บทที่2 สู่ครอบครัวใหม่
เมื่อเดินมาถึงห้องรับแขกเนตรนลินก็ได้พบกับคุณหญิงประภาพร คีรีราชโภคินคุณแม่ของปฐพีและปีย์วรา หญิงชรามีท่าทีต้อนรับและเมตตาปรานีส่งมาให้จนหญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้น การรับประทานอาหารผ่านไปอย่างราบรื่นแต่หลังจากนั้นคุณหญิงประภาพรก็เริ่มต้นบทสนทนาที่ทำให้เนตรนลินต้องร้องไห้ทั้งที่บอกตัวเองมาตลอดให้เข้มแข็งไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร
“ดินเขาบอกแม่หมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนู ต่อไปนี้ก็คิดว่าที่นี่เป็นบ้านของหนูนะลูก ในเมื่อพวกเขาตัดขาดกับหนูแล้วหนูก็ไม่จะเป็นจะต้องไปแคร์ ที่นี่ยินดีต้อนรับและพร้อมจะดูแลหนู”
“แต่นาได้ยินว่าคุณหญิงไม่ถูกกับคุณย่า คุณหญิงไม่รังเกียจหนูเหรอคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับน้ำตาที่กลั่นไม่อยู่ ทำไมคนที่มีเมตตากับเธอและเอื้อเฟื้อไม่ชิงชังเธอจึงเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว และไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“ก็จริงที่แม่ไม่ชอบคุณหญิงวาริณี แต่ที่ไม่ชอบก็เพราะแม่เป็นเพื่อนกับเนื้อทองแม่ของหนู แม่ไม่ชอบที่คุณหญิงวาริณีโขกสับเนื้อทองและบีบคั้นจนเนื้อทองต้องจบชีวิตลง หนูเป็นลูกสาวของเนื้อทองแม่จะเกลียดหนูทำไมล่ะ” คุณหญิงประภาพรเอ่ยบอกถึงสาเหตุที่ทำให้นางปรานีหญิงสาวและสาเหตุที่ทำให้เกลียดคุณหญิงวาริณี นางเป็นเพื่อนกับแม่ของเนตรนลินมาตั้งแต่เด็กจึงทนไม่ได้ที่เพื่อนรักถูกแม่สามีตั้งแง่รังเกียจเพราะเป็นเด็กกำพร้านางจึงไม่ถูกกับบ้านนั้นมาตั้งแต่แม่ของหญิงสาวจากไป ไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งนางจะได้เจอกับลูกสาวของเพื่อนโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ต่อจากนี้ไปนางจะไม่ให้ใครมาทำร้ายเนตรนลินและจะไม่ยอมให้เธอจากไปไหนแน่นอน
“หนูจำไว้นะหนูนาต่อไปนี้หนูไม่ใช่หลานสาวของคุณหญิงวาริณีอีกแล้ว หนูไม่ต้องไปสนใจคุณหญิงวาริณีหรอกนะ ต่อไปนี้หนูอยู่ที่นี่ หนูเป็นสะใภ้คีรีราชโภคินไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้น อีกไม่นานแม่อมราลูกสะใภ้คนดีของยัยคุณหญิงนั่นก็จะพาความพินาศล่มจมไปให้แล้ว” คุณหญิงประภาพรเอ่ยบอกพร้อมกับโอบกอดหญิงสาวด้วยความปราณีที่ออกมาจากใจ
“คุณป้าหมายความว่ายังไงคะ?” เนตรนลินถามอยากนอบน้อม “พินาศล้มจม หมายความว่ายังไง”
“หนูยังไม่ต้องรู้หรอก ไว้ถึงเวลาหนูก็จะรู้เอง ตอนนี้หนูรู้เพียงแค่ว่าหนูเป็นสะใภ้ของแม่ เรียกแม่ว่าแม่และเรียกพี่ดาวว่าพี่ก็พอ”
“สะใภ้?”
“ก็ใช่สิลูก หนูเป็นเมียตาดินก็คือลูกสะใภ้ของแม่ ไม่ต้องพูดจ้ะ ดินเขาบอกแม่ว่าหนูเป็นเมียเขาแล้วก็คือตามนั้น” คนยกตัวเองเป็นแม่สามีเอ่ยบอก “ซึ่งแม่ก็ยินดีเป็นอย่างมากและไม่ขัดข้องอะไร”
“ใช่จ้ะ” ปีย์วราแทรกขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มให้ “ดูเหมือนนายังสงสัย ถ้ายังสงสัยอะไรเอาไว้รอถามดินดีกว่านะ ดินเข้าไปบริษัทเดี๋ยวเย็น ๆ เขาก็กลับแล้ว”
“ค่ะ รอถามแน่ นามีอีกหลายเรื่องที่ต้องถามคุณดิน แต่คุณป้า...” ไม่ทันพูดจบก็ต้องหุบปากฉับเมื่อถูกส่งสายตาดุมาให้
“คุณแม่จ้ะ”
“เอ่อ คุณแม่ แต่คุณแม่กับพี่ดาวจะไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหมคะถ้านาจะออกไปจากบ้านนี้ถ้าคุยกับคุณดินจบ” หญิงสาวลองถามแต่แล้วคำตอบที่ได้มาก็ทำให้เธอแทบกลั่นยิ้มไม่อยู่
“ขัดข้องจ้ะ หนูจะอยากอยู่ไหมแม่ไม่รู้แต่แม่ต้องการให้หนูอยู่ที่นี่เป็นสะใภ้ของแม่ ถ้าหนูคิดจะไปก็คงต้องไฝว้กับคุณแม่ของเจ้าพ่ออย่างแม่สักตั้ง”
“โธ่ ทำไมคุณแม่ถึงได้ใจดีกับนาขนาดนี้คะ ถ้าเป็นคนอื่นที่ลูกชายพาใครก็ไม่รู้เข้ามาในบ้านคงจะไล่ออกไปตั้งแต่มาถึงแล้ว” เนตรนลินขาดแม่ตั้งแต่อายุ5ขวบ ในบ้านไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนดีกับเธอเลยดังนั้นแล้วเมื่อมาเจอผู้หญิงที่ใจดีแบบนี้เธอก็อยากที่จะรักษาไว้ให้อยู่กับเธอและดีกับเธอไปนาน ๆ
“ก็ลูกชายแม่ปู่ยี้ปู่ยำหนูนิแม่จะไล่ได้ยังไงล่ะ ถ้าจะไล่ก็ไล่ไอ้ตัวดีดีกว่าต่อไปนี้แม่จะดูแลหนูเอง จะไม่มีใครมาไล่หนูได้และไม่มีใครทำอะไรหนูได้แม้แต่ไอ้ตัวดี หนูเป็นลูกสะใภ้แม่ เก็ทไหมลูก” คุณหญิงประภาพรเอ่ยพร้อมกับกอดหญิงสาวอีกรอบ
“เก็ทค่ะ เก็ทมากด้วย ต่อไปนี้ไล่ให้ไปหนูก็ไม่ไปนะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่ทั้งสามจะหัวเราะกันอย่างมีความสุข เนตรนลินไม่ใช่สาวเจ้าน้ำตาที่เจอเรื่องราวเหล่านี้แล้วจะร้องไห้ฟูมฟาย เธอเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายในเมื่อคุณหญิงประภาพรต้องการให้อยู่เธอก็ต้องอยู่ เพราะต่อให้หนีออกไปท่านก็คงจะส่งคนไปจับกลับมาอยู่ดี ส่วนเรื่องของเธอกับปฐพีถึงจะยังงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่ถ้าเธอกลายเป็นเมียเขาไปแล้วก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเขาจะไล่เพราะเธอก็ไม่มีที่ไปที่ไหนแล้ว โลกนี้ไม่มีคุณแม่เนื้อทอง ไม่มีมารี ที่พึ่งของเธอจึงเหลือแค่ครอบครัวคีรีราชโภคินเท่านั้น
