4.สิงห์ร้ายกับนางสมันเนื้อหวาน
*** ทักทายคร้า ***
ร้านอาหารสามพี่น้อง
ร่างสูงสง่าสวมสูทสีเข้มของสิงหนาทยืนมองป้ายร้านอาหารเล็กๆ แต่บรรยากาศร่มรื่นเหมาะสำหรับพาครอบครัวมานั่งรับประทานอาหาร ร่างสูงท่าทางน่าเกรงขามเดินนำหน้าบอดี้การ์ดสองคนข้ามถนนไปยังร้านอาหาร มือใหญ่ถอดแว่นตากันแดดออกจากสันจมูกโด่ง สายตามองไปยังร่างสูงเพรียวสวมชุดหมีสีส้มมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าผูกอยู่ที่เอว พีระศักดิ์และการ์ดที่เดินมาด้วยกันถึงกับอมยิ้มออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา ที่เห็นคุณอนลหนุ่มเจ้าสำราญที่มักแต่งตัวเนี้ยบอยู่ตลอดเวลากำลังเดินเสิร์ฟอาหาร
“นายนล” เสียงเรียกคุ้นหูทำให้อนลหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นพี่ชายสุดที่รักก็ยิ้มออกมา
“พี่สิงห์” สิงหนาทมองร่างสูงเพรียวของน้องชาย แววตาคมนิ่งลึกจนยากจะอ่านความรู้สึกว่ากำลังคิดอะไร สมิตายืนมองอยู่หลังเคาน์เตอร์ ส่วนป๋องเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปตามดมิสาที่อู่ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“นายมาทำอะไรที่นี่ รู้ไหมฉันกับคุณตาเป็นห่วงแค่ไหน” สิงหนาทต่อว่าด้วยใบหน้าเคร่งขรึม อนลกลืนน้ำลายลงคอ ไม่กล้าสบตาพี่ชาย
“เมื่อคืนผมไปมีเรื่องกับพวกซิ่งรถน่ะครับ คุณสาไปเจอเข้าเลยช่วยเอาไว้”
คิ้วหนาของสิงหนาทขมวดเข้าหากันเมื่อน้องชายเอ่ยชื่อคนที่เขาไม่รู้จัก อนลจึงไขข้อข้องใจของพี่ชายทันที
“ดอกเตอร์ดมิสาคือคนที่ช่วยชีวิตผมไว้ครับพี่ ผมเลยอยากตอบแทนเธอบ้าง”
“ด้วยการเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็ซ่อมรถนี่นะ ทำไมนายไม่เอาเงินให้เขาไป”
อนลสบตาพี่ชายแล้วมองเลยไปยังร่างโปร่งระหงของ ดมิสาที่ยืนมองอยู่ สองวันที่เขาขอรักษาตัวที่บ้านหญิงสาว ทำให้อนลรู้ว่าครอบครัวเล็กๆ นี้อบอุ่นและเอื้ออาทรต่อคนรอบข้างเสมอ
“ถ้าคิดว่าเงินคุณดังนักก็ไปดังที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่” เสียงห้วนเข้มของดมิสาดังมาจากข้างหลัง ทำให้สิงหนาทหันไปมองด้วยสีหน้าบึ้งตึง
พีระศักดิ์และสยมชัยแตะปืนในซองหนังที่ซ่อนอยู่ในเสื้อสูทเมื่อเห็นชายฉกรรจ์เดินมาท่าทางเอาเรื่อง แต่พอเห็นสิงหนาทยกมือขึ้นห้ามจึงยืนนิ่งอย่างสงบ อนลรีบเดินมายืนกั้นระหว่าง ดมิสาและพี่ชาย สายตาคมเข้มของสิงหนาทมองร่างโปร่งระหงสวมชุดหมีสีส้มที่ยืนมองสบตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว
“เอ่อ ใจเย็นๆ นะครับเจ๊สา” อนลยกมือห้ามทัพ ขณะมองสายตาไม่พอใจของพี่ชายกับสายตาขุ่นเคืองของอาจารย์สาว
“ฉันไม่ยักรู้ว่าพี่ชายนายก็ชอบใช้เงินฟาดหัวคนจน”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ๊”
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วมันแบบไหนกัน นายบอกหน่อยสิ” ดมิสาถามพร้อมกับชำเลืองมองร่างสูงที่มองมาที่เธอ สมิตาขยับไปจับมือพี่สาวไว้เมื่อรู้ว่าอารมณ์เดือดเริ่มจะปะทุขึ้นมาแล้ว
“เอ่อ คือ...” อนลจนปัญญาหาคำอธิบาย สิงหนาทจึงเป็นฝ่ายถามเสียเอง
“ดอกเตอร์ที่ช่วยนายอยู่ที่ไหน ฉันจะคุยกับเขาเอง”
อนลทำหน้าไม่ถูก สบตากลมสวยของดมิสา หญิงสาวจึงเหยียดยิ้ม หันไปมองร่างสูงของสิงหนาทตั้งแต่หัวจดเท้า ทำให้คนถูกมองกำมือแน่นอย่างกรุ่นโกรธ
“มีอะไร” ดมิสาถามห้วนๆ ดวงตาคมเข้มตวัดมอง ก่อนจะหันไปมองน้องชายอย่างคาดคั้น
เอาล่ะสิ ราชสีห์สิงหนาทตัวใหญ่เจอหนูตัวเล็กพิษสงรอบตัวซะแล้ว
“ผมจะคุยกับดอกเตอร์ที่ช่วยน้องผมเท่านั้น”
“ก็ฉันนี่แหละ ดอกเตอร์ดมิสา”
สิงหนาทมองใบหน้าเนียนใสอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ดูเธออายุน้อยเกินกว่าที่จะจบดอกเตอร์ ถ้าให้เขาประเมินอายุเธอไม่น่าถึงยี่สิบห้าด้วยซ้ำ ใบหน้าคมเข้มจึงหันไปขอคำยืนยัน อนลไม่ตอบเป็นคำพูดได้แต่พยักหน้าขึ้นลงแทน สมิตาเห็นเหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นจึงกระซิบกับอนลเบาๆ ว่า
“ฉันว่าพาพี่ชายคุณกับพี่สาวฉันไปนั่งก่อนเถอะ ดูแล้วจบไม่ลงแน่ๆ”
อนลพยักหน้าเห็นด้วย จึงเอ่ยกับพี่ชาย
“พี่สิงห์ไปนั่งในร้าน ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนดีกว่าครับ”
“ไม่จำเป็น นายกับฉันกำลังจะกลับเดี๋ยวนี้” สิงหนาทปฏิเสธเสียงเข้ม แล้วเหลือบมองดมิสานิดหนึ่ง ในใจรู้สึกหมั่นไส้และอยากสั่งสอนดอกเตอร์หน้าอ่อนที่ยืนเชิดหน้าใส่เขาอยู่ในขณะนี้
ในที่สุดอนลก็ต้องยอมกลับไปพร้อมกับพี่ชาย แต่เขาก็สัญญากับสมิตาว่าถ้าว่างจะแวะมาหาและมาช่วยหญิงสาวเสิร์ฟอาหารที่ร้านอีก ดมิสายืนมองท้ายรถยนต์คันหรูวิ่งไปจนลับตา ก่อนจะหันไปมองน้องสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่บาง สมิตาหันมายิ้มแล้วพากันเดินเข้าไปในร้าน
***
