1
บทนำ
บนท้องถนนอันวุ่นวายสับสน ของผู้คนที่เร่งรีบ การจราจรคับคั่งไปด้วยยวดยานติดกันยืดยาว สองเจ้าของเรือนร่างผอมบางในชุดนักศึกษา ต่างวิ่งแข่งกับคนนับสิบขึ้นไปยืนเบียดกันบนรถเมล์อย่างยากลำบาก เรื่องจะหวังได้ที่นั่งให้หายเหนื่อยนั้น ดูเหมือนจะไม่เคยสมหวังเอาเสียเลยไม่ว่าจะวันไหน เมื่อไหร่ก็ตามที มือบางเลยต้องรีบไขว่คว้าหาที่เกาะให้ได้ยืนอย่างมั่นคง จะได้ไม่หัวคะมำเวลารถเบรกแรงๆ นั่นเอง
“ไว้เจอกันวันจันทร์นะแตง”
สี่สิบห้านาทีต่อมาหนึ่งสาวก็กระซิบบอกเพื่อน ก่อนจะเบียดผู้คนบนรถไปยืนรอตรงประตูในสภาพไม่ต่างจากขาขึ้นนัก ตาก็คอยจ้องป้ายที่เป็นจุดหมายให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจจะได้ของแถมสักหนึ่งหรือสองป้ายก็เป็นได้ พอร่างผอมบางหลุดพ้นประตูได้ก็แทบจะพุ่งออกทันที กระนั้นสองสาวก็ยังได้โบกมือลากันอีกวาระอยู่ดี
สายตาผู้คนตามป้ายรถเมล์ ร้านค้าใกล้เคียงต่างจับจ้องอยู่ที่เจ้าของหุ่นอรชรอ้อนแอ้น รูปร่างสูงโปร่งผอมเพรียว ท่วงท่าก้าวเดินนั้นก็สง่างามราวนางพญา แม้ชุดนักศึกษาที่สวมใส่จะไม่ได้สั้นจู๋ ไม่ฟิตเปี๊ยะเฉกเช่นหลายสาวที่มักจะนิยมใส่ในสมัยนี้ เรียกว่าจามแค่หนึ่งทีกระดุมแทบกระเด็นกระดอนเลยทีเดียว
ไหนจะมีใบหน้ารูปเพชร สวยสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องหน้าที่ธรรมชาติสรรค์สร้างมาให้อย่างพอดิบพอดี คิ้วโก่งคล้ายดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่แทบไม่ต้องพึ่งดินสอเขียนให้เสียเวลา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า สร้างให้เจ้าตัวดูทรงเสน่ห์ขึ้นมาอีกมากโข
ส่วนนิสัยนั้นก็อ่อนหวานมีอัธยาศัยดี เยือกเย็น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ด้อยหรืออ่อนแอกว่าตลอดมา บวกกับเป็นคนมีสติปัญญาดี มีปฏิภาณเฉียบแหลม ยังผลให้หญิงสาวเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มาจากอบรมบ่มนิสัยจากแม่และพี่สาวที่มีความเป็นกุลสตรีอย่างล้นเปี่ยมทั้งสิ้น
สายเลือดอันสูงส่งในตัว ก็บ่มให้หญิงสาวมีความกตัญญู ซื่อสัตย์ สุจริตอย่างล้นเหลือ อีกทั้งยังเป็นคนรักความสวยงาม พูดจาก็อ่อนหวานไพเราะเสนาะหู แม้บางครั้งถ้าเจอผู้คนที่ไม่ชอบใจ ใบหน้าสวยนั้นจะเชิดขึ้น เย่อหยิ่งในเกียรติและศักดิ์ศรี จนทำให้คนมองว่ายโสโอหังก็ตามที
แต่ข้อด้อยนี้ก็ไม่เคยเป็นอุปสรรคใดๆ ให้ไม่ตกเป็นเป้าสายตาต่อใครๆ ที่ได้พบเห็น ได้ชื่นชมในความงามอยู่ดี และนั่นทำให้คนถูกมองรับรู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สิ่งที่ทำได้คือต้องรีบก้าวเดินเลี้ยวเข้าซอยอันคุ้นเคย แม้อีกเป็นกิโลเมตรกว่าจะถึงบ้าน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนเดินเข้าออกซอยนี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว
‘ปริ้นๆ ปริ้นๆ ปริ้นๆ’
เสียงแตรเรียกให้เจ้าของร่างระหง ที่กำลังเดินเอาหนังสือป้องแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องใส่ตาจนแสบหันขวับไปหาทันที เจ้าของรถยุโรปป้ายแดงรุ่นใหม่เอี่ยมราคาสิบกว่าล้านลดกระจกลง
“หญิงฟาง! จะนั่งไปด้วยกันมั้ยจ๊ะ ป้าจะไปส่งให้”
“ไม่เป็นไรค่ะหม่อมป้า หญิงชอบเดิน ขอบคุณค่ะ”
“อีกตั้งเป็นกิโล จะเดินทำไมให้เมื่อย ขึ้นมาสิ”
“เชิญหม่อมป้าเถอะค่ะ หญิงอยากเดินออกกำลังกายค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
สองมือบางยกไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ส่งให้ แต่ผู้ใหญ่ในรถกลับเบะปากนิดๆ ใส่ด้วยความหมั่นไส้ให้แม่ผู้ดีจอมหยิ่ง จอมยโสโอหัง ไม่ง้อใคร ไม่ก้มหัวให้ใคร และเป็นแบบนี้กันทั้งบ้าน
“ตามใจ! หยิ่งทั้งปีนะยะหล่อนนี่ ไม่รู้จะได้เลือดพ่อมาทำไมมากมายนัก”
แล้วเจ้าของรถก็เร่งเครื่องขับจากไป ทิ้งให้อีกคนมองตามท้ายป้ายแดงอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องถูกเหน็บให้เจ็บไปถึงวิญญาณพ่อด้วย ทั้งที่ตัวเองก็เดินอยู่ดีๆ แท้ๆ หม่อมราชวงศ์กัญญาวีร์ รัตนนาวีได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจ
ด้วยรู้ดีว่าญาติผู้ใหญ่ประสงค์จะอวดอ้างรถคันใหม่มากกว่าอยากให้ขึ้นแล้วไปส่งบ้านจริงๆ นั่นเอง เพราะมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีอะไรใหม่ๆ ราคาแพงๆ มาไว้ในครอบครอง และดูเหมือนญาติพี่น้องทุกครอบจะนัดหมายกันไว้ เวลามีอะไรเลยต้องเป็นอวดไม่เลิก เจ้าของใบหน้าสวยยิ้มบางๆ ออกมาอย่างไม่ใคร่อยากจะใส่ใจอีกคำรบแล้วเดินต่อ
กระนั้น! สายตาก็ยังไม่วายเหลียวมองไปยังบ้านญาติหลายต่อหลายหลัง และล้วนแล้วจะใหญ่โตโอฬาร มีบริเวณกว้างขวางสมฐานะ สมกับความเป็นราชนิกุล รถยุโรปราคาแพงมีจำนวนครบหรือเกินสมาชิกของบ้าน ต่างจอดเรียงรายอยู่เมื่อมองเข้าไป
‘พวกญาติๆ เราก็รวยกันทั้งนั้นล่ะ เพราะเขายอมงอแต่ไม่ยอมหัก จะมีก็แต่ท่านพ่อท่านแม่ของเรานั่นล่ะ ที่จะหักแต่ไม่ยอมงอเหมือนบ้านอื่น รักเกียรติรักศักดิ์ศรีก็ที่หนึ่ง แต่ลืมไปว่าทุกวันนี้เอามาซื้อข้าวหรือเติมน้ำมันไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว’
ผู้เป็นพี่ชายมักจะแค่นเสียงทุกครั้ง เวลานั่งรถผ่านบ้านญาติทั้งหลายไปด้วยกัน น้องสาวเลยไม่แน่ใจว่าพี่ประชดใครกันแน่ระหว่างญาติ ที่ตอนนี้เหมือนไม่ใช่ญาติกับพ่อคือ ‘หม่อมเจ้ากันตยศ รัตนนาวี’ ผู้ล่วงลับไปแล้ว
ส่วนแม่นั้นคือ ‘หม่อมเจ้าหญิงกัญญาพร รัตนนาวี’ ซึ่งทำหน้าที่เลี้ยงลูกเพียงพังมาหลายปี และตั้งใจประกอบคุณงามความดีตามรอยเสด็จปู่เสด็จย่าอย่างเคร่งครัด จนเป็นที่ร่ำลือในบรรดาหมู่ญาติ ที่ต่างพร้อมใจกันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของผู้คนและบ้านเมือง
“ตอนแรกว่าจะให้แต่งต้นปีหน้าค่ะ แต่บอกอย่างไม่อายนะคะพี่หญิง ว่าหญิงมีนน่ะกำลังจะมีข่าวดี”
กัญญาวีร์เข้าบ้านมาก็ได้ยินประโยคนี้ของญาติอีกบ้านดังเข้าหูแล้ว แทนการเดินเข้าห้องรับแขก เลยแอบย่องไปห้องครัว เห็นปรุงผู้เป็นแม่บ้านวัยห้าสิบ กำลังตระเตรียมของไว้ทำมื้อเย็นไปด้วย เหงี่ยหูฟังบทสนทนาของญาติเจ้านายที่จงใจจะมาเย้ยหยันกลายๆ ไปด้วย
“มานานหรือยังคะป้าปรุง” กัญญาวีร์กระซิบถาม อีกคนก็ตอบด้วยท่าทีเดียวกัน
“สักครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะค่ะคุณหญิง มาถึงก็โม้แต่เรื่องว่าที่ลูกเขย”
ใบหน้าสวยพยักรับน้อยๆ แล้วเหงี่ยหูฟังอีกคน เพราะอยากรู้ว่าญาติพ่อจะมาเหยียดหยามอะไรอีก