บทที่4 ไวโอเล็ต
แสงจันทร์นวลผ่องทอดตัวลงมาจากฟากฟ้า ส่องกระทบกับเรือนผมสีเงินราวแพรไหมของนาง สะท้อนประกายอ่อนละมุนจนดูราวกับเทพธิดาในภาพวาดโบราณ
ใบหน้าของหญิงสาวดูงดงามเหนือมนุษย์ ทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยความสงบนิ่ง ดวงตาสีม่วงล้ำค่าดุจอเมทิสต์เปล่งประกายระยิบระยับราวอัญมณีเมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์
ไวโอเล็ต กลาเซียร์ หลับตาลงพลางสูดหายใจลึก ๆ ราวกับต้องการซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบและอบอุ่นนี้ให้มากที่สุด
เพราะพรุ่งนี้.. เป็นวันที่นางต้องนำทัพไปเผชิญหน้ากับสมรภูมิในฐานะราชินีแห่งดาบของจักรวรรดิ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของนาง ไวโอเล็ตเบนสายตากลับมาทางประตูห้อง ริมฝีปากของนางคลี่ออกเป็นรอยยิ้มจาง ๆ คล้ายรู้อยู่แล้วว่าผู้ใดที่ยืนอยู่อีกด้านของประตู..
อวี้หลิงหรงสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ร่างกายสั่นเทิ้มพร้อมกับเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นเต็มกรอบหน้า เธอมักจะฝันถึงเหตุการณ์เหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง..
เหตุการณ์โหดร้ายที่นางเคยเผชิญในอดีตได้หลอมรวมเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนนางอย่างไม่มีสิ้นสุด เช่นเดียวกับความฝันในคืนนี้ ซึ่งเป็นชาติล่าสุดที่นางเพิ่งจากมา
ในชาติที่สามนั้น.. นางลืมตาขึ้นมาในมุมหนึ่งของตรอกแคบ ๆ ซึ่งแทบจะหลบเร้นไปจากสายตาผู้คน
ภายใต้แสงจันทร์นวลตา เงาร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่กลางตรอก นางเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยที่ซุกกายอยู่ข้างกองขยะอับชื้น สวมใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น
นางก้มมองเงาสะท้อนของตนในแอ่งน้ำขัง เผยให้เห็นใบหน้าของเด็กหญิงคนหนึ่งที่เนื้อตัวมอมแมม เส้นผมยุ่งเหยิงจับกันเป็นกระจุก
ครั้งนี้นางไม่รู้เลยว่า ตนเองได้มาสวมร่างของใคร และที่แห่งนี้คือที่ไหน นางไม่มีความทรงจำใด ๆ ของเจ้าของร่างนี้เลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่นางสัมผัสได้ในตอนนี้ มีเพียงความหิวโหยราวกับจะฉีกกระเพาะของนางออกเป็นชิ้น ๆ
กลิ่นหอมหวนของอาหารที่ลอยมาตามสายลมยิ่งเป็นการซ้ำเติมเด็กน้อยให้ท้องไส้ปั่นป่วนจนรู้สึกปวดแสบ ดวงตาสีม่วงคู่สวยฉายประกายมุ่งมั่นขึ้นมา มือเรียวเล็กกำแน่น เธอไม่ยอมหิวตายอยู่ตรงนี้แน่
เธอต้องเอาชีวิตรอดให้ได้!
หลังจากข่มความเหน็ดเหนื่อย เด็กสาวค่อย ๆ ยันกายขึ้นยืน แม้จะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงเพราะความหิวโหย นางเม้มริมฝีปากพลางมองไปยังต้นทางของกลิ่นหอมนั้น มันลอยมาจากด้านในตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางความมืด
ตรงประตูทางเข้า มีป้ายไม้แขวนอยู่ สลักอักษรตัวโตว่า “กิลด์ทหารรับจ้างไฮด์การ์เดียน” เด็กสาวค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามแสงไฟสีอุ่นของโคมตะเกียงที่แขวนอยู่บนผนังอิฐ
ลมค่ำคืนพัดไล่ผ่านไปทั่วตรอกแคบ สัมผัสเย็นยะเยือกของอากาศหนาวทำให้ร่างกายของเด็กน้อยสั่นไหวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอยืนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจผลักประตูและเดินตรงเข้าไปด้านในอาคาร
เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งจากหน้าประตู เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็เดินออกมาจากทางด้านใน ไม่นานนักร่างท้วมของสตรีวัยกลางคนในผ้ากันเปื้อนสีซีดก็ปรากฏตัวขึ้น นางมีใบหน้าคมเข้ม เส้นผมสีดำหยักศก แววตาดูดุและเคร่งขรึมราวกับเป็นคนเข้มงวด แต่ก็ยังมีเค้าความเมตตาซ่อนอยู่
"เจ้ามีธุระอะไรหรือเปล่า ยัยหนู?" น้ำเสียงแหบห้าวแฝงไปด้วยความสงสัยเอ่ยขึ้น
เด็กสาวที่ตอนนี้เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหนาว แต่ยังพยายามรวบรวมความกล้าสบตา
"สวัสดีค่ะคุณป้า" เธอค้อมศีรษะทำความเคารพตามความเคยชิน
หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ประหลาดใจที่เด็กหญิงตัวน้อยแต่กลับมีมารยาทงดงามอย่างกับลูกขุนนางชั้นสูง นางกอดอกมองเด็กที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาพินิจ
"หนูอยากขอทำงานที่นี่ค่ะ หนูไม่ต้องการอะไรมาก ขอแค่อาหารกับที่นอน"
คำขอที่แสนจะใสซื่อนั้น ทำให้สตรีวัยกลางคนชะงักไปชั่วขณะ สายตาที่เคยแฝงความระแวงสะท้อนแววเวทนาออกมาโดยไม่รู้ตัว
เธอกับสามีอยู่ที่กิลด์นี้มานาน เห็นเด็กลักเล็กขโมยน้อยมาก็เยอะ แต่ไม่เคยมีใครตรงเข้ามาขอทำงานเช่นนี้มาก่อน
หญิงร่างท้วมเจ้าของร้านอาหารภายในกิลด์หันมามองเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าด้วยสายตาครุ่นคิด นางมีเนื้อตัวผอมบาง ดูอิดโรยจากความหิวโหย แต่สิ่งที่สะดุดตาพวกเขาที่สุดคือดวงตาสีม่วงคู่นั้นที่เปล่งประกายราวอัญมณี ไม่เหมือนเด็กกำพร้าทั่วไปที่พวกเขาเคยพบเจอ
"เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการทำงานจริงๆ?" หญิงวัยกลางคนถามพลางมองเด็กน้อยอย่างพินิจพิเคราะห์
"แน่ใจค่ะ หนูไม่กลัวเหนื่อย หนูทำอะไรก็ได้ ขอแค่มีอาหารและที่พักให้ก็พอค่ะ"
คำพูดของนางหนักแน่นเกินกว่าที่เด็กวัยไม่ถึงสิบขวบควรจะเป็น ในที่สุดหญิงวัยกลางคนก็ตัดสินใจรับเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามา และตั้งชื่อให้นางว่าไวโอเล็ตตามสีดวงตาของนาง
นับตั้งแต่วันนั้น ไวโอเล็ตก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของร้านเหล้าในกิลด์ทหารรับจ้าง
งานของนางมีตั้งแต่เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน ไปจนถึงช่วยทำความสะอาดร้าน แม้นางจะยังเด็ก แต่ความขยันขันแข็งและความอดทนของนาง ก็ทำให้เหล่าทหารรับจ้างในกิลด์ทุกคนต่างเอ็นดู
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา นอกจากการทำงาน ไวโอเล็ตยังได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเหล่าทหารรับจ้าง นางเรียนรู้เกี่ยวกับเส้นทางเดินเรือ ภูมิศาสตร์ของแผ่นดิน การค้าขายและข่าวสารต่าง ๆ ที่เหล่าทหารรับจ้างนำมาเล่าให้ฟัง
แต่สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดนั่นคือการต่อสู้
ในตอนแรกคุณลุงเจ้าของกิลด์ทหารรับจ้างลังเลที่จะสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เช่นนาง เขาเกรงว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะไม่สามารถรับภาระหนักจากการฝึกฝนได้ ทว่าไวโอเล็ตกลับรบเร้าไม่หยุด
"ข้าไม่อยากเป็นภาระให้ใคร ข้าอยากดูแลตัวเองได้!" นางกล่าวอย่างหนักแน่น
คุณลุงมองดวงตาสีม่วงที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นของเด็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจยอมแพ้
"เอาเถอะ.. ข้าจะสอนให้เจ้าเอง แต่เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝนล่ะ เข้าใจหรือไม่?"
"เข้าใจเจ้าค่ะ!!"
หลังจากวันนั้นเขาก็เลือกที่จะสอนวิชาการใช้แด็กเกอร์ให้กับนาง เนื่องจากมันเป็นมีด จึงคล่องตัวและเหมาะกับผู้ที่มีร่างกายเล็ก
ไวโอเล็ตเริ่มฝึกตั้งแต่การจับมีด การควงมีดเพื่อป้องกันตัว จนกระทั่งไปถึงการใช้มีดโจมตีจุดสำคัญของศัตรู และน่าประหลาดที่ดูเหมือนไวโอเล็ตจะมีพรสวรรค์ด้านนี้โดยธรรมชาติ
นางสามารถซึมซับเทคนิคต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาก็พัฒนาเป็นการใช้มีดคู่ ทำให้อาจารย์ผู้สอนนางถึงกับเอ่ยปากชมว่าไวโอเล็ตมีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม
ทว่าไม่มีผู้ใดล่วงรู้.. ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางได้จับอาวุธ
แม้ว่านางจะเคยเรียนรู้การใช้ศาสตราวุธมากมายมาจากชาติที่สอง แต่ในบรรดาอาวุธทั้งหมดที่เคยได้สัมผัส ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้นางรู้สึกชื่นชอบไปมากกว่าวิชามีดคู่ และเหตุผลที่นางชื่นชอบการใช้มีดคู่ที่สุดในบรรดาอาวุธมากมาย นั่นเป็นเพราะอาจารย์ผู้สอนนางนั้น ตั้งใจสอนวิชานี้ให้นาง ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงและหวังดี หวังให้เด็กตัวน้อย ๆ ใช้วิชาเหล่านี้เพื่อปกป้องตนเอง
เมื่อคิดย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาเหล่านั้น รอยยิ้มบาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปากของอวี้หลิงหรงโดยไม่รู้ตัว ทว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ปนความขมขื่นและเศร้าหมอง นางยังจำได้ดีถึงกลิ่นหอมอบอวลของอาหารที่ลอยกรุ่นออกมาจากห้องครัวทุกเช้า
เสียงหัวเราะของคุณป้าที่ดังขึ้นทุกครั้งที่นางเผลอทำช้อนตกลงพื้น และสัมผัสอบอุ่นจากมือของคุณลุงที่คอยตบบ่ากำชับให้ทำงานดี ๆ
ทุกค่ำคืนหลังจากเสร็จสิ้นงานในร้าน นางจะได้นั่งล้อมวงกับพวกพี่ ๆ ทหารรับจ้างและฟังเรื่องราวการเดินทางของพวกเขา
แต่ละคนมาจากแดนไกล บ้างก็ผ่านสมรภูมิรบอันโหดร้าย บางคนผ่านประสบการณ์เฉียดตายมานับไม่ถ้วน มีทั้งนักล่าอสูร พ่อค้าอิสระ นักล่าสมบัติ และแม้กระทั่งคนที่เคยเป็นทหารหลวงแต่ผันตัวมารับงานอย่างอิสระ ต่างนำเรื่องราวของตนมาเล่าสู่กันฟัง
บางครั้งก็เป็นเรื่องราวการผจญภัยที่ชวนตื่นเต้น บางครั้งก็เป็นเรื่องเศร้าสะเทือนใจเกี่ยวกับพวกพ้องที่สูญเสียไปจากภารกิจหนึ่ง.. สู่อีกภารกิจหนึ่ง แต่ท่ามกลางความโหดร้ายนั้นก็ยังมีเสียงหัวเราะแฝงอยู่เสมอ
เชิงอรรถ
^
Dagger(กริช) เป็นอาวุธระยะประชิดประเภทมีดสั้น มีใบมีดสองคมที่ออกแบบมาเพื่อแทงเป็นหลัก
