เขาว่าข้าคือปีศาจ
"ปีศาจมาแล้ว"
"ปีศาจตาแดงมาแล้ว"
เสียงโห่ร้องขับไล่ดรุณีน้อยวัยเก้าขวบที่กำลังเดินถือตะกร้าซื้อของในตลาดของหมู่บ้านตงเหลียงมณฑลตี้เจิงดังขึ้นทุกย่างก้าวที่นางเดินผ่าน
"เถ้าแก่ ข้าเอาซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก"
"ไม่ขาย ๆ ไปซื้อที่อื่นเลยไป!"
เสียงเถ้าแก่ร้านซาลาเปาดังขับไล่ดรุณีน้อยที่ยืนรอของหน้าร้านดังลั่น
เหล่าพ่อค้าแม่ค้าร้านอื่น ๆ ต่างพากันมองมาที่นางด้วยสายตาเดียวกันคือ
รังเกียจ...
หวาดกลัว...
"เถ้าแก่ขายให้ข้าเถอะ ถ้าวันนี้ข้าซื้อของกินกลับไปที่บ้านไม่ได้ท่านพ่อต้องดุข้าอีกเป็นแน่"
ดรุณีน้อยร้องขอความเมตตาด้วยเสียงสั่นเครือ ดวงตาสีสวยราวตะวันทอแสงฉ่ำไปด้วยม่านน้ำตาที่รอเวลาหลั่งไหลอาบแก้มหากยังไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ
"ที่นี่ไม่มีใครอยากขายของให้ปีศาจเช่นเจ้า ไป ๆ รีบออกไปจากหมู่บ้านเราได้แล้ว"
แม่ค้าร้านข้าง ๆ รีบออกปากขับไล่เรียกความฮึกเฮิมให้กับร้านอื่น ๆ เอาเยี่ยงอย่างหยิบจับขว้างปาข้าวของใส่ดรุณีน้อยที่น่าสงสารผู้นี้อย่างไร้เมตตา
"โอ้ย! ข้าเจ็บ ข้าไม่ใช่ปีศาจ ข้าไม่ใช่ปีศาจสักหน่อย"
ร่างบอบบางวัยเก้าขวบนั่งคุดคู้กอดตัวเองซบหน้าลงกับหน้าขาเพื่อปกป้องใบหน้าที่แสนจิ้มลิ้มไม่ให้ถูกของที่ปามากระเด็นใส่ น้ำตาเม็ดเล็กพรั่งพรูลงมาจนเปียกปอนอาภรณ์สีซีดที่นางสวมอยู่
"ชิงเอ๋อร์!"
เสียงแหบพร่าดังขึ้นพร้อมร่างสูงใหญ่แหวกว่ายชาวบ้านที่มุงขว้างปาข้าวของใส่เจ้าของชื่อเรียกเข้ามาด้านใน
"ฮื่อ ๆ อาสี่ อาสี่ช่วยชิงชิงด้วย พวกเขาบอกว่าข้าเป็นปีศาจ เสี่ยวชิงไม่ใช่ปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ ฮื่อ ๆ"
'หลี่ชิงชิง' กระโดดเข้าสู่อ้อมอกของหลี่จงผู้มีศักดิ์เป็นอาสี่ของนางทันที
"โถ...เสี่ยวชิงของอา ไม่ร้อง ๆ"
ฝ่ามือหยาบกร้านโอบกอดพร้อมลูบแผ่นหลังเล็กเพื่อปลอบประโลม ดวงตาแข็งกร้าวตวัดมองพ่อค้าแม่ค้าที่ห้อมล้อมพวกเขาอยู่อย่างดุกร้าว
"หากพวกเจ้ายังไม่เลิกปล่อยข่าวลือว่าเสี่ยวชิงเป็นปีศาจ ข้าจะให้สวรรค์ลงทัณฑ์คนโป้ปดอย่างพวกเจ้าให้เข็ดหลาบ"
เสียงข่มขู่ทำเอาคนที่รุมล้อมพวกเขาต่างหวาดกลัวหนีกลับร้านตัวเองราวผึ้งแตกรัง
"นางเป็นปีศาจจริง ๆ ข้าเห็นดวงตานางเปลี่ยนเป็นสีแดงกับตา"
หนึ่งในคนที่ปล่อยข่าวลือเรื่องที่หลี่ชิงชิงเป็นปีศาจและเป็นคนเห็นความเปลี่ยนไปของหลี่ชิงชิงเมื่อเดือนก่อนโต้เถียงหลี่จงกลับอย่างไม่เกรงกลัวอันตรายจากชายร่างสูงท้วมตรงหน้า
"วันนั้นเสี่ยวชิงถูกเศษพริกกระเด็นเข้าตาทำให้นางร้องไห้จนตาแดงเท่านั้น"
หลี่จงรีบหาเหตุผลเพื่อปกป้องหลานสาวที่ยังคงหวาดกลัวซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา
"ท่านอย่าโกหกเลย วันก่อนบ้านท้ายหมู่บ้านไฟไหม้ มีคนเห็นปีศาจชิงชิงอยู่ที่นั่น เพลิงไหม้ครั้งนั้นต้องเป็นนางทำเป็นแน่"
ดรุณน้อยวัยสิบเอ็ดขวบอีกคนเข้ามาเสริม
"ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำ วันนั้นข้าได้กลิ่นควันไฟแรงผิดปกติเลยรีบวิ่งไปเตือนท่านป้าหรู แต่พอไปถึงไฟก็ลุกลามแล้ว"
หลี่ชิงชิงหันมาปกป้องตัวเองด้วยการพูดความจริง ทว่าคนเหล่านี้หรือจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาปักใจเชื่อไปแล้ว อีกอย่างเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้นมีคนเห็นนางอยู่ตรงนั้นกับตาตัวเองหลายคน
"เสียวเป่า เสี่ยวเถา มานี่! เลิกต่อล้อต่อเถียงนางได้แล้ว ระวังปีศาจชิงชิงจะไปวางเพลิงเรือนพวกเจ้าเอานะ!"
แม่ค้าผลไม้นางหนึ่งเอ่ยเตือนดรุณน้อยทั้งสองที่ยืนต่อล้อต่อเถียงอย่างจริงจัง
"จริงด้วย ข้าไปดีกว่า ปีศาจชิงชิงอย่าถือโทษข้าเลย ข้าขอโทษเจ้าตรงนี้ อย่าไปเผาบ้านข้าเลยนะ ข้ากลัวแล้ว!"
เสียวเป่าที่ตอนแรกดูไม่เกรงกลัว พอถูกเตือนสติเข้าหน่อยถึงกับน้ำตาคลอเบ้ารีบวิ่งหนีกลับบ้านตนเองทันที เสี่ยวเถาไม่มีพรรคพวกแล้วหรือจะกล้าอยู่ต่อ วิ่งตามสหายกลับเรือนตาม ๆ กันไป
"เสี่ยวชิงของอาเจ็บตรงไหนบ้าง"
น้ำเสียงอบอุ่น แววตาห่วงใยสบมองตามเนื้อตัวของหลานสาว
"ข้าไม่เป็นไร ท่านอาสี่ป่วยอยู่ไม่น่าออกมาตามข้าเลย"
หลี่ชิงชิงกล่าวโทษตัวเองในใจที่ทำให้ผู้มีพระคุณของนางต้องลำบากทั้ง ๆ ที่ยังป่วยอยู่
"อาสี่เจ้าแค่ไอเล็กน้อยไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ไป ๆ กลับบ้านกันเถิด"
"แต่ข้ายังไม่มีอะไรติดมือกลับเลยสักอย่าง"
เสียงกังวลดังขึ้น ดวงตาสุกใสหม่นลงทันทีเมื่อนึกถึงผลลัพธ์หากนางกลับไปมือเปล่าตอนนี้
"เถ้าแก่ ซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก ถ้าเจ้าไม่ขายข้าจะพังร้านเจ้าตอนนี้เลย"
"ได้ ๆ ขายแล้ว ๆ ซาลาเปาห้า หมั่นโถวหก นี่ข้าแถมให้อีกลูก"
เถ้าแก่ร้านซาลาเปามือไม้สั่นเมื่อถูกหลี่จงที่เป็นหมัดเป็นมวยนิสัยเหมือนอันธพาลขู่เช่นนั้น
"ทีนี้กลับได้แล้วใช่หรือไม่"
รอยยิ้มอบอุ่นของผู้เป็นอาทำให้หัวใจของหลี่ชิงชิงอุ่นใจขึ้น
"เจ้าค่ะ"
หลี่ชิงชิงยิ้มกว้างเมื่อในตะกร้ามีอาหารแล้ว ดรุณีน้อยค่อย ๆ จูงหลี่จงที่สุขภาพป่วยออด ๆ แอด ๆ มาหลายวันแล้วกลับไปยังกระท่อมที่อยู่ชายป่าใกล้กับภูเขาเซียนลู่ทันที