ายังงั้นให้นาราไปแทนดีไหมลูก”
กุลธรากำลังพูดถึง นารา หรือนาราภัทรลูกสาวคนเล็ก ซึ่งเป็นครูสอนนักเรียนชั้นมัธยมต้นของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นิลนาราเบิกตาโตกับคำแนะนำของมารดา “จริงสิ ให้นาราไปทำธุระเรื่องนี้ให้ เดี๋ยวเพิร์ลจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้นาราเอง”
“เรื่องค่าใช้จ่าย ค่าตั๋วเครื่องบินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ปัญหาอยู่ที่ว่านาราจะยอมไปหรือเปล่า”
เจอคำพูดของมารดาเข้า ทำเอานิลนาราต้องพยักหน้ารับ มีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันที
“จริงด้วยค่ะ ทำยังไงนาราถึงจะยอมไปอิตาลี ถ้าเพิร์ลจะสร้างเรื่องมาหลอกนารา คุณแม่คิดว่าเพิร์ลใจร้ายและเห็นแก่ตัวเกินไปไหมคะ และถ้านารารู้ความจริง น้องจะโกรธเพิร์ลหรือเปล่า”
มีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เพราะใช่ว่าจะรู้สึกดีหากให้น้องสาวเป็นผู้ตามแก้
ปัญหาที่ตนได้ก่อไว้
“ไม่หรอกลูก เพิร์ลอย่าคิดแบบนั้น พี่น้องกัน เมื่อใครคนใดคนหนึ่งเดือดร้อน อีกคนก็ต้องช่วยเหลือ ซึ่งแม่มั่นใจว่าหากนารามีเรื่องเดือดร้อนให้เพิร์ลช่วย เพิร์ลก็พร้อมช่วยน้องในทันทีเช่นเดียวกัน”
คำพูดอันมีเหตุผลของมารดาช่วยให้นิลนารารู้สึกสบายใจขึ้น ก่อนจะฟังมารดาแนะนำต่อ
“แต่เราคงบอกความจริงกับนาราไม่ได้ ต้องสร้างสถานการณ์มาหลอกนาราเพื่อให้นารายอมไปอิตาลี”
“สร้างสถานการณ์แบบไหนดีคะ คุณแม่ เพิร์ลยอมรับว่าตอนนี้เพิร์ลคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ค่ะ”
ใช่! เธอกำลังมืดแปดด้านกับปัญหาอันใหญ่โตในครั้งนี้
ผู้เป็นมารดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยออกมา “ถ้ายังงั้นเพิร์ลทำตามแผนของแม่ก็แล้วกัน”
ว่าแล้วก็เอ่ยบอกแผนการให้ลูกสาวทราบพร้อมกับซักซ้อมคำพูดไว้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกสาวคนเล็ก
และหลังจากวางแผนกันเรียบร้อยแล้ว กุลธราก็เอ่ยบอกกับลูกสาวว่า “เพิร์ลส่งข้อความไปหานารานะ นาราจะได้กลับบ้านในวันนี้เลย”
“ได้ค่ะ คุณแม่”
นิลนารารีบทำตามคำแนะนำของมารดา ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือของนาราภัทรให้น้องสาวกลับบ้านในวันนี้
ซึ่งปกติแล้วนาราภัทรจะกลับบ้านในทุกเย็นวันศุกร์ ก่อนจะกลับไปสอนนักเรียนในเช้าวันจันทร์ซึ่งหญิงสาวทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว
และเมื่อพิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์มือถือแล้ว นิลนาราก็กดส่งหาน้องสาวโดยมีใจความสั้นๆ เพื่อสร้างความสงสัยให้กับน้องสาวว่า
‘เลิกงานแล้ว กลับบ้านด่วน!’