ตอนที่ 4 จ้างปีละล้าน
“ไปเป็นแม่บ้านเนี่ยนะ” นับดาวถามราวกับหูฝาด มันมัดมือชกกันชัดๆ
“นอกจากโง่แล้วยังหูตึงอีกนะ” ไต้ฝุ่นขมวดคิ้วจ้อง นับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขามีแต่เสียอารมณ์ ทั้งโง่ ทั้งฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้โง่ แล้วทำไมฉันจะต้องไปเป็นแม่บ้าน ฉันทำงานอย่างอื่นใช้หนี้ก็ได้นี่” งานมีตั้งเยอะตั้งแยะ เธอไม่อยากจะอยู่ใกล้คนอันธพาลปากเสียที่ชอบหาเรื่องผู้หญิง
“ถ้าฉลาดมากก็บอกฉันมาสิ ว่านักศึกษาปีสองอย่างเธอ จะไปทำงานอะไรที่มันได้เงินเดือนเยอะๆ นอกจากขายตัว ไม่ก็เป็นเด็กเสี่ย”
“แล้วไปเป็นแม่บ้านให้พี่มันได้เงินเยอะตรงไหน” งานมันก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น อย่างน้อยก็คงจะได้แค่รายวันขั้นต่ำ
“ฉันจ้างเธอปีละล้านไปทำงานให้ฉันห้าปี แล้วหนี้ทุกอย่างถือว่าจบ” ข้อเสนอดีขนาดนี้ถ้าไม่รับไว้ก็โง่เต็มทีละ
“ปีละล้าน” นับดาวเบิกตาโพลงเอ่ยขึ้นเสียงดังอย่างไม่เชื่อหู จะใจป้ำเกินไปหน่อยไหมที่กล้าจ้างเธอไปทำความสะอาดบ้านด้วยค่าจ้างปีละล้าน
“หัดแคะขี้หูซะบ้างนะ เธอฟังไม่ผิดหรอก ฉันจ้างปีละล้านแถมจะให้เงินเดือนเธอใช้อีกเดือนละหมื่น แต่ถ้าไม่ยอม…”
“ทำค่ะ ทำ” ไต้ฝุ่นยังไม่ทันได้พูดจบ นับดาวก็รีบตอบตกลงทันที
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยๆ และเขาก็คงจะเป็นลูกคนรวยที่ใช้เงินมือเติบจนเคยชิน แต่จะอะไรก็ช่าง อย่างน้อยเธอก็แค่ทำงานเป็นแม่บ้านให้เขาแค่ห้าปีก็จะชดใช้หนี้ของพ่อเธอได้หมด แถมยังมีเงินใช้จ่ายระหว่างเรียนอีกเดือนละหมื่น คิดดูแล้วก็มีแต่ได้กับได้
“แล้วเพนท์เฮาส์ที่ว่าอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“ไปรอหน้ามหา’ ลัย เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปเอง”
ไต้ฝุ่นกระตุกยิ้มหันหลังเดินออกมา ปล่อยให้หญิงสาวยืนงงอยู่ชั่วครู่ นับดาวก็เดินออกไปรอหน้ามหาวิทยาลัยตามที่เขาบอก
“มึงไปทำอะไรที่หลังตึก” โจที่สายตาดีเห็นแผ่นหลังของเพื่อนแวบๆ แล้วก็หายเข้าไปที่ด้านหลังตึกเลยยืนดักรอเพื่อซักถาม
“นัดสาวชัวร์” แบดซ์ลองคาดเดา แต่ดูท่าแล้วคงจะใช่
“นี่พวกมึงไม่มีอะไรทำกันหรือไง ถึงได้มาดักรอกูเนี่ย” ไต้ฝุ่นตอกกลับเพื่อนพลางยกมือขึ้นลูบท้ายทอยราวกับคนไม่มั่นใจ คนอุตส่าห์แอบมาเงียบๆ ไม่คิดว่าไอ้พวกนี้จะดันมาเห็นเข้าจนได้
“สีหน้ามึงดูแปลกๆ ไปทำอะไรผิดมารึเปล่า” เสือเริ่มจับพิรุธเพราะเวลาพูดไต้ฝุ่นมักจะหลบสายตา
“แปลกเหี้ยอะไร”
“แปลกดิ เมื่อกี้พวกกูได้ยินมึงคุยกับผู้หญิง ใครเหรอวะ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ” ภูเขายืนยันอีกเสียง เห็นแก่หน้าเพื่อนหรอกถึงไม่พากันเข้าไปขัดจังหวะ ไม่อย่างนั้นได้เห็นหน้าไปแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
คราวนี้ไต้ฝุ่นคงต้องบอกความจริงแล้วล่ะ เพราะพวกเพื่อนอาจจะได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ไปแล้วก็ได้
“เธอชื่อนับดาว อยู่บริหารปีสอง”
“มึงนี่แอบซุ่มนะ ทำไมคนนี้ถึงไม่เปิดเผยเหมือนทุกครั้งวะ” แบดซ์เริ่มคาดคั้น ปกติเวลาไต้ฝุ่นจะควงสาวคนไหน เพื่อนอย่างพวกเขามักจะรู้กันหมด แต่คนนี้มาแปลก แอบมาคุยกันหลังตึก
“ไม่ได้ซุ่มเว้ย ก็แค่ยัยเด็กปากดี กูก็เลยจะเอามาดัดนิสัยสักหน่อย”
“ดัดนิสัยอะไรของมึง” เสือถามกลับ
“ยัยเด็กนี่ด่ากูว่าปากหมาว่ะ เกิดมายังไม่เคยโดนผู้หญิงด่าแบบนี้มาก่อนเลย กูต้องหาวิธีเอาคืน”
“ฮ่าฮ่า มึงจะเอาคืนยังไง อย่าบอกนะว่าจะฟันแล้วทิ้ง” ภูเขาหัวเราะร่าแล้วถามกลับ
“ฟันแล้วทิ้งพ่องมึงดิ กูจะให้นับดาวไปเป็นแม่บ้านที่เพนท์เฮาส์ของกูต่างหาก” ไต้ฝุ่นรีบด่ากลับ ถึงเขาจะชอบมีอะไรกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ก็เลือกทำกับคนที่เต็มใจและรับเงื่อนไขของเขาได้เท่านั้น
“ความคิดมึงนี่ย้อนแย้งว่ะ อยากจะเอาคืนแต่ให้น้องมันไปทำงานที่เพนท์เฮาส์ของมึงเนี่ยนะ กูว่ามึงสนใจน้องมันมากกว่า” เสือแสดงความเห็นต่าง อยากเอาคืนแต่กลับให้เธอไปอยู่ใกล้ ดีไม่ดีจะกลายเป็นหลงรักสาวคนนั้นเสียไม่ว่า
“ไม่มีทาง กูไม่มีวันสนใจยัยเด็กนั่น” ไต้ฝุ่นยืนยันเสียงแข็ง ผู้หญิงอะไรมีดีแค่หน้าตา ปากก็ไม่หวาน ไม่รู้จักเคารพรุ่นพี่แบบนั้น ไม่อยู่ในสเปกของเขาอย่างแน่นอน
“ไม่คุยกับพวกมึงละ กูมีอย่างอื่นต้องไปทำ” เอ่ยจบก็โบกมือลาเพื่อนแล้วเดินออกมาทันที ขืนอยู่นานมีหวังโดนซักไซ้อีกยาวแน่ๆ
และไอ้พวกนั้นก็ยังไม่รู้ว่าเขาเสียเงินตั้งห้าล้านเพื่อที่จะให้นับดาวยอมไปเป็นแม่บ้านให้กับเขา ถ้ารู้นี่มีหวังถูกล้อแน่ๆ เพราะส่วนมากคนที่เขาเปย์ต้องได้ขึ้นเตียงด้วยเท่านั้น แต่ยัยเด็กปีสองนั่นแม้แต่มือก็ยังไม่ได้จับ
ไต้ฝุ่นเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ลานจอดรถ แล้วขับออกไปแวะรับหญิงสาวที่ยืนรอนานหลายนาทีเพราะมัวแต่ถูกไอ้เพื่อนเวรถามกันไม่หยุด
นับดาวนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในรถไม่กระดุกกระดิก ตามองข้างทางอยู่ตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องนั่งรถกับชายแปลกหน้าสองต่อสอง แม้ว่าจะรู้จักกันบ้างแล้ว แต่ก็ไม่รู้นิสัยใจคอว่าเขาเป็นคนอย่างไร
“ลืมพกปากมาหรือไง”
“คะ” นับดาวขานรับราวกับตั้งคำถาม เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบดีกว่า
“ฉันถามว่าลืมพกปากมาหรือไง”
“พกมาค่ะ แต่ไม่มีอะไรจะพูด” ปากปีจออย่างเขา พูดไปก็คงจะโดนสวนกลับด้วยคำที่ไม่ดี
“คนอย่างเธอคงไม่เคยมีแฟนสินะ ปากอย่างนี้คงไม่มีใครเอา”
“ไม่มีใครเอาก็ช่าง แล้วอย่ามาหาเรื่องชวนทะเลาะได้ไหมคะ ฉันไม่อยากคุยด้วย”
“คุยกับฉันแล้วมันทำไม มีผู้หญิงตั้งกี่คนที่อยากจะนั่งรถไปกับฉัน แต่เธอนี่โชคดีมากเลยนะที่เป็นแค่แม่บ้านก็มีคนคอยขับรถให้”
นับดาวหันไปมองเขาแวบหนึ่งก็เบือนหน้ามองข้างทางพร้อมกับลอบถอนหายใจ เธอไม่ได้ขอมาด้วยสักหน่อย และฐานะแม่บ้านเขาก็เป็นคนยัดเยียดให้เองโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ คนอะไรนอกจากจะปากเสียแล้ว ยังหลงตัวเอง ชอบพูดเองเออเองเก่ง
รถหรูเข้าไปจอดด้านล่างของตึกสูง และพาเธอเดินเข้าลิฟต์เพื่อไปยังเพนท์เฮาส์สุดหรูของเขาที่อยู่ชั้นบนสุด
ไต้ฝุ่นหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาปลดล็อกแล้วเปิดประตูเข้าไปด้านใน นับดาวที่เดินตามหลังก็สอดส่องสายตามองไปยังบริเวณรอบๆ ห้อง และนี่ก็น่าจะเป็นชั้นล่าง เพราะเธอมองเห็นโซนที่เป็นห้องนั่งเล่น และด้านซ้ายมือก็น่าจะเป็นห้องครัว และมีบันไดขึ้นไปข้างบนอีกชั้นซึ่งน่าจะเป็นห้องนอน
“พี่อยู่ที่นี่กับใครเหรอคะ” ตั้งแต่เข้ามาก็ยังไม่เจอใครเลยสักคน เธอเลยเกิดความอยากรู้
“อยู่คนเดียว”
“ฮะ!” นับดาวเบิกตาโพลงร้องอุทานเสียงดัง
ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าตอนนี้เธอกับผู้ชายตรงหน้ากำลังอยู่กันสองต่อสองอย่างนั้นเหรอ มันจะสุ่มเสี่ยงเกินไปหรือเปล่า