บท
ตั้งค่า

14. แม่หมูกับลูกหมู

พอรู้ว่าผู้ที่ซ่อนอยู่คือใคร ซืออินก็เผยยิ้มอ่อนทันที พร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาเจ้าก้อนกลมที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“ซีเอ๋อร์มาหาแม่หรือ” นางทักทายเสียงอ่อน ละยังยอบกายคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังผงกศีรษะให้ “แล้วเจ้ากินอันใดมาหรือยัง ที่เรือนแม่มีขนมมากมายเลยนะ” ซืออินหลอกล่อเด็กน้อย ซึ่งมันเป็นปกติที่นางมักทำเป็นประจำสมัยเป็นหมอ

“ฮูหยินหากเรือนใหญ่ทราบ ท่านจะถูกตำหนิเอานะเจ้าคะ” เสี่ยวปิงรีบเตือนอย่างหวังดี หากเป็นแต่ก่อนนางคงกล่าวว่า ขออย่าให้ผู้เป็นนายทำอันใดเด็กน้อยเลย ทว่าคราวนี้กลับต่างออกไป พวกนางเป็นห่วงนายของตน เกรงเรือนใหญ่จะมาต่อว่าเอาอีก

“ข้าไม่กลัวหรอก อีกอย่างพวกเขาก็แค่มาบ่น ๆ แล้วก็ไป ไม่มีใครกล้าสั่งลงโทษข้ามิใช่หรือ ตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับข้าคือการสร้างมิตรภาพที่ดีกับซีเอ๋อร์มากกว่า พวกเจ้าคิดดูสิ...ถ้าข้าไม่แสดงให้พวกเขาเห็นแง่มุมดีดี ใครที่ไหนจะมาเปิดรับตัวตนที่ต่างออกไปของข้าล่ะ” ซืออินให้เหตุผล ซึ่งมันจริงอย่างที่นางว่า

หากนางปล่อยให้คนคิดในแง่ลบ มันย่อมเป็นลบอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่คนอื่นจะมองเห็นด้านดีดีที่นางมี

ฉะนั้นนางต้องเริ่มจากการเข้าหาเด็กนี่แหละ

เสี่ยวปิงและเสี่ยวจูมองหน้ากันเล็กน้อย จากนั้นทั้งคู่ก็ยิ้มอ่อนอย่างเข้าใจความหมายที่ผู้เป็นนายต้องการสื่อ

จากนั้นซืออินก็หอบเอาเจ้าก้อนกลมขึ้นมา “อัยหยา! ซีเอ๋อร์ แต่ละวันเจ้ากินอันใดเข้าไปบ้าง ทำไมถึงหนักเช่นนี้ฮึ” นางว่าพร้อมกับซุกหน้าลงที่ซอกคอบุตรเลี้ยง แล้วก็ส่ายหน้าไปมาเพื่อหยอกเย้า นำพาเสียงหัวเราะใสแจ๋วได้เปล่งออกมา

เหล่าบ่าวไพร่ในเรือนต่างก็พากันชะเง้อคอยาว บ้างก็วิตกกังวล บ้างก็เชื่อว่ามันคงไม่มีอะไรแล้ว เพราะตลอดสิบวันมานี้ เจ้าของเรือนดูอ่อนโยนและใจดีกว่าแต่ก่อนมาก

บ่าวบางคนจึงคิดว่า หานซืออินนางได้เปลี่ยนไปแล้ว

ทว่าเสียงหัวเราะสนุกสนานที่มีกลับต้องหยุดลง เพราะเสียงที่ดังมาก่อนตัวของโจวเป่ยโหว “ปล่อยบุตรข้าลงประเดี๋ยวนี้”

ซืออินชะงักเท้าแล้วหันกลับมามองเขา ทว่านางไม่ได้ปล่อยเจ้าก้อนกลมลงตามที่เขาบอก ส่วนหนึ่งก็มาจากซีเหยียนนั้นกอดคอนางไว้แน่น และไม่แม้แต่จะหันมามองบิดาสักนิด

“ไม่ใช่ข้าไม่อยากปล่อยนะเจ้าคะ”ว่าพร้อมกับกางแขนออก

ทว่าร่างของซีเหยียนกลับยังคงเกาะแน่น นำพาให้คนเรือนใหญ่ได้แต่ยืนมองตาโต เพราะคาดไม่ถึงว่าคุณชายน้อยจะติดสตรีร้ายกาจผู้นี้มาก ถึงกับกอดรัดแน่นและไม่ยอมฟังคำผู้ใด

“นี่เจ้าทำอะไรกับหลานข้ากันแน่ ซีเอ๋อร์ถึงได้เผลอไผลไปกับสตรีร้ายกาจเช่นเจ้าได้” มารดาท่านโหวคำรามอย่างไม่ไว้หน้า

“ท่านแม่ อย่าเสียงดังต่อหน้าซีเอ๋อร์ขอรับ” อวิ้นหลางเอ่ยเตือนมารดา ที่ดูเหมือนจะลืมตัวไปชั่วขณะ

ซืออินมองดูสถานการณ์เบื้องหน้าแล้วก็ถอนหายใจ หากนางปล่อยไปโดยไม่พูดอะไร คนเรือนใหญ่เป็นได้คอยระแวดระวังไม่มีที่สิ้นสุดเป็นแน่ ภายหน้าต่อให้นางแก้ไขทุกอย่างได้ ก็ใช่ว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุข ตราบที่ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ยังคงมีอยู่

ฉะนั้นทางที่ดี นางควรจัดการกับปัญหาเหล่านี้ควบคู่กันไปด้วย วันข้างหน้าจึงจะอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีใครหาเรื่องให้อีก

“ท่านแม่อย่าได้มีโทสะเลยเจ้าค่ะ สะใภ้แค่จะพาซีเอ๋อร์ไปทานขนมบนเรือนเท่านั้น หากไม่เชื่อ จะตามขึ้นไปด้านบนก็ได้นะเจ้าคะ” ซืออินเอ่ยบอกอย่างใจเย็น ทว่าอีกฝ่ายกลับมิได้แยแส

“ไม่ได้! ข้าจะไม่ยอมให้ซีเอ๋อร์ขึ้นเรือนเจ้า” ฮูหยินใหญ่แผดเสียงลั่น ก่อนจะสั่งให้แม่นมจางมาอุ้มเอาหลานตนกลับ ทว่าเด็กน้อยนั้นยังคงดื้อดึง กอดรัดมารดาไม่ยอมปล่อย

“ซีเอ๋อร์อย่าดื้อ” อวิ้นหลางเอ่ยตำหนิ ทว่าบุตรตัวน้อยกลับไม่ยอมฟัง ที่สำคัญสองแขนกลับยิ่งกอดรัดมารดาแน่น

“พวกเจ้ากำลังทำซีเอ๋อร์เจ็บมิรู้หรือ” ซืออินเอ่ยตำหนิบ้าง เพราะแม่นมจางรวมถึงสาวใช้อีกคนพยายามแกะมือเด็กน้อยจนขึ้นรอยแดง ทำให้ทั้งคู่พากันผงะตกใจรีบถอยออกมาก่อน

“ซีเอ๋อร์มาหาย่ามา เจ้าอยากกินขนมอันใด ย่าจะให้คนไปซื้อให้นะเด็กดี มาเถิด” ฮูหยินใหญ่พยามโน้มน้าวหลานชายตน

และครานี้เองที่ซีเหยียนได้เอ่ยขึ้นมาบ้าง “หลานจะกินขนมที่ท่านแม่ทำ ท่านแม่ทำขนมอร่อย หลานชอบ”

“อะไรกัน! ข้าสั่งให้พวกเจ้าเอาขนมนั่นทิ้งไปแล้วมิใช่หรือ เหตุใดซีเอ๋อร์ถึงยังได้กินมัน ไยพวกเจ้าถึงได้สะเพร่ากันเช่นนี้หา” ฮูหยินหันมาตำหนิแม่นมจางและผู้ที่ดูแลหลานชายตนทันที

‘นี่รังเกียจถึงขนาดเอาขนมที่ส่งไปให้ทิ้งเลยหรือ’ ซืออิน นึกในใจ แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงกลับไป เพราะประเดี๋ยวเรื่องมันจะบานปลายไปกันใหญ่ แค่นี้เด็กน้อยก็ตกใจจะแย่แล้ว นางจึงคิดใช้วิธีประนีประนอมกับคนที่น่าจะพูดคุยง่ายสุด

“ท่านโหวข้าว่า เราขึ้นไปคุยกันด้านบนเถิดเจ้าค่ะ ส่วนท่านแม่ กลับไปก่อนนะเจ้าค่ะ ที่นี่มีท่านโหวอยู่ อย่างไรเสียเขาคงไม่ปล่อยให้สะใภ้ทำอันใดซีเอ๋อร์กระมัง” แม้นางไม่อยากสร้างปัญหา

ทว่าซืออินก็ยังกล่าวประชดมารดาสามีให้ได้มีโทสะขึ้นมา ยังดีที่อวิ้นหลางมองว่ามันคือทางออกที่ดี เขาจึงยอมทำตามที่ฮูหยินตนบอก เพราะใจหนึ่งเขาก็อยากรู้ว่าเหตุใดบุตรชายตัวน้อย ถึงได้ดูเชื่อใจมารดาเลี้ยงผู้นี้นัก ถึงกับกล้าขัดคำสั่งเขาเลยเชียว รอให้จบจากตรงนี้แล้ว เขาคงต้องลงโทษจริงจังเสียที

“ท่านแม่ กลับไปรอที่เรือนก่อนนะขอรับ ประเดี๋ยวลูกจะพาซีเอ๋อร์กลับไปส่งให้” อวิ้นหลางหันมาหามารดาที่ยืนทำหน้าไม่พอใจ ก็แน่ล่ะ...ยามนี้หลานชายคนเดียว ดันเห็นผู้อื่นดีกว่าตน

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่หลานชายนางอยากอยู่ด้วย ยังเป็นหญิงใจร้าย ที่เคยสั่งขังซีเหยียนเมื่อครึ่งเดือนก่อนด้วย เป็นเช่นนี้จะให้นางวางใจ ปล่อยให้หลานรักอยู่กับสตรีร้ายกาจผู้นี้ได้หรือ

“แต่ว่า…” ฮูหยินใหญ่อ้าปากหมายจะท้วง

“ฮูหยินใหญ่สบายใจได้เจ้าค่ะ หานซืออินที่แสนร้ายกาจผู้นั้น ไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว นิสัยชั่วช้าที่นางเคยมี บัดนี้มันจมหายไปกับคลองน้ำที่นางพลัดตกลงไปในวันนั้นแล้วเจ้าค่ะ ข้าสาบานได้ว่า นับจากนี้จะไม่รังแกหรือทำร้ายซีเอ๋อร์อีก”

“ชิ! คำพูดจากนางมารเช่นเจ้า ข้าไม่มีวันเชื่อถือเป็นอันขาด” ฮูหยินใหญ่กล่าวในสิ่งที่นางมั่นใจว่ามันไม่มีทางเปลี่ยน คนใจชั่ว อย่างไรก็ไม่มีทางเปลี่ยนมาเป็นคนดีได้

ซืออินก็ได้แต่ยิ้มอ่อน เพราะโต้เถียงไปก็ไม่เกิดประโยชน์ คนเราหากเชื่อฝังใจแล้วมันก็ยากที่จะเปลี่ยน คงมีเพียงแค่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ทุกอย่างได้ และมันคงต้องนานพอดู

ด้านอวิ้นหลาง หลังจากได้ยินคำพูดฮูหยินตนก็นิ่งไปครู่หนึ่ง เพราะหลายประโยคที่นางเอ่ย มันชวนให้สงสัยนัก

“ท่านแม่ พาพวกนางกลับไปก่อน ทิ้งไว้แค่แม่นมจางก็พอ” อวิ้นหลางหันมาเอ่ยกับมารดา พร้อมกับทำตาดุใส่เล็กน้อย

“ก็ได้…เจ้าอยู่ที่นี่ก็ต้องระวังตัวรู้หรือไม่ แม่ว่าหานซืออิน อาจจะใช้มนต์ดำบางอย่าง ทำให้ซีเอ๋อร์หลงนางก็เป็นได้” คนแก่หันมากระซิบในสิ่งที่ตนคิด บุตรชายจึงได้แต่ถอนหายใจ

“ป้าอี้ พาท่านแม่กลับเรือนไปพักเสีย” อวิ้นหลางออกคำสั่งเสียงเข้ม ผู้เป็นมารดาจึงจำต้องเดินจากไปโดยที่ไม่ได้หลานคืน

เมื่อคนเรือนใหญ่ไปหมดแล้ว ซืออินก็หมุนตัวเดินนำขึ้นเรือน ทว่ามันค่อนข้างลำบากเล็กน้อย เพราะนางยังอุ้มซีเหยียนอยู่

“เจ้าหมูอ้วน ทำขาแม่สั่นหมดแล้วนะ” นางกล่าวหยอกล้อ พร้อมกับขยับแขนตนขึ้นลงเพื่อหยอกเย้าคนในอ้อมกอด และมันได้ทำให้เสียงหัวเราะสดใสเปล่งออกมาอีกครั้ง

“ซีเอ๋อร์ไม่อ้วน ท่านแม่ต่างหากที่เป็นหมูอ้วน” เด็กน้อยกล่าวอย่างไม่ประสา นำพาให้ทุกคนตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

“คุณชายน้อยอย่าเอ่ยเช่นนี้กับผู้ใดนะเจ้าคะ มันไม่ควรเจ้าค่ะ” แม่นมจางรีบเตือน คำเหล่านี้มันไม่ควรเอาไปพูดกับใคร เพราะมันไม่สุภาพต่อคนฟัง ที่สำคัญเมื่อครู่คุณชายน้อยยังเอ่ยกับสตรีร้ายกาจผู้นี้อีก ไม่รู้ต่อจากนี้นางจะลงโทษเช่นไร

ทว่าสิ่งที่หานซืออินกล่าว กลับทำทุกคนมึนงง

“ใช่ ซีเอ๋อร์อย่าเอาคำนี้ไปพูดกับใครเด็ดขาดรู้หรือไม่ แต่ว่า เจ้าพูดกับแม่ได้นะ เพราะแม่เป็นแม่หมู ย่อมอ้วนเหมือนลูกหมูของตนเองอยู่แล้ว” สิ้นคำนางก็ฝังหน้าลงซุกไซ้ซอกคอบุตรชาย

“ฮ่า ๆ ท่านแม่พอแล้ว ซีเอ๋อร์ยอมแล้ว” เด็กน้อยบอกเสียงกลั้วหัวเราะอย่างมีความสุข และยังดิ้นไปมาจนทำให้มารดาเสียหลัก โดยมีแขนแกร่งเอื้อมมารั้งไว้ได้ทัน จึงไม่หงายหลังลงไป

“เล่นกันพอหรือยัง” อวิ้นหลางกล่าวตำหนิเสียงดัง ทว่าแววตาที่ใช้มองฮูหยิน กลับไม่ได้เกรี้ยวกราดอย่างที่ควรจะเป็น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel