บท
ตั้งค่า

บทที่9. มีสิ่งใดผิดปกติ

อาลี่ช่วยหยางเหลาหู่แต่งกายและเกล้าผม เมื่อเสร็จแล้วจึงถอยห่างอย่างรู้หน้าที่ บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำจึงก้าวเดินตรงไปห้องโถงเพื่อกินมื้อเย็น เพราะกฏที่ท่านแม่บัญญัติไว้คนในครอบครัวกินข้าวเย็น

พร้อมหน้าพร้อมตากัน เว้นเสียว่าจะติดงานอื่นที่ไม่อาจมาได้

หยางต๋าและฮูหยินหยุนผิงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว หยางกั๋วชิ่งที่เดินเข้ามาเกือบจะพร้อมกัน สองพี่น้องมองอาหารบนโต๊ะ ทั้งเนื้อผักปลาแม้หน้าตาดูเหมือนเดิมแต่กลิ่นหอมนั้น ทำให้พวกเขารีบนั่งลงเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในตำแหน่งรองกันลงไป

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่เหลาหู่” บิดาเอ่ยถามราวกับธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

“เรียบร้อยดี” เขาตอบแล้วคีบอาหารเข้าปาก เดินทางมาทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย กินอาหารก็เพียงแค่ให้อิ่มมิได้รู้รสความเอร็ดอร่อยอะไรนัก ทว่าพอคำแรกเข้าปาก เขาก็ขมวดคิ้ว เมื่อไม่มั่นใจจึงคีบอีกคำเข้าปากไปอีกคำ หากลิ้นเขาไม่ผิดปกติก็ต้องเป็นอาหารในจาน เขาเหลือบตามองน้องชายที่มีสีหน้าไม่ต่างกันนัก

“ป้าอิงอู่” หยางเหลาสู่อดไม่ได้เรียกหาแม่ครัวประจำบ้านและยังควบตำแหน่งดูแลบ้านไปอีกด้วย รออยู่อึดใจเจ้าของชื่อก็เดินมา

“คุณชายใหญ่มีอะไรรึเจ้าคะ” ป้าอิงอู่พาร่างอวบอ้วนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

“อาหารนี้?”

“มีสิ่งใดผิดปกติรึ”

หยางเหลาหู่หันไปทางหยางกั๋วชิ่ง เขาไม่ถนัดเลือกใช้คำพูดเหมือนน้องชาย เขาเป็นคนจำพวกพูดจาโผงผางขวานผ่าซากเกรงว่าพูดตรงเกินไปทำให้เข้าใจผิด น้องชายเข้าใจสีหน้าย่ำแย่ของพี่ชายจึงเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนประหลาดใจเช่นกัน

“อาหารมื้อนี้มีผู้ใดช่วยป้าอิงอู่ทำรึ”

“อ้อ! เป็นเสี้ยวเวยที่เข้ามาช่วยงานในครัว”

“เสี้ยวเวย?”

“ผู้หญิงที่คุณชายใหญ่พามาด้วยเจ้าค่ะ”

เพียงเอ่ยปากว่าเป็นผู้หญิงที่หยางเหลาหู่พามาทำให้ทุกคนที่กำลังรุมแย่งกินอาหารบนโต๊ะนิ่งไป ป้าอิงอู่ถอนหายใจเบาๆ ให้คนไปตามเสี้ยวเวยเข้ามา ไม่นานนักร่างเล็กในชุดสาวใช้มีผ้ากันเปื้อนคาดทับรีบเร่งเดินเข้ามาราวกับจะวิ่งเลยทีเดียว

แม้สวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ แต่โครงหน้าอ่อนหวานและดวงตาเป็นประกายดุจหยด ทำให้ผู้ที่สบตาด้วยไม่อาจถอนสายตาไปจากนางได้

“เหลาหู่นี่เจ้าพาเมียมาให้พ่อแม่รู้จักแล้วเรอะ!” หยางต๋าส่งเสียงดังด้วยความยินดี เห็นเพียงแวบแรกกลับพอใจที่จะได้ลูกสะใภ้หน้าตาน่ารักเช่นนี้

คำพูดของชายวันหกสิบเจ็ดทำเอาหลัวเสี้ยวเวยหน้าแดงขึ้นมา นางยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธทันที

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ บ่าวเป็นสาวใช้”

“ตายจริง! เหลาหู่! เจ้าไปเอาน้องมาจากไหน ตัวเล็กแบบนี้จะ

ทำงานหนักได้อย่างไรกัน นางเป็นผู้หญิงของเจ้าก็บอกมาเถอะ อายุขนาดนี้แล้วพ่อกับแม่รับได้”

เพราะทั้งสองมีบุตรเมื่อตอนที่อายุมากแล้ว และหยางต๋าไม่รับอนุ มีเพียงฮูหยินผู้เดียวจึงมีบุตรชายที่เอาใจยากอยู่สองคนเพียงแค่นี้

หยางเหลาหู่ได้ยินบิดามารดาพูดเช่นนั้นถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ

“นางเป็นสาวใช้จริงๆ” เขาทำหน้าเบื่อหน่าย พอเหลือบมองใบหน้าหญิงสาวตัวเล็กที่เขินอายจนใบหน้าแดงจัด เขาอดยอมรับไม่ได้ว่า นางมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเป็นประกาย ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน

“ชื่ออะไรล่ะยัยหนู” หยางต๋าถามด้วยความเอ็นดู

“เสี้ยวเวยเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “นายท่านกับฮูหยิน ต้องการอะไรเรียกใช้ได้เลยเจ้าค่ะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ข้ามีเรี่ยวแรงมิใช่น้อย”

“ไยเรียกห่างเหินเช่นนั้น เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” ฮูหยินหยุนผิงนึกเอ็นดูนัก ใจจริงนางอยากมีลูกสาวน่ารักๆ อีกสักคน แต่สุขภาพไม่เอื้ออำนวย เบ่งลูกชายได้สองคนก็ต้องถอดใจ

“แค่กๆ” คราวนี้หยางเหลาหู่ถึงสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่ามารดาของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้

“มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยมาอยู่ในฐานะสาวใช้ไม่สมควรตีตนเสมอนาย”

“พูดจาน่าฟังดีจริง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้น แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้ เอ่อ...แล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างเรือนหลังใหญ่โตแต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ไม่รู้จักรีบมีลูกมีหลานให้พ่อแม่ได้อุ้มเล่น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel