บทที่ 18 อยากกลืนกิน
ในช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน หญิงสาวสองคนเดินทางมาที่ร้านทันทีเพื่อทำงานต่อ สองสาวรีบเปลี่ยนชุดแล้วเข้าประจำตำแหน่งหน้าที่ของตัวเอง วันนี้ลูกค้ายังคงแน่นขนัดเช่นเคย พนักงานทุกคนต่างตั้งใจทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง
“นี่ทิชา เธอว่าคุณทีภพกับพี่รินใครใจดีกว่ากัน” หญิงร่างอวบจอมทะเล้นแอบอู้งานเดินดุ่มๆ เข้ามาหานันทิชาในขณะที่เธอง่วนอยู่กับรายการอาหารที่กองอยู่เบื้องหน้า
“ตอนนี้คุณทีภพก็ดูใจดีนะ แต่ฉันคิดว่าพี่รินใจดีกว่า คงไม่มีใครสู้พี่รินของฉันได้หรอก เธอมีอะไรหรือเปล่า” ดวงตากลมโตวางมือจากรายการอาหาร แล้วหันหน้ามาถามเพื่อนสนิทอย่างสนใจ
“ผิดแล้วทิชา” พริมหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตาแวววับมองนันทิชาอย่างเขินอาย
“คุณทีภพ กับพี่รินต่างกันเยอะเลย ทุกวันนี้ฉันมาทำงานอย่างมีความสุข เธอมองหุ่นเขาสิ...”
สองมือของหญิงร่างอวบนั้น กุมจับกันแน่นพลางยกขึ้นมากัดอย่างเขินอาย เธอหันตรงไปยังชายหนุ่มด้วยท่าทางมันเขี้ยวแทบจะถลาตัวเข้าไป ทีภพผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านในขณะนี้ มีรูปร่างหน้าตาเสมือนนายแบบไม่ผิดเพี้ยน หุ่นสูง ขายาวราวกับหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลี ผิวหน้าเนียนสะอาดหมดจด
หญิงสาวพิจารณาเขาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทวนแล้วทวนอีกย้ำอยู่อย่างนั้นด้วยสายตาหวานเยิ้มจับใจ นันทิชามองกิริยาของเพื่อนแล้วได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะไปมา จนใจกับเพื่อนจอมเพี้ยนคนนี้ จึงยกมือเคาะศีรษะเพื่อนเพื่อเตือนสติเบาๆ
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าพริม! นั่นเขาไม่ได้เรียกว่าใจดี นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอกเธอแทบจะกลืนกินคุณทีอยู่แล้ว รู้ตัวหรือเปล่า และนี่มันเวลางาน งานก็เยอะ ไปทำงานเลย เดี๋ยวนี้!”
พริมยอมทำตามแต่โดยดี แต่สายตาหล่อนยังคงจับจ้องไปยังผู้จัดการร้าน เสมือนว่าเขาได้ดูดวิญญาณของเธอออกไป สายตาหยาดเยิ้มของหล่อนเป็นประกายแวววาว การถูกจับตามองจากสาวร่างอวบนั้น เสมือนโดนจู่โจมจากท่ามกลางมวลหมู่พนักงาน คนหนุ่มรู้ตัวตลอดว่าโดนโจมตีด้วยสายตาบางคู่ เขาเพียงแกล้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น เพราะยังต้องรักษาบุคลิกของผู้จัดการเอาไว้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ให้นานที่สุด
“ทิชาทำไมวันนี้ดูเธอรีบๆ จะรีบกลับไปไหน” คนอวบยืนมองด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง เมื่อเห็นนันทิชาพยายามเปลี่ยนชุดอย่างรีบร้อน เธอรีบติดกระดุมเสื้อด้วยอาการเร่งรีบผิดไปจากปกติในทุกวัน ร่างบางหันมามันผมอย่างลวกๆ ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก
“คุณลุงข้างบ้านเพื่อนสนิทพ่อฉัน โทรมาบอกว่าท่านไปรับพ่อมาจากเรือนจำได้สองสามวันแล้ว บ้านเราก็ยังทำความสะอาดไม่เสร็จเลย พ่อจะอยู่ยังไง เงินก็ไม่มี ฉันไปก่อนนะ ฉันรีบ”
นันทิชาหันมาตอบคำถามพริมด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไปเรียกแท็กซี่อย่างรวดเร็ว หวังให้ถึงบ้านเร็วที่สุดด้วยความเป็นห่วงบิดา พริมรีบตามออกมาแต่ไม่ทัน นันทิชาปล่อยให้พริมยืนอ้าปากค้าง ไม่ทันได้สอบถามเรื่องราวใดๆ
“เพื่อนคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมรีบออกไปแบบนั้น”
เสียงผู้จัดการหนุ่มเดินเข้ามาจากด้านหลัง คนอวบหันกลับไปพลันอ้าปากค้างมากกว่าเดิม การที่เธอได้ประจันหน้ากับหนุ่มในฝัน มันทำให้หัวใจปั๊มเลือดได้เร็วและแรงมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว นี่ถ้าไม่ติดว่าจมูกของเธอมีน้ำมูกมาอุดไว้เนื่องด้วยเป็นหวัด เลือดเกินปริมาณพวกนั้นคงทะลักออกมาให้ได้อายกันบ้าง
“ทะ ทะ ทิชารีบกลับไปหาพ่อค่ะ” เสียงตอบแบบติดๆ ขัดๆ ทำให้ทีภพยิ่งเดินเข้ามาใกล้
“รีบกลับแบบนี้บ่อยหรือ”
“หัวใจฉันจะวายไหม คนบ้าอะไรหล่อได้วัวตายควายล้มแบบนี้ มือ... มือฉันอย่าสั่นสิวะ ถ้าขืนแกสั่นไม่หยุด กลับบ้านไปฉันจะตัดแกทิ้งซะ ไอ้มือบ้า อย่าทำให้ฉันต้องขายหน้า”
“คุณ คุณ” ทีภพเห็นหญิงสาวตาค้างตะลึงไม่ตอบคำถาม เขาจึงโบกมือไปมาให้เธอได้สติ
“คะ อะไรนะคะ” คนอวบกลืนน้ำลาย ดึงสติกลับมาอีกครั้ง
“ผมถามว่า เพื่อนคุณรีบกลับแบบนี้บ่อยหรือ ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรให้บอกผม ผมอาจประเมินเวลาให้เพื่อนคุณกลับก่อนเวลาได้ในทุกวัน จะได้ไม่ต้องรีบวุ่นแบบนี้” ดวงตาเข้มนั้นมองหญิงสาวครู่หนึ่ง เขากลับต้องประหลาดใจจนต้องขมวดคิ้ว
“นี่คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า” ทีภพโบกมือไปใกล้หน้าเธออีกครั้ง
“ฟะ ฟังอยู่ค่ะ ทิชาไม่ได้กลับแบบนี้บ่อยหรอกค่ะ วันนี้เป็นวันแรกค่ะ” ร่างสูงพยักหน้าเข้าใจ แต่สายตายังคงมองพริมด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจถามเธออีกครั้ง
“คุณ...คุณป่วยหรือเปล่า ทำไมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย”
“หึ ถามมาได้ ก็เพราะคุณไงเล่า เกิดมาท่าไหนถึงได้หล่อได้ขนาดนี้ หล่อจนไม่คิดสงสารผู้หญิงอย่างฉันบ้างเลยหรือไง ว่าต้องมันเก็บกดขนาดไหน” คนอวบปั้นหน้ายิ้มแล้วคิดต่อต้านในใจ
“เป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ” ทีภพพยักหน้ารับรู้
“กินยาด้วยนะ เกิดมีอาการแบบนี้เวลาลูกค้าสั่งอาหาร จะทำให้เกิดการผิดพลาดได้” ทันทีที่ร่างสูงหันเดินกลับเข้าไปในร้าน พริมรีบหยิบยาดมในกระเป๋าเสื้อออกมาจุกไว้ที่จมูกแล้วสูดเข้าไปสุดแรง พยายามลากเท้าตัวเองเดินกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อกลับบ้าน
