บทที่ 4 ความอยุติธรรมของเสนาบดีเสี่ยว
บทที่ 4 ความอยุติธรรมของเสนาบดีเสี่ยว
เพราะพลังปราณที่ได้รับจากมู่มู่รวมถึงไก่ตุ๋นโสมพันปีที่ท่านย่าส่งมาให้เสี่ยวหงได้กินเพียงเวลาไม่นานร่างกายของนางก็รู้สึกแข็งแรงขึ้นไม่น้อย
แต่ทว่าแม้จะแข็งแรงแต่เรี่ยวแรงบางส่วนก็ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับร่างเดิมของนางได้อยู่ดี
เสี่ยวหงที่กำลังถูกอิ๋งเอ๋อร์พยุงเข้ามาภายในเรือนดอกเหมย เรือนใหญ่ของท่านย่า กำลังปรายตามองสองแม่ลูกมหาภัยด้วยแววตายิ้มเยาะ
เมื่อวานค่อนข้างจะกะทันหันทำให้ตัวนางเองไม่ได้ทันสังเกตบรรยากาศรอบๆ วันนี้นางจึงมองดูโดยรอบระหว่างที่เดินมาถึงเรือน
จวนเสนาบดีแห่งนี้ใหญ่โตกว้างขวาง เรือนหลังใหญ่ที่สุดเป็นของท่านย่า เรียกว่าเรือนดอกเหมย สมชื่อจริงๆ บรรยากาศโดยรอบเรียงรายด้วยดอกเหมยหลากสี ตอนนี้เป็นปลายฤดูหนาวแล้วบรรยากาศยิ่งชวนให้เหน็บหนาวเหลือเกิน
ส่วนเรือนปีกซ้ายเป็นเรือนของท่านเสนาบดีกับฮูหยิน เรียกว่าเรือนโบตั๋น แต่ยามนี้ดอกโบตั๋นกลับแห้งตายเพราะความหนาว อิ๋งเอ๋อร์เล่าให้นางฟังว่า ฤดูร้อนดอกโบตั๋นถึงบานอีกครั้งฮูหยินหลิวเฟยชอบมันเป็นชีวิตจิตใจ
ส่วนเรือนปีกขวาเป็นเรือนของเสี่ยวไป๋และเสี่ยวชิงสองพี่น้อง เรียกว่าเรือนเหลียนฮวา(ดอกบัว) แม้จะเป็นเรือนย่อยเล็กแต่ก็แบ่งเขตชายหญิงชัดเจน เสี่ยวไป๋เป็นรองแม่ทัพ เขาแทบจะไม่ค่อยได้กลับเรือนด้วยซ้ำ เท่ากับว่าเรือนนี้แทบจะเป็นของเสี่ยวชิงคนเดียว รอบๆ เรือนต่างมีดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์รายล้อมงดงามยิ่งนัก
ส่วนสุดท้ายเรือนของเสี่ยวหง อยู่ด้านหลังสุดของเรือนใหญ่ คือเรือนกุ้ยฮวา อันที่จริงแล้วนางเองชอบดอกกุ้ยฮวามากเสียด้วยซ้ำ มันทำเป็นขนมก็อร่อย ชงชาก็เลิศรสยิ่งนัก
หลังจากที่เข้ามาในเรือนดอกเหมยแล้วท่านย่าก็เรียกให้นางนั่งลงที่ข้างกาย ก่อนจะกวาดสายตามองไปที่ฮูหยินหลิวเฟยกับเสี่ยวชิง
"ฮูหยินผู้เฒ่าท่านเสนาบดีกับรองแม่ทัพเสี่ยวไป๋มาถึงแล้วเจ้าค่ะ"
นางพยักหน้าน้อยๆ ไม่นานเสนาบดีเสี่ยวกับเสี่ยวไป๋ก็เดินเข้ามาทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือขอรับท่านย่า"
เสี่ยวไป๋หันไปมองท่านแม่กับน้องสาวของเขาก่อนสลับไปมองเสี่ยวหงที่นั่งร้องไห้น้ำตาคลออยู่ข้างกายท่านย่า
"แม่เจ้าตบตีหงเอ๋อร์ ส่วนชิงเอ๋อร์ตบหน้าตัวเองสำนึกผิดจนสติเลื่อนลอย"
"ไม่ใช่นะเจ้าคะ เสี่ยวหงเป็นฝ่ายที่ตบตีข้าสองคนแม่ลูก ท่านพี่ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ นางเป็นปีศาจ เราต้องพาไต้ซือมากำราบนาง"
ฮูหยินหลิวหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เสนาบดีเสี่ยว เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรเขาเองก็รู้ดีมาตลอดว่าภรรยากับลูกสาวของเขาทำสิ่งใดกับเสี่ยวหงเอาไว้บ้าง แต่เหตุใดครั้งนี้จึงกระทำการโจ่งแจ้งจนท่านแม่รู้เรื่องเข้า
"เหตุการณ์เพียงเล็กน้อย ท่านแม่ของเจ้ากับชิงเอ๋อร์คงไม่ได้มีเจตนาร้าย เจ้าคงไม่ถือสากระมังเสี่ยวหง"
เสี่ยวหงสบถในใจ นี่ไม่ใช่คำถามที่เห็นใจ แต่เป็นการบังคับให้นางปิดหูปิดตา ยอมทนให้สองแม่ลูกนี่ทุบตีเสีย
"เจ้าค่ะท่านพ่อ"
"อืม เช่นนั้นก็แยกย้ายกันกลับเรือนไปเถิด"
"ไม่ได้!!! เสี่ยวเถียน หงเอ๋อร์เจ็บหนักถึงเพียงนี้เชียวนะ"
"ท่านแม่ ชิงเอ๋อร์ก็เจ็บหนักไม่แพ้เสี่ยวหง นางยังไม่เห็นจะร้องขอความเห็นใจจากท่าน ท่านก็ให้มันแล้วไปเถิด ข้ามีงานราชการต้องทำขอตัวก่อน"
ฮูหยินเฒ่าเหมือนกำลังจะเอ่ยสิ่งใดออกไปแต่ก็ต้องเก็บเอาไว้ ส่วนเสี่ยวหงเองนางก็เดาออกแต่แรกแล้วว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้ นางเป็นเพียงผู้อาศัยจะคาดหวังให้เจ้าบ้านมาเห็นใจได้เช่นไรกันเล่า วันนี้นางก็ได้ทุบตีสองแม่ลูกไปไม่น้อยค่อนข้างระบายแค้นไปได้ครึ่งหนึ่ง
ฮูหยินหลิวกับเสี่ยวชิงค่อยๆ พยุงกันลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินจากไปยังไม่ลืมส่งสายตาเกลียดชังส่งมาทิ่มแทงเสี่ยวหง
"หงเอ๋อร์"
"ช่างเถิดเจ้าค่ะท่านย่า ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวกลับไปพักผ่อนสักหน่อยคงหายดี"
"ไปเถิดไปเถิด ช่วงนี้มีแต่เรื่อง ย่าเองก็ไม่มีจิตใจจะไปไหว้ขอพรแล้ว เอาไว้ก่อนคงจะดี"
"เจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงเดินแยกตัวออกมาจากเรือนดอกเหมยตรงไปที่เรือนกุ้ยฮวา แต่ทว่าระหว่างทางกลับพบกับเสี่ยวไป๋ที่ยืนอยู่ใต้ต้นกุ้ยฮวาด้านหน้าเรือนของนาง
เสี่ยวไป๋เป็นบุรุษชายทหาร ผิวเข้ม องอาจ รูปหน้าคล้ายท่านเสนาบดีเสี่ยวเถียนถึงเจ็ดแปดส่วน เมื่อเห็นว่านางกำลังเดินมาเขาก็รีบหันมาส่งยิ้มให้นาง
"คารวะพี่ใหญ่เจ้าค่ะ"
"น้องหญิงเป็นเช่นไรบ้าง ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่หรือไม่"
เสี่ยวไป๋ยื่นมือมาจับข้อมือของเสี่ยวหงก่อนจะหมุนตัวนางไปมาจนนางรู้สึกเวียนหัว
"พี่ใหญ่ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงดึงมือกลับมาพร้อมกับถอยห่างจากเขา เสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาจากนางสองสามก้าว
"ขออภัย ข้าแค่เป็นห่วงเจ้า เห็นเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วข้าก็สบายใจ"
เสี่ยวหงเพียงยิ้มออกมาเล็กน้อย นางค่อนข้างแปลกใจไม่น้อยที่พี่ชายต่างสายเลือดของนางผู้นี้ดูเป็นห่วงเป็นใยนางยิ่งนัก
"อะนี่ ข้าซื้อเกาลัดของโปรดเจ้ามาฝากเจ้าด้วย กินตอนร้อนๆ เถิด ข้าไปละ"
เสี่ยวไป๋ยัดห่อเกาลัดใส่มือของนางก่อนจะเดินจากไป สายตาของเสี่ยวหงหันไปมองอิ๋งเอ๋อร์ที่ถอนหายใจออกมาหนักๆ
"อิ๋งเอ๋อร์เจ้าเป็นอะไรไป?"
"คุณหนูจำเรื่องนั้นไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ"
"เรื่องอะไร"
"เมื่อสองเดือนก่อนหลังจากที่ชินอ๋องถอนหมั้น นายน้อยก็สารภาพรักกับคุณหนูจะขอคุณหนูเป็นภรรยาเอก จนทะเลาะกับท่านเสนาบดีกับฮูหยินจนใหญ่โตไงเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมนางถึงไม่เห็นภาพความทรงจำนี้ในหัวเลยนะ
"พี่ใหญ่สารภาพรักข้า?"
"เจ้าค่ะ"
"ข้าจำไม่ได้แล้วละ ช่างเถิดกลับเข้าเรือนกันข้าหนาวแล้ว"
เสี่ยวหงเดินนำอิ๋งเอ๋อร์เข้ามาด้านในเรือน นางไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมา หากเสี่ยวไป๋ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับนาง นางเองก็คร้านที่จะใส่ใจกับเขา