เมื่อพันธนาการเริ่มสั่นคลอน
ภายในหอบรรพชนอันเงียบสงัดของตระกูลลู่ แสงเทียนริบหรี่สะท้อนแสงวูบไหว เผยให้เห็นเงาร่างระหงของหญิงสาวผู้หนึ่ง
ลู่หยวนฮวา ยืนอยู่ท่ามกลางกลิ่นธูปหอมที่อบอวลในอากาศ ชุดอาภรณ์สีม่วงอ่อนปักลายดอกเหมยกุ้ยสวยงามโอบล้อมร่างกายของนางด้วยความละมุนละไม ดวงตาสีนิลคู่งามจับจ้องไปยังแท่นบูชาบรรพบุรุษตรงหน้า แสงไฟจากเปลวเทียนอันอ่อนโยนสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่งดงามของนาง แต่กลับแฝงด้วยความโศกเศร้าอย่างลึกล้ำ
เสียงธูปไหม้ดังเบาๆ ในห้องบูชา แต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจของลู่หยวนฮวาสงบ ย้อนกลับไปนึกถึงวันที่ทุกอย่างยังคงสดใส วันเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่นในครอบครัว วันที่นางและพี่ชายยังคงใช้เวลาร่วมกันในสวนดอกไม้หลังจวนตระกูลลู่ เสียงหัวเราะและคำพูดอ่อนโยนยังคงดังอยู่ในความทรงจำของนาง
ในวัยสิบสี่หนาว ลู่หยวนฮวานั่งเล่นอยู่บนม้านั่งหินในสวนดอกไม้ สายลมพัดผ่านใบหน้าของนางพร้อมกับกลีบดอกไม้ที่โปรยปรายลงมา นางยิ้มรับกับความสวยงามของโลกใบนี้โดยไม่รู้ถึงความมืดมนที่กำลังจะมาถึง นางมีความสุข และหัวใจของนางเต็มไปด้วยความหวัง
“ฮวาเอ๋อร์ เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้?” เสียงทุ้มนุ่มของลู่หยางดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันไปมอง และเห็นพี่ชายของนางในชุดทหารแคว้นต้าหยาง ชุดเกราะเงางามของเขาสะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกาย นางยิ้มกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ
“พี่ใหญ่!” นางตะโกนเรียกพร้อมกับลุกขึ้นจากม้านั่ง นางรีบวิ่งไปหาพี่ชายอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มของนางยังคงสดใส ขณะที่นางวิ่งเข้าไปสวมกอดเขา
ลู่หยางยิ้มบางๆ เขาก้มลงลูบศีรษะน้องสาวอย่างอ่อนโยน “ฮวาเอ๋อร์ พี่ต้องไปแล้ว” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แม้จะเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่ก็แฝงไปด้วยความกังวลใจไม่น้อย
ลู่หยวนฮวาชะงักเล็กน้อย รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนใบหน้าของนางเริ่มเลือนหาย นางมองพี่ชายด้วยความรู้สึกเจ็บปวด “พี่ต้องไปสนามรบจริงๆ หรือ ข้าเคยได้ยินจากป้าหลี่มาว่ามันอันตรายมาก?” นางถามเบาๆ สายตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ลู่หยางพยักหน้า “พี่ต้องไปช่วยแคว้นต้าหยาง ท่านแม่ทัพจางเรียกใช้พี่ และมันเป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องรับใช้แคว้น” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
ลู่หยวนฮวาเม้มริมฝีปาก นางรู้สึกถึงความกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ "แต่ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่... ข้าอยากไปกับท่าน" นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน นางรู้สึกไม่มั่นคง เหมือนกับว่าการจากไปครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะได้เห็นเขา
ลู่หยางหัวเราะเบาๆ เขาใช้นิ้วเชยคางน้องสาวขึ้นมาให้มองหน้า "เจ้าไม่สามารถไปกับพี่ได้ ฮวาเอ๋อร์ เจ้าต้องอยู่ที่นี่ ดูแลจวนแทนพี่ และรอพี่กลับมา" เขาพูดพลางยิ้มอ่อนโยน
“ถ้าท่านไม่กลับมา ข้า...ข้าจะไม่ยกโทษให้ท่านจริงๆ ด้วย!” ลู่หยวนฮวาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของนาง นางกลัวว่าพี่ชายของนางจะไม่กลับมา
ลู่หยางยิ้มบางๆ เขาลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน “พี่สัญญา...พี่จะกลับมา เจ้ารอพี่นะ”
ลู่หยวนฮวากอดพี่ชายแน่น “อย่าทิ้งข้าไว้คนเดียวนะ...ท่านพี่...” นางกระซิบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังและความกลัว
หลังจากนั้น เขาค่อยๆ ปล่อยมือออกจากกอดของนาง และเดินออกไปจากสวน ทิ้งให้นางยืนอยู่เพียงลำพัง ลู่หยวนฮวามองตามหลังพี่ชายที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างของเขาหายไปในระยะไกล หัวใจของนางรู้สึกหนักอึ้ง ราวกับว่าความสุขของนางได้เดินจากไปพร้อมกับพี่ชาย
วันเวลาผ่านไปร่วมสามปี ลู่หยวนฮวายังคงรอคอยพี่ชายที่ไม่เคยกลับมา การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของลู่หยางทำให้ชีวิตของนางเปลี่ยนไปตลอดกาล
เมื่อมารดาของนางเสียชีวิตจากอาการตรอมใจเนื่องจากสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปในสงคราม ลู่หยวนฮวาก็ยิ่งรู้สึกว่าคำสาปที่อยู่ในตระกูลลู่ยังคงตามหลอกหลอนพวกเขา คำสาปที่ทำให้คนในครอบครัวต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
สตรีในตระกูลลู่ล้วนเกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษที่ถูกส่งต่อกันมา รุ่นแล้วรุ่นเล่า บ้างมีพลังที่สามารถสร้างเขตอาคม บ้างมีพลังทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้
ลู่หยวนฮวาเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการเห็นนิมิตบอกเหตุล่วงหน้า ซึ่งพลังนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นางรู้ว่าความหวังที่ลึกซึ้งในใจของนางเกี่ยวกับพี่ชายไม่ได้ไร้เหตุผล นางยังคงเชื่อมั่นว่าลู่หยางยังมีชีวิตอยู่ และบางที...เขาอาจจะกำลังรอคอยให้นางไปพบกับเขา
ส่วนมารดาของลู่หยวนฮวา "ลู่ฉิงหลิง" ก็เป็นผู้มีพลังวิเศษเช่นกัน นางสามารถสร้างเขตอาคมที่แข็งแกร่ง ในวันที่มารดาของนางจะเสียชีวิตนั้น นางได้ใช้พลังชีวิตสุดท้ายของตนเองสร้างม่านอาคมขึ้นมาเพื่อกักขังลู่หยวนฮวาไม่ให้ออกไปตามหาพี่ชาย ลู่หยวนฮวาจึงติดอยู่ในจวนตระกูลลู่ ไม่สามารถออกไปไหนได้ ม่านอาคมนี้ถูกสร้างขึ้นจากความรักของมารดาที่ต้องการปกป้องลูกสาวจากอันตราย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นสิ่งที่กักขังนางจากความหวังในการตามหาพี่ชายเช่นกัน
ภายในจวนของตระกูลลู่ นางมีเพียงป้าหลี่และเสี่ยวหมิง บ่าวรับใช้สองคนที่คอยดูแลนางและทำหน้าที่ปกป้องจวนตามคำสั่งของมารดา ป้าหลี่เป็นหญิงสูงวัยที่มี
ความเด็ดเดี่ยว ส่วนเสี่ยวหมิงเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตมากับลู่หยวนฮวาและเป็นเหมือนเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของนาง
ในแต่ละวัน ลู่หยวนฮวานั่งอยู่ในจวนที่เงียบสงบ นางมองผ่านหน้าต่างออกไปยังโลกภายนอก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเศร้าและความหวังที่ขัดแย้งกัน นางรู้ว่ามารดาต้องการปกป้องนาง แต่ความปรารถนาในการตามหาพี่ชายก็ยังคงรุนแรงในใจของหญิงสาว
แต่ในวันนี้ ลู่หยวนฮวากลับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แปลกออกไป มันไม่เหมือนกับทุกวันธรรมดาที่นางเคยเผชิญ เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างห้องนอนของนางเบาๆ ขณะที่ดวงตาของนางทอดมองออกไปยังลานจวนซึ่งเงียบสงบ นางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัว แต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
เมื่อดวงตาของนางเหลือบไปเห็นม่านอาคมสีม่วงใสที่ปกคลุมจวนมาตลอดชีวิต ม่านนั้นซึ่งมารดาของนางสร้างขึ้นเพื่อปกป้องนางจากโลกภายนอก ตอนนี้กลับเริ่มปริแตกออกทีละน้อย คล้ายกับแก้วที่เริ่มร้าว มันเป็นรอยร้าวเล็กๆ แต่ชัดเจนพอที่จะทำให้หัวใจของลู่หยวนฮวาเต้นแรงขึ้น
นางเดินออกจากห้องช้าๆ สายตาจับจ้องไปที่รอยร้าวนั้น และรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในอากาศ
จนกระทั่งยืนอยู่ต่อหน้ามัน ผนึกสีม่วงที่ปกคลุมจวนมาตลอดชีวิตเริ่มแตกออกเป็นเส้นเล็กๆ และขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ราวกับว่ามันกำลังถูกทำลายจากภายใน หัวใจของลู่หยวนฮวาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นและความกังวลผสมปนเปกันไป
หญิงสาวยกมือขึ้นแตะม่านอาคมเบาๆ สัมผัสของนางทำให้ม่านสีม่วงสั่นไหวและรอยร้าวนั้นยิ่งขยายกว้างขึ้น นางรู้ทันทีว่าพันธนาการที่ผนึกชีวิตของนางไว้กำลังทลายลงอย่างช้าๆ สิ่งที่เคยกักขังนางไว้ในจวนนี้กำลังสูญสลายไป
"ผนึกกำลังอ่อนลง..." ลู่หยวนฮวารู้สึกถึงพลังที่เคลื่อนไหวรอบตัวนาง มันไม่ใช่พลังที่คุ้นเคย แต่มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าม่านอาคมนี้กำลังจะพังทลายลงไปในไม่ช้า และนางจะได้รับอิสรภาพในท้ายที่สุด