บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5

กำแพงวังหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็วเมื่อรถบรรทุกคันที่หล่อนซ่อนตัวอยู่แล่นออกมาจากวังหลวงของมหานครการ์ซาน หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากผ้าใบที่คลุมร่างของหล่อนรวมกับผลไม้จำนวนมากมองไปยังสิ่งก่อสร้างที่วิจิตรงดงามเบื้องหน้าอย่างอาลัยอาวรณ์ ทว่าคนที่หล่อนอาลัยอาวรณ์กลับไม่ใช่เจ้าของวังหลวงแห่งนั้น แต่กลับเป็นบอดี้การ์ดจอมเถื่อนที่ชื่อฟาเดลคนนั้นต่างหาก

หล่อนกับเขาคงไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก เพราะหากพบกันเขาก็คงจะลากหล่อนกลับมาให้เจ้านายของเขาย่ำยีอย่างไร้เมตตาอย่างแน่นอน นี่หัวใจของเขาทำด้วยอะไรกันนะ ไม่หวั่นไหวแบบที่หล่อนรู้สึกทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้ที่ได้สบตากับเขาเลยหรือไง ก็อย่างว่าแหละ เขามันคนเถื่อนนี้ หัวใจมีหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย แองเจลล่าคิดอย่างน้อยอกน้อยใจ ก่อนจะค่อยๆ ก้มศีรษะลงไปใต้ผ้าใบสีเข้มผืนนั้นตามเดิม

รถบรรทุกวิ่งมานานน่าจะเกือบๆ ชั่วโมงได้ก็จอดสนิทลง หญิงสาวหัวใจสะท้านด้วยความหวาดกลัว เพราะเท่าที่หล่อนรู้มารถคันนี้จะวิ่งเข้าไปในตลาดไม่ใช่หรือ แล้วนี่มันถึงแล้วหรือไง... แองเจลล่าค่อยๆ ผงกศีรษะออกจากผ้าใบนั้นอย่างระมัดระวังเพื่อจะมองสถานที่รอบตัว แต่แล้วก็ต้องชะงักงันอ้าปากค้างเมื่อสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้าคือคนที่กำลังจ้องมองหล่อนอยู่ด้วยสายตามืดดำ และหากเป็นแค่คนธรรมดาก็คงไม่สามารถทำให้หล่อนตกใจแทบช็อกได้แบบนี้

“ฟาเดล...”

“แค่คุณอ้าปาก ผมก็รู้แล้วล่ะว่าคุณคิดอะไรอยู่”

น้ำเสียงไม่มีแววขบขันหรือล้อเล่นเลย ตรงกันข้ามมันกลับเต็มไปด้วยความเดือดดาลที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ต่างหาก หญิงสาวหน้าซีดเผือดมองเขาอย่างขวัญผวา

“คือฉัน...”

“หุบปากซะ แล้วลงมา”

คนตัวโตออกคำสั่งเสียงกระด้าง ทำราวกับสั่งเป็นมาตั้งแต่เกิด ก่อนจะกระชากผ้าใบที่คลุมร่างอรชรอยู่ให้ตลบไปด้านหลัง แองเจลล่าในชุดเดรสสีดำตัวเดิมค่อยๆ ก้าวลงมาจากรถอย่างไม่มีทางเลือก แต่คงเป็นเพราะนั่งท่าเดิมมาเป็นเวลานานทำให้ถูกเหน็บชาเล่นงานจนถลาตกลงมาจากรถ ดีที่บาร์ซาร์รับเอาไว้ได้ทัน

“ระวังหน่อยสิ...”

เขาเค้นเสียงคำรามใส่หน้า วูบหนึ่งเหมือนหล่อนเห็นความห่วงใยในดวงตาดำสนิทคู่นั้น แต่พอมองซ้ำอีกทีก็พบเจอแต่ความว่างเปล่าไร้ความรู้สึกเช่นเคย หล่อนคงคิดไปเอง แองเจลล่าบอกกับตัวเองเศร้าๆ ก่อนจะปั้นเสียงของตัวเองให้เป็นปกติเมื่อตอบออกไป

“ฉัน... เป็นเหน็บ...”

“ก็สมควรแล้วนี่ ใครใช้ใครคุณบ้าปีนลงมาจากหน้าต่างกันล่ะ”

“ก็ถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น ฉันก็หนีไม่รอดน่ะสิ”

คนตัวโตมองหล่อนอย่างเข่นเขี้ยว ไม่มีร่องรอยปรานีในสายตาของเขาเลย “แล้วตอนนี้หนีรอดหรือไง” พ่อเจ้าประคุณกระชากเสียงตอบออกมาอย่างเดือดดาล จากนั้นก็โยนร่างของหล่อนที่เขากำลังอุ้มอยู่ลงกับพื้นทรายตรงหน้าอย่างไม่ใยดี

“โอ๊ย... ฉันเจ็บนะ”

“คุณจะเจ็บยิ่งกว่านี้อีก ถ้าคนที่เจอคุณไม่ใช่ผม”

หญิงสาวน้ำตานองหน้าเพราะถึงแม้ว่าคนตัวโตจะเลือกโยนร่างของหล่อนลงไปบนพื้นทรายที่เป็นเนินเพียงใด แต่ความเจ็บระบมที่ได้รับมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่เลย สะโพกของหล่อน บั้นท้ายของหล่อนเจ็บระบมจนแม้แต่จะลุกขึ้นประจันหน้ากับเขายังทำได้ลำบากเลย แต่กระนั้นปากก็ยังเก่งเช่นเดิม

“ทำไม... คนพวกนั้นจะลงแขกฉันหรือไง แต่ถึงจะใช่มันก็ยังดีกว่าเจอผู้ชายอย่างนาย”

บาร์ซาร์หรี่ตามองร่างอรชรของแองเจลล่าด้วยสายตาชิงชัง โอเค... เขายอมรับว่าหล่อนสวย หล่อนมีเสน่ห์ และเขาก็พอใจในทุกอย่างที่เป็นหล่อน แต่นั่นไม่ได้รวมนิสัยเอาแต่ใจ ปากร้ายและร่านร้อนของหล่อนหรอกนะ เขาอยากจะตัดลิ้นของหล่อนทุกครั้งยามที่หล่อนผรุสวาทออกมา

“ทำไม... ผมคนเดียวมันไม่ถึงใจหรือไง”

หากเป็นในยามกลางวันคนตัวโตคงเห็นว่าหน้าของหล่อนแดงก่ำแล้วล่ะ “ใช่... อย่างนายแค่ยกสองยกก็คงหมดแรงแล้วใช่ไหมล่ะ” ยิ่งเห็นเขาทำหน้าเดือดดาลเท่าไหร่ หญิงสาวก็พอใจที่จะพูดออกไปมากเท่านั้น “อย่างฉันนี่เคยเจอเป็นสิบๆ รอบต่อคืนคงไม่ปลื้มนายหรอก โอ๊ย...!”

แองเจลล่าร้องลั่นเมื่อถูกมือหนาของคนตัวโตกระชากร่างเจ็บระบมของหล่อนให้ขึ้นไปเผชิญหน้า สายตาคมกริบของเขาดุดันจนหล่อนอดใจสั่นเพราะว่าหวาดกลัวไม่ได้

“ปล่อยฉันนะ... นายจะทำอะไร”

“อยากให้ผมพิสูจน์หรือเปล่าล่ะว่า ผมอึดแค่ไหน”

คนฟังขนลุกซู่ ก็เพราะคนพูดเล่นเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาเลยนี่ “มะ ไม่ต้อง... ฉันชอบบนเตียง และอีกอย่าง ไม่ชอบผู้ชายเถื่อนๆ แบบนายด้วย”

บาร์ซาร์แค่นยิ้มหยัน มองสาวน้อยในอ้อมแขนอย่างรังเกียจ “หวังว่าคุณจะพูดคำนี้ไปจนกว่าเราจะกลับเข้าไปในวังหลวงนะแองจี้...”

“นี่นาย... หมายความว่ายังไง...” แองเจลล่าเบิกตากว้างร้องถามด้วยความตื่นตระหนก แต่คู่สนทนาของหล่อนกลับหัวเราะชอบใจซะงั้น

“อย่าทำหน้าดีใจแบบนั้นสิคุณแองเจลล่า...”

หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ตัวที่ชโลมไปด้วยแสงของจันทราและก็พบว่าที่นี่มีกระโจมน้อยใหญ่ตั้งอยู่มากมายเลยทีเดียว

“นาย... คงไม่ขังใจเอาไว้ในทะเลทรายแห้งแล้งนี้ใช่ไหม”

พ่อเจ้าประคุณจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาอำมหิต แต่สายตาอำมหิตคู่นี้กลับทำให้หล่อนหวาดกลัวไม่ได้เลย ตรงกันข้ามมันกลับทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรงโครมครามแทนเสียนี่ ก็จะไม่ใช้หัวใจเต้นแรงได้ยังไงในเมื่อพ่อฟาเดลจอมเถื่อนหล่อลากไส้ลากตับได้ในทุกองศาขนาดนี้ ก็ดูสิ... ขนาดยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงจันทร์แค่นี้เขายังหล่อเข้ม และน่าปรารถนาแทบขาดใจแบบนี้เลย

“ก็ในเมื่อคุณไม่ชอบความสะดวกสบายในวังหลวง... การรอนแรมอยู่ในทะเลทรายก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมกับคุณไม่ใช่หรือแองจี้...”

“ว่าไงนะ จะให้ฉันอยู่ในทะเลทรายที่นี่...”

“ใช่ หนึ่งอาทิตย์กับผม...”

แล้วร่างของหล่อนก็ถูกเขาหิ้วปีกเข้าไปทิ้งลงกับพื้นในกระโจมขนาดใหญ่ มีสาวใช้สองคนจะตามมารับใช้ แต่พ่อเจ้าประคุณฟาเดลโบกมือไล่ซะงั้น จากนั้นก็หันมาจ้องหน้าหล่อนที่นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับพื้นด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

“ผมขอเตือนเอาไว้ด้วยความหวังดีนะคุณแองจี้...” เขาย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หล่อนจนเกินความจำเป็น แองเจลล่าจะผงกศีรษะหนีแต่คนตัวโตใช้มือหน้าตวัดรอบลำคอระหงของหล่อนเอาไว้เสียก่อน จากนั้นก็เลื่อนขึ้นไปตรึงที่ท้ายทอยของหล่อนเอาไว้

“ที่นี่มีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่ ดังนั้น... อย่าออกไปไหนคนเดียว”

หญิงสาวเชิดหน้าสูงอย่างอวดดี ทั้งๆ ที่ภายในอกก็อดสะพรึงกลัวกับสิ่งที่คู่สนทนาบอกไม่ได้ “แต่ฉันว่าการอยู่กับนายมันน่ากลัวมากกว่าอีก...”

บาร์ซาร์แค่นยิ้มหยัน หรี่ตากวาดมองใบหน้างดงามด้วยสายตาดูแคลน “ผู้หญิงอย่างคุณเก่งแต่บนเตียงเท่านั้นแหละแองจี้ เวลาอยู่นอกเตียงแล้วคุณทำอะไรแทบไม่เป็นด้วยซ้ำแม้แต่การตักอาหารใส่ปากตัวเองก็ตาม”

“นี่นาย ดูถูกฉันมากไปแล้วนะ!”

หญิงสาวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่มือหนาไม่ยอมปล่อยท้ายทอยของหล่อน แถมยังรั้งเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่านัก

“ที่ผมดูถูกก็เพราะผมมองคุณได้อย่างทะลุปรุโปร่งยังไงล่ะ เอาล่ะ...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel