บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 เพื่อนร้ายกับเพื่อนรัก

เพราะอาจารย์ติดภารกิจด่วนจึงต้องยกคลาสตฤณรดาจึงมีเวลานั่งว่าง ๆ ถึง2ชั่วโมงหญิงสาวนั่งเล่นเกมส์มือถืออยู่บนม้านั่งใต้ร่มไม้เพียงคนเดียวเพราะรมิตานั้นเรียนคนละคณะ ดวงตาคมละสายตาจากจอมือถือสมาร์ทโฟนมองไปรอบ ๆ บรรยากาศรอบกายไม่ได้สงบเงียบแต่ก็ไม่ถึงขั้นวุ่นวายไม่บ่อยนักที่เธอจะได้อยู่ในบรรยากาศแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาจะมีสุพรรณิการ์และเพื่อนในกลุ่มของเธอมานั่งพูดคุยนินทาคนนั้น พูดถึงคนนี้ให้ฟังอยู่เสมอ

“หลบหน้าหลบตาอยู่นี่อีก ถึงกับไม่กล้าสู้หน้าฝ้ายเลยเหรอคุณต้อง” น้ำเสียงจิกกัดดังมาจากด้านข้างก่อนที่คนกลุ่มหนึ่งจะมานั่งลงข้าง ๆ เธอเหล่านี้เป็นกลุ่มเพื่อนของสุพรรณิการ์ที่เวลาไปไหนมักจะเกาะกลุ่มไปด้วยกัน ตฤณรดาได้แต่ลอบพ้นลมหายใจแรง ๆ ดูท่าแล้วคนพวกนี้คงคิดว่าที่หายไปเพราะเธอไม่กล้าสู้หน้าสุพรรณิการ์หลังจากถูกจับได้ว่ายั่วยวนแฟนของเพื่อนสินะ ‘ยัยพวกนี้สมองเท่าเมล็ดถั่วรึไงกันนะ’

“นี่แบม เราไม่ได้หลบหน้าหลบตาฝ้ายหรอกนะ แล้วก็ไม่ได้ไม่กล้าสู้หน้าด้วยเธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ” ตฤณรดาเอ่ยบอก คนที่ส่งเสียงจิกกัดเธอนั้นมีชื่อว่าอรณุกาหรือชื่อเล่นว่าแบม เธอคนนี้เป็นสาวเปรี้ยวที่แต่งตัวได้เข็ดฟันเอามาก ๆ แม้กระทั้งอยู่ในชุดนักศึกษา อรณุกาคนนี้คบหากับสุพรรณิการ์มาตั้งแต่สมัยมัธยมเป็นคนหนึ่งที่เธอรู้สึกขัดใจเมื่ออยู่ใกล้ ไม่ใช่เพราะหล่อนเปรี้ยวหรอกแต่หล่อนชอบมโนว่าตัวเองสนิทกับสิรดนัยน่ะสิ หล่อนมักจะบอกว่าพี่ชายหล่อนเป็นเพื่อนสนิทของสิรดนัยและเพื่อนพี่ชายคนนี้ก็ดูจะมีใจให้หล่อน

“แล้วทำไมต้องหอบผ้าหอบผ่อนออกจากห้องด้วยล่ะ” สุพรรณิการ์ที่เดินมาพร้อมกับสตายุหรือฟลุ๊ค แฝดผู้พี่เอ่ยถามขึ้น บนใบหน้าไร้ซึ่งความอ่อนหวานมีเพียงความแข็งกร้าวที่ส่งมาให้ตฤณรดา

ผิดกับสตายุที่มองฝาแฝดของตนด้วยความเบื่อหน่ายพร้อมกับเอ่ยถามตฤณรดาอย่างเป็นห่วง “คุณต้องไปพักที่ไหนครับ ทำไมอยู่ ๆ ก็ย้ายออก”

“เราย้ายออกเพราะเราไม่ชอบอยู่กับคนที่ไม่เชื่อใจเราน่ะฟลุ๊ค แล้วอีกอย่างเราก็กลัวผู้ชายแสนดีบางคนมันมาลวนลามแล้วบอกแฟนมันว่าเรายั่วอีก เราก็เลยย้ายออก” ตฤณรดาตอบออกไปด้วยเสียงประชดประชันถึงบางคนที่ไม่ได้แสนดีอย่างที่แสดงออก

“แล้วย้ายออกไปอยู่ไหนครับ เย็นนี้ผมไปส่งไหม” ชายหนุ่มหนึ่งเดียวในที่นี้เอ่ยถามในขณะที่สุพรรณิการ์ได้แต่ชักสีหน้าไม่พอใจใส่แฝดผู้พี่

“เราย้ายไปอยู่กับแฟนน่ะ ฟลุ๊คไม่ต้องไปส่งหรอกเมย์กับแฟนเขาจะไปส่งเราเอง” ตฤณรดาเอ่ยบอกพร้อมเน้นย้ำคำว่าแฟนด้วยเสียงหนักแน่น ทั้งบอกสตายุที่มีทีท่าจีบเธอมาตั้งแต่แรกและบอกคนอื่นว่าตัวเธอเองก็มีแฟนแล้วไม่ยุ่งกับแฟนคนอื่นหรอก ถึงแม้มันจะเป็นการพูดไม่ชัดเจนเรื่องแฟนก็เถอะ

“หา นี่คุณต้องมีแฟนแล้วเหรอ หึ จะเชื่อได้เหรอ ไม่ใช่บอกมีแฟนแล้วลับหลังย่องไปนอนกับแฟนเพื่อนนะ” สุพรรณิการ์เอ่ยอย่างไม่เชื่อเท่าไหรนัก ความจริงแลวเธอไม่ไว้ใจทั้งตัวตฤณรดาและตัวแฟนหนุ่มของตัวเองเลยสักนิด เป็นธรรมดาของคนที่นอกใจแฟนแล้วกลัวแฟนจะนอกใจบ้าง ยิ่งกับเพื่อนด้วยแล้วยิ่งน่ากลัว เพราะเธอเองก็ลักลอบมีความสัมพันธ์กับเพื่อนของแฟนอยู่เช่นกัน

“เราไม่ใช่เธอนะฝ้าย ส่วนเรื่องแฟนจะเชื่อไม่เชื่อก็ช่าง แต่ต่อไปนี้คุยกันแค่เวลาต้องทำงานกลุ่มก็พอนะ เวลาอื่นเราขอบายดีกว่า” ตฤณรดาเอ่ยบอก ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของสุพรรณิการ์กับผู้ชายที่ชื่ออนาวินทร์ซึ่งเป็นเพื่อนของภราดล หลายครั้งที่สุพรรณิการ์ออกไปกับฝ่ายนั้นเป็นชั่วโมงสองชั่วโมงลับหลังแฟนหนุ่ม เธอไม่ชอบการกระทำของสุพรรณิการ์และอนาวินทร์แต่เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนเธอถึงเงียบไว้ ใครจะคิดว่าไอ้หมอนั่นเป็นคู่อริของสิรดนัยกัน ถ้ารู้เธอจะแฉให้ภราดลฟังให้หมดตั้งแต่สุพรรณิการ์เริ่มทำลับหลังไปแล้ว

“นี่แกจะเลิกคบพวกฉันเหรอคุณต้อง” สุพรรณิการ์ถามเสียงหลง เธอจะไม่ยอมให้ตฤณรดาเลิกคบเธออย่างแน่นอนเพราะการคบหากับลูกหลานราชนิกูลคนนี้ทำให้เธอมีคนสนใจและสามารถปูทางให้เธอเข้าวงการบันเทิงได้ เธอไม่มีทางยอมให้ตฤณรดาเลิกคบเธอแน่ “ที่ผ่านมาคุณต้องจะทำอะไรกับพี่ดลลับหลังฝ้าย ฝ้ายจะยกโทษให้อย่าพูดตัดขาดกันแบบนี้สิคุณต้อง เราคบกันมาไม่ใช่แค่เดือนสองเดือนนะ”

“เราไม่ได้เลิกคบเธอเพราะรู้สึกผิด เพราะเรากับแฟนเธอไม่เคยมีอะไรเกินเลยกัน แต่ที่เราพูดตัดขาดกับเธอและเพื่อนก็เพราะว่าเธอไม่เคยเชื่อใจเราเลย เราคบเพื่อนที่เชื่อใจเราเท่านั้น เมื่อไม่เชื่อใจกันไม่คบจะดีกว่า ขอตัวนะ” หม่อมหลวงทายาทสองตระกูลใหญ่ที่มีนามสกุลพ่วงท้ายว่าสัตยบดินทร์ลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกไปอย่างไม่ใยดีสีหน้าไม่พอใจของใคร เธอตรงไปตรงมาเสมอ และตัดสินใจเด็ดขาดเสมอ เมื่อความเชื่อใจถูกทำลายไปสำหรับเธอมันจะไม่มีครั้งที่สอง ไม่มีสุพรรณิการ์กับเพื่อนเธอก็ไม่เครียดหรอก ไหน ๆ เพื่อนสุดที่รักก็กลับมาเมืองไทยแล้วเธอจะต้องไปแคร์เพื่อนที่นิสัยร้าย ๆ ทำไมกัน

เพื่อนที่คบหากันได้นานต้องมีความเชื่อใจกันแต่เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เชื่อใจกันแล้วก็จะรั้งคบกันไปทำไม วันนี้มีความไม่เชื่อใจวันหน้าจะมีได้อย่างไร ถอยแต่เนิ่น ๆ นั้นเป็นทางที่ดีที่สุด หลักการนี้ไม่ใช่แค่กับเพื่อนเท่านั้นแต่ใช้ได้กับคนรักได้ด้วยตฤณรดาเชื่อว่าอีกไม่นานภราดลกับสุพรรณิการ์ต้องมีเรื่องไม่เชื่อใจกันจนเลิกราแน่ถ้าเธอยังคบกับสุพรรณิการ์อยู่คงได้ถูกมองเป็นต้นเหตุอย่างแน่นอน สู้ออกมาเสียตอนนี้ดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ ต่อไปนี้เกิดอะไรขึ้นกับสุพรรณิการ์ก็ไม่เกี่ยวกับเธอแต่ถ้ามาระรานวุ่นวายกับเธอล่ะก็อย่าหาว่าเธอร้ายแล้วกัน

เย็นวันนั้นตฤณรดารีบกลับมาเรือนอุ่นรักเพราะอยากจะกอดเพื่อนคนสนิทให้ชื่นใจแต่...เหมือนว่ามีคนไวกว่าเธอเสียอีก ทันทีที่ขึ้นมาภายในบ้านก็เห็นสิรดนัยกอดพลอยวารินทร์และถามทุกข์สุขน้องสาวอยู่ก่อนแล้ว เขาตัดหน้าเธอชัด ๆ

“ดู ดู ทำหน้าเป็นเลโอนี่ไปได้เพื่อนโซ่” พลอยวารินทร์แซวก่อนที่จะผละจากพี่ชายมากอดเพื่อนสาวที่ทำหน้าเป็นตัวขี้อิจฉาก่อนที่จะผละออกด้วยสีหน้างอน “เป็นไร?”

“ตัวสูงกว่าเราเยอะไปแล้วนะ”คนพ่อแม่ให้ความสูงมาน้อยบอกอย่างแสนงอนก่อนจะพร่ำเพ้อคร่ำครวญที่ทำอย่างไรก็ไม่สูงได้เท่าเพื่อนสักที “นี่เรากินนมทุกวันตัวก็ยังสูงขึ้นนิดเดียวเองอ่ะ ฮือ”

“แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้นะคุณต้อง แต่แข่งความสูงกับเราเนี่ยแข่งไม่ได้หรอก พ่อแม่ให้มาเยอะ เนาะพี่สิงโตเนาะ” คนพ่อแม่ให้ความสูงมาเยอะเอ่ยบอกพลางขอความเห็นจากพี่ชายที่ถ้าพาไปยืนเทียบกับราชนิกูลสาวเธอจะอยู่เพียงก่ำกึ่งระหว่างหน้าท้องกับหน้าอก ‘นี่ถ้าพี่สิงโตจะจูบนี่ต้องก้มหนักมาก แต่...มันก็จะน่ารักนิด ๆ อิอิ’

“วาจาออเจ้าช่างร้ายกาจ” ตฤณรดาเอ่ยอย่างแสนงอนพร้อมใช้คำพูดเหมือนกับในละครเรื่องหนึ่งที่ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทำไมพ่อแม่ถึงให้เธอมาน้อยจัง ให้สูงได้ถึงคอสิรดนัยก็ไม่ได้ มันน่าเจ็บใจนัก เธอเหมือนเด็กตัวเล็ก ๆ เลยเวลายืนกับเขา

“ฮะ ฮะ ฮ่า โอ๋ ๆ หมาน้อยไม่งอนน๊า มา ๆ มาดูของฝากกันดีกว่า มีน้ำหอมด้วย” พลอยวารินทร์บอกในขณะที่คนโดยเรียกหมาน้อยตาเบิ่งโตหูผึ่งกับคำว่าน้ำหอมไปเรียบร้อยแล้ว สิรดนัยมองสองสาวที่กำลังเดินไปดูของฝากแล้วก็อมยิ้ม บางครั้งความสุขของคนเราก็อยู่ที่การได้คุยกับเพื่อนผู้รู้ใจนี่ล่ะ

“พี่ไปทำงานในห้องก่อนนะน้องโซ่แล้วเดี๋ยวตอนทานข้าวค่อยเจอกัน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะแยกตัวออกไปเพื่อให้น้องสาวได้พูดคุยกับเพื่อนรัก บางทีเธออาจจะเปิดเผยสาเหตุที่กลับมาให้เพื่อนสาวฟังอย่างละเอียดก็ได้ และสาเหตุนั้นมันอาจจะต่างกับที่เจ้าคนคิดมากอย่างกวินดนัยคิดก็เป็นได้

“เล่ามาอย่าเฉไฉ” เสียงหวานถามด้วยเสียงคาดคั่นหลังจากที่ชื่นชมน้ำหอมกลิ่นโปรดที่เพื่อนสาวนำมาฝาก แม้จะดีใจทีได้น้ำหอมใหม่แต่ก็ไม่ทำให้ลืมหรอกว่าข้อสงสัย ทำไมพลอยวารินทร์ถึงกลับมา

“เอาความจริง?” คนที่อยู่ ๆ ก็กลับมาบ้านทั้งที่เหลือเวลาเรียนอีกกว่า2-3ปีถามด้วยเสียงอ่อนใจก่อนที่จะทอดถอนใจ “จำแดลเนียลได้ไหม ที่เราบอกว่าเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันน่ะ?”

“จำได้ แล้วหมอนั่นทำไมอะ?”

“เพื่อนคนอื่นรบเร้าให้เราคบกับแดลเนียลแต่เราปฏิเสธ แต่แดลเนียลไม่พอใจเลยวางยาเรา แต่พี่กลางช่วยไว้ทัน แล้ว...” คนเพิ่งกลับบ้านเอ่ยบอกก่อนที่จะถอนหายใจพรืด “เจนนี่ท้องแดลเนียล พ่อเจนนี่เป็นมาเฟีย ยัยนั่นรู้ว่าแดลจะไม่รับผิดชอบและยังมาตามจีบเรายัยนั่นเลยให้ลูกน้องพ่อมาขู่เรา จริง ๆ ก็ขู่มาตั้งแต่ช่วง2เดือนก่อนแล้วล่ะ มาเป็นภัยคุกคามทุกวันจนวันนั้นพี่กลางไปคุยงานพวกมันบุกเข้ามาในห้องถือปืนเต็มห้องเลย คิดว่าคงไม่รอดแล้ววันนั้นดีที่พี่สิงโตส่งพี่ทัพคอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่งั้นคงเหลือแต่ชื่อ”

“ตายแล้ว! มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” ตฤณรดาอุทานอย่างตกใจไม่คาดคิดว่าเพื่อนจะถูกมาเฟียขู่ไม่ใช่ขู่ธรรมดาแต่มีเจตนาฆ่าเสียด้วย “แล้วทำไมพี่สิงโตไม่เห็นว่าอะไรเลย พี่จอมทัพไม่บอกเขาเหรอ”

พลอยวารินทร์ถอนหายใจ จอมทัพที่เธอและเพื่อนพูดนั้นคือบอดี้การ์ดที่สิรดนัยส่งไปดูแลเธออยู่ห่าง ๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้เลยว่าจอมทัพคอยตามดูแลอยู่ “เราขอไว้ ไม่อยากให้พี่สิงโตไม่สบายใจ แล้วก็คิดว่ากลับมาจะบอกด้วยตัวเองดีกว่า”

“พี่กลางก็ไม่รู้เหรอ?” คนมีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ถามก่อนจะได้รับการพยักหน้ากลับมา “เราไม่บอก แต่...พี่เขาดันเข้าใจว่าเรามีใจให้แดลอะ”

“อ้าว ซวยไปอีก” ตฤณรดาอุทานก่อนจะถอนหายใจ เธอรู้ดีว่าพลอยวารินทร์นั้นแคร์ความรู้สึกกวินดนัยแค่ไหน การที่เขาเข้าใจผิดแบบนี้พลอยวารินทร์มีหรือจะอารมณ์ดีได้ “แต่ไม่เป็นไร ตัวก็ค่อยตามปรับความเข้าใจกับพี่กลางสิ ตอนนี้ก็กลับมาไทยแล้ว เจอพี่เขาได้ทุกวันที่อยากเจอโอกาสปรับความเข้าใจมีเยอะ”

“ตัวไม่รู้อะไร พี่กลางกับพี่สิงโตน่ะมีสัญญาอะไรกันสักอย่างทำให้พี่กลางทำตัวห่าง ๆ เรา จะไปไหนมาไหนกันทีคิดว่าง่ายเหรอ หูตาพี่สิงโตน่ะน้อยเสียที่ไหน” พลอยวารินทร์กระซิบเสียงเบาบอกก่อนที่จะยื่นมือไปกุมสองมือบางของตฤณรดาไว้ “คุณต้องจ๋า คุณต้องว่าเราควรทำไงดีอะ”

“แหะ ๆ ไม่รู้สิ” คนถูกถามเอ่ยบอกพร้อมยิ้มแกน ๆ เธอจะไปรู้เหรอว่าจะทำไงดี “แต่เราว่าเอาเรื่องเรียนเป็นหลัก เรื่องรักเป็นรองไปก่อนดีกว่าม่ะ พอตัวเรียนจบพี่สิงห์อาจจะไม่ขวางแล้ว ตอนนั้นค่อยอธิบายก็ได้...มั้ง”

“โฮ่ง โฮ่ง” เสียงของปอมเมอเรเนี่ยนทั้งสองตัวเห่าประสานเสียงกันราวกับสนับสนุนคำพูดของตฤณรดาจนสองสาวพากับขบขัน เจ้าสองตัวนี้มายังไงล่ะเนี่ย

“ดูเหมือนสองตัวนี้จะเป็นพวกเดียวกับตัวนะ ตัวได้พวกแล้ว” พลอยวารินทร์บอกก่อนที่จะพยักหน้า “งั้นเอาเรื่องเรียนก่อนก็ได้ ไว้ค่อยอธิบายให้พี่กลางฟังเมื่อโดนปลดแบรน”

ตฤณรดายิ้มให้กำลังใจก่อนที่สองสาวจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ๆ จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น พลอยวารินทร์ผูกขาดการสนทนาบนโต๊ะอาหารแต่เพียงผู้เดียวในขณะที่คนเป็นพี่นั้นเงียบตามนิสัย

“คืนนี้นอนกับเราไหม?” ราชนิกูลสาวเอ่ยถามเมื่อรับปะทานอาหารเย็นเสร็จและเห็นว่าดึกมากแล้ว

“ไม่ล่ะ สัญญากับแม่แพรไว้ว่าจะกลับไปนอนกอดท่าน” พลอยวารินทร์ปฏิเสธก่อนที่จะยิ้ม “ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่เพื่อนแวะมารับ นั่นไงมาแล้ว ไว้วันหลังจะมานอนด้วยแล้วกัน วันนี้ฝากกอดพี่สิงโตนอนด้วย”

“บ้า” คนถูกฝากฝังให้กอดพี่ชายนอนแทนได้แต่พูดด้วยใบหน้าร้อนผ่าว มาฝากอะไรเธอเล่า “อยากนอนกอดก็นอนกอดเองสิ มาฝากเราทำไมยะ”

“ก็ตัวเป็นอะไรกับพี่เราล่ะ ฮะฮะ ไม่แซวแล้วจ้า กลับก่อนล่ะกัน น้องโซ่กลับก่อนนะคะพี่สิงโต แล้วเดี๋ยวว่าง ๆ จะแวะมาเยี่ยมอีก” พลอยวารินทร์กระซิบแซวเพื่อนสาวก่อนจะหันไปยกมือไหว้พี่ชาย สิรดนัยยิ้มตอบก่อนที่จะอาสาลงไปส่งที่รถของสัณหณัฐโดยที่ตฤณรดาไม่ได้ตามลงไป เธอไม่อยากโดนแซวอีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel