ตอนที่ 3
“คุณร้อนได้ทุกเวลาจริงๆ น่ะแองจี้...”
“คนบ้า... นายมัน...”
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากบวมช้ำของตัวเองแน่น มองคนตัวโตอย่างอับอาย ขณะที่เขาแสยะยิ้มหยันหยาม มองหล่อนอย่างขยะแขยงเช่นเดิม
“หวังว่าคุณจะทำให้แท่นบรรทมขององค์ชายบาร์ซาร์ร้อนแรงแบบนี้ทุกคืน”
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่มีทางแต่งงานกับองค์ชายบ้าเลือดนั้นเด็ดขาด...”
คนฟังไหวไหล่น้อยๆ ขณะขยับกายเดินไปหยุดที่กลางห้องกว้างที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างวิจิตร “บอกแล้วไงว่าคุณหมดสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเองตั้งแต่เหยียบเท้าลงบนพื้นดินของมหานครการ์ซานแล้วล่ะ ชีวิตของคุณตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์ชายบาร์ซาร์แต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น”
“ไม่...! ฉันไม่ยอม”
“นั่นมันคือสิ่งที่คุณคิดได้ แต่กระทำไม่ได้... เอาล่ะพักผ่อนซะ แล้วผมจะให้คนมาเชิญเมื่อถึงเวลารับประทานอาหารเย็น...”
แล้วพ่อคนตัวโตที่พูดเองเออเองก็ก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้องพักที่หล่อนถูกนำมากักขังเอาไว้อย่างไม่แยแสอะไรอีก แองเจลล่ามองตามไปด้วยสายตาเจ็บปวด ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่านอกจากถูกพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองกักขังแล้วยังต้องมาถูกผู้ชายเถื่อนถ่อยกักขังอีก
“ไอ้คนบ้า... คิดหรือว่าฉันจะยอมอยู่ให้องค์ชายของนายเชือดง่ายๆ ฝันไปเถอะ!”
หญิงสาวเค้นเสียงขุ่นเคืองออกมา ก่อนจะรีบเดินไปชะโงกหน้าต่างมองลงไปยังพื้นดินเบื้องล่าง สูงมาก... หล่อนคิดในใจ แต่ก็โชคดีนักที่หล่อนไม่ได้เกิดมาพร้อมๆ กับโรคกลัวความสูง รอยยิ้มบางๆ แต้มใบหน้างามเมื่อความคิดบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในสมอง หล่อนไม่มีทางยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักอย่างแน่นอน ไม่มีทาง...
ขณะที่แองเจลล่ากำลังมุ่งมั่นที่จะหาทางออกให้กับตัวเองอยู่นั้น ผู้ชายที่หล่อนคิดว่ามีฐานะเป็นแค่บอดี้การ์ดเท่านั้นก็หันมาเอ่ยกับสาวใช้สามคนที่ยืนก้มหน้ารอรับคำสั่งอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังยังไงก็ทรงอำนาจเหลือเกินด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมา
“เข้าไปรับใช้คุณแองจี้ เธอต้องการอะไรสรรหามาให้เธอ แต่... สิ่งนั้นจะต้องไม่ขัดคำสั่งของฉัน เข้าใจไหม”
“พวกหม่อมฉันเข้าใจดีเพคะฝ่าบาท...”
ชายหนุ่มไม่ได้พูดคำใดออกมาอีก นอกเสียจากก้าวยาวๆ เดินออกไปจากตำหนักซ้ายด้วยท่าทางสง่างามเช่นเคย
“ฝ่าบาททำเหมือนไม่ใส่ใจองค์สุลตาน่าเลยเนอะ” สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเห็นใจเมื่อองค์เหนือหัวของตนเดินออกห่างไปจนลับตาแล้ว
“ก็ฝ่าบาทไม่ได้โปรดจะอภิเษกด้วยสักหน่อย แต่ที่ต้องอภิเษกก็เพราะไม่อยากเสียเพื่อนรักไปเท่านั้นเอง” สาวใช้อีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจเจ้าเหนือหัวของตัวเองอย่างสุดซึ้ง ขณะที่สาวใช้อีกคนหนึ่งเองก็มีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน
“น่าสงสารฝ่าบาทจังนะ แทนที่จะได้อภิเษกกับคู่หมั้นคู่หมายที่สมน้ำสมเนื้อกันอย่างคุณจาเมล่า”
“เบาๆ หน่อยบิสมา พูดดังแบบนี้ถ้าใครมาได้ยินแล้วนำไปทูลฝ่าบาทล่ะก็ มีหวังหัวขาดกันเป็นแถวแน่” สาวใช้ที่พูดขึ้นคนแรกเอ่ยเตือน พร้อมๆ กับกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวด้วยความวิตกกังวล
“อย่าปอดแหกไปหน่อยเลยฟาติมา ไม่มีใครได้ยินหรอกน่า” คนถูกเตือนเชิดใส่คำพูดของเพื่อน ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปในห้องพักของผู้หญิงที่ทุกคนในมหานครการ์ซานรู้ดีว่ากำลังจะได้ขึ้นเป็นองค์สุลตาน่าในเร็ววันนี้ทันที เพื่อนอีกสองคนรีบตามเข้าไปเช่นกัน
“พวกเราคือสาวใช้ประจำตัวของคุณแองจี้ค่ะ”
คนที่กำลังยืนเกาะขอบหน้าต่างและมองลงไปยังพื้นดินด้านล่างหันกลับมามอง “ฉันไม่ต้องการสาวใช้ ฉันอยากอยู่คนเดียว...”
“แต่ฝ่า... เอ่อ ท่านฟาเดลสั่งพวกเราเอาไว้นะคะ”
ฟาติมาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพนุ่มนวล แต่ตอนนี้แองเจลล่าไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูเพราะหล่อนจะต้องไปจากที่นี่ให้ได้ เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
“แล้วนายนั่นให้ข้าวพวกเธอกินหรือไงถึงต้องไปทำตามคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัดแบบนี้ด้วย เอาล่ะ ฉันไม่อยากหัวเสียมากไปกว่านี้ ออกไปซะ ฉันอยากอยู่คนเดียว...”
“ไม่ได้ค่ะ” บิสมาที่ไม่ชอบแองเจลล่าอยู่แล้วตอบเสียงแข็ง แองเจลล่าหรี่ตามองและเดินเข้ามาหา “เธอเป็นแค่สาวใช้ไม่ใช่หรือ...”
“เอ่อ คุณแองจี้คะ พวกเรา...”
ฟาติมาพยายามจะแก้ตัวให้เพื่อน แต่บิสมาไม่ได้ให้ความร่วมมือด้วยเลย เพราะแม่คุณยังจ้องหน้าแองเจลล่าด้วยสายตาไม่เกรงกลัวเช่นเคย
“เธอหุบปาก... ฉันจะสั่งสอนแม่นี่เอง” แล้วแองเจลล่าก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของสาวใช้อวดดีเต็มแรงจนบิสมาหน้าสะบัด ก่อนจะเค้นเสียงขุ่นเคืองออกมา
“ฝากไปปากนายฟาเดลคนเถื่อนนั่นด้วยนะว่า คนอย่างแองเจลล่าถูกขังได้ไม่นานหรอก ให้เขาระวังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน...”
หญิงสาวพูดจบก็ผลักร่างของสาวใช้สามคนออกจากห้องพักของตัวเองทันที จากนั้นก็ลงกลอนและรีบวิ่งกลับไปเกาะขอบหน้าต่างอีกครั้ง ดวงตาหวานฉ่ำหรี่มองพื้นดินเบื้องล่างซ้ำๆ กันอยู่นานอย่างคาดคะเนความสูง
“มันน่าจะสิบห้าเมตรกว่าๆ”
หญิงสาวสพึมพำเบาๆ กำลังจะหมุนตัวเดินกลับไปที่เตียง แต่ประตูห้องพักของหล่อนก็ถูกเคาะแรงๆ และเพียงไม่กี่อึดใจมันก็ถูกพังเข้ามา
แองเจลล่าอ้าปากค้างกับเหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะแหวใส่เสียงสูงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นฝีมือของใคร “นายฟาเดล นี่นายกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้!”
เจ้าของชื่อย่างสามขุมเข้ามาหยุดตรงหน้าหล่อน กระแสความเดือดดาลสะท้อนออกมาจากกายหนุ่มจนหล่อนแสบหูแสบตา
“คุณบอกว่าบ้านเมืองของผมป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม แล้วสิ่งที่คุณทำกับคนของผมล่ะเรียกว่าอะไร”
“ฉันทำอะไรไม่ทราบ”
แม้จะรู้ดีว่าคนตัวโตหมายถึงอะไร แต่แองเจลล่าก็อดยียวนกวนประสาทออกไปไม่ได้ อดหมั่นไส้ไม่ได้ที่เห็นตาสุดหล่อนี่ห่วงใยผู้หญิงคนอื่น
ชายหนุ่มแสยะยิ้มก่อนจะเรียกสาวใช้ที่หล่อนฟาดหน้าด้วยฝ่ามือไปหนึ่งทีเข้ามาในห้อง “บิสมา ไหนลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
แองเจลล่าปลายตามองแล้วก็อดแปลกใจกับร่องรอยบนใบหน้าขาวๆ นั้นไม่ได้ นี่มัน... หล่อนตบไปแค่ทีเดียวเอง ทำไมใบหน้าของยายสาวใช้คนนี้ถึงได้ยับเยินราวกับว่าถูกตบเป็นร้อยทีแบบนี้นะ สงสัยหล่อนถูกเล่นงานเข้าซะแล้วล่ะ แต่คิดหรือว่าหล่อนจะยอมรับในสิ่งที่ไม่ได้กระทำง่ายๆ ฝันไปเถอะ
“คุณแองจี้... ตบหน้าฉันค่ะ”
“ฉันตบเธอกี่ครั้งล่ะ” แองเจลล่าเดินมาหยุดตรงหน้าบิสมา มองอย่างรู้ทัน
“ฝ่า... เอ่อ ท่านฟาเดล... คุณแองจี้มองฉันตาดุอีกแล้วค่ะ”
“ตอแหล! ฉันตบหน้าเธอแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น...”
แองเจลล่าเค้นเสียงใส่หน้าบิสมา กำลังจะกระชากมาตบให้ช้ำอีกรอบ แต่ก็ถูกคนตัวโตผลักหล่อนออกเสียก่อน ร่างอรชรเสียหลักล้มลงบนพื้นพรมเต็มแรง สาวใช้อีกสองคนที่อยู่นอกห้องจะวิ่งเข้ามาประคอง แต่เสียงทรงอำนาจที่ฟังแล้วน่าเกรงขามเหลือเกินของฟาเดลก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง... ผู้หญิงนิสัยแย่ๆ แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีคนช่วย”
“ไอ้คนเลว... ฉันจะทูลองค์ชายบาร์ซาร์ว่านายกับพวกของนายรังแกฉัน”
แทนที่พ่อตัวโตจะมีท่าทางหวาดกลัวบ้าง แต่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ใช่แค่ไม่หวาดกลัวเท่านั้นพ่อคุณยังทำท่าไม่แยแสอีกต่างหาก
“องค์ชายไม่มีทางเชื่อคำพูดผู้หญิงที่หาค่าไม่ได้อย่างคุณหรอกแองจี้...”
หญิงสาวกัดปากแน่น ขณะบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แม้จะทั้งเจ็บทั้งอายแต่ก็ข่มไอ้ความรู้สึกพวกนั้นเอาไว้แต่ในอก หล่อนยิ้มออกมา
“แล้วไง... ฉันหาค่าไม่ได้ แต่องค์ชายบ้าเลือดนั่นก็ต้องการฉันเป็นเมีย”
“ที่ฝ่าบาทต้องทำอย่างนั้นก็เพราะว่าไม่มีทางปฏิเสธได้ต่างหาก”
บิสมาที่ยืนอยู่ข้างกายโพล่งออกไปอย่างลืมตัว และนั่นก็ทำให้ถูกสายตาดุดันของฟาเดลมองอย่างคาดโทษ สาวใช้ตัวสั่นก้มหน้าหลบตาทันที
แองเจลล่าแค่นยิ้มหยัน เดินมาหยุดตรงหน้าของบิสมา “เหรอแม่คุณ... ถ้าอย่างนั้นฝากไปบอกฝ่าบาทที่รักของเธอด้วยนะว่า ฉันมีทางเลือกให้เขาเสมอแหละท่าเขาต้องการ...” พูดจบหญิงสาวก็จะเดินกลับไปนั่งบนขอบเตียง แต่ข้อมือก็ถูกคนตัวโตคว้าเอาไว้ซะก่อน
“อย่าพึ่ง คุณยังไปไหนไม่ได้”
“นี่อย่าบังอาจมาแตะต้องเนื้อตัวของฉันนะ” หญิงสาวพยายามสะบัดมือออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่หลุด ทำได้แค่เพียงยืนมองฟาเดลตาเขียวปั๊ดเท่านั้น
“ผมไม่ได้อยากแตะเนื้อตัวที่โรยไปด้วยดอกไม้สีทองของคุณนักหรอกแองจี้”
“ไอ้คนปากเสีย นี่นายว่าฉัน...”
ชายหนุ่มไหวไหล่กว้างน้อยๆ ก่อนจะพูดออกมา “ผู้หญิงอย่างคุณ... แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ เอาล่ะ... เลิกเต้นเป็นแร้งเป็นกาได้แล้ว ถึงเวลาที่คุณจะต้องได้รับโทษสักที”
“โทษ...? นี่นายหมายถึงอะไร” แองเจลล่าเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจระคนงงงวย