บทที่ 9
"ถ้าช่วยเธอแล้วฉันจะได้อะไร"
"คุณต้องการอะไรล่ะคะ" ในเมื่อเขาถามมาแบบนั้น แล้วเธอจะตอบยังไงล่ะ..นอกจาก ถามเขากลับว่าต้องการอะไรจากเธอ
"ยังไม่ได้คิด" สายตาเขายังคงจ้องมองดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า อยากให้เธอเป็นคนเสนอมาเอง
"คุณจะทำเป็นสัญญาขึ้นมา ก็ได้นะคะ ฉันจะทยอยใช้เงินคืนให้คุณ"
"ยืมไปเป็นก้อน แต่จะใช้ทีละบาทสองบาท?"
"คุณก็พูดมาสิคะว่าคุณต้องการแบบไหน" ตอนนี้เธอมองไม่เห็นทางไหนแล้วจริงๆ เขาจะดูถูกเธอแค่ไหนก็คงต้องทนเอา
สายตาคมมองตั้งแต่ใบหน้าต่ำลงไปจนถึงจุดกึ่งกลางลำตัวของผู้หญิง
จนคนที่ถูกมองรู้สึกอายสายตานั้น แต่เธอก็ยืนให้เขามองสำรวจเรือนร่างของเธอโดยไม่หลบไปไหน
"ถ้าฉันบอกว่าต้องการตัวเธอล่ะ"
"ค่ะ"
"?" เป็นเขาเองที่แปลกใจ ทีแรกกลัวว่าจะถูกเธอตบหน้าด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะตอบตกลงง่ายดายแบบนี้
"แต่ฉันคิดว่าตัวฉันคงมีค่ามากกว่าสองข้อนั้น ฉันขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง" คนเราเกิดมาต้องคิดว่าตัวเองมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดอยู่แล้ว ถ้าเธอจะใช้มันแลกกับอะไรสักอย่างต้องให้มันคุ้มกว่านี้
"ว่ามา"
"ไล่หัวหน้าแผนกที่ชื่อเพ็ญพักตร์ และชาคริตออก"
"ได้สิ"
ทำไมเขาตอบตกลงง่ายจัง แต่ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูดให้มากความ ทีแรกชมจันทร์ยังคิดว่าเขาจะถามเธอก่อน ว่าทำไมต้องไล่ออก และจะออกด้วยเหตุผลอะไร เพราะอยู่ดีๆ ถ้าจะไล่พนักงานออกต้องมีเหตุผลสิ
"แต่ฉันอยากถามคุณอีกข้อ"
"ถามมา"
"ในเมื่อคุณมีแฟนอยู่แล้ว ทำไมถึงต้องการตัวฉัน"
"ก็เธอมาเสนอเองไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ค่ะ" แต่ละคำที่เขาพูดออกมามันช่างทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอเลือกแล้วที่จะให้เขาเป็นคนช่วย "แต่ถ้าแฟนคุณรู้จะไม่มีปัญหากันเหรอคะ"
"ก็อย่าให้รู้สิ"
แผนกที่ชมจันทร์ทำงานอยู่..
"เธอไปไหนมา"
"ไปจัดการอะไรมานิดหน่อย" แต่ที่จริงมันไม่นิดหน่อยหรอก เพราะมันคือจุดเปลี่ยนของชีวิตเธอเลยก็ว่าได้
"ไม่เป็นอะไรนะชม"
"ฉันไม่เป็นอะไร" ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่ ก็มีคำสั่งลงมาที่แผนก ให้หัวหน้าที่มีรายชื่อตามนี้ขึ้นไปพบท่านผู้บริหารคนใหม่
"ทำไมพี่เพ็ญกับคุณชาคริตถึงถูกเรียกขึ้นไปล่ะ" หลายคนต่างก็สงสัยและพูดคุยกัน
"แกรู้ไหมว่าทำไม" อันนาถามวิเวียร์ เพราะวิเวียร์ชอบหาข่าวมาให้เพื่อนรู้ประจำ
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ก็นั่งอยู่ด้วยกัน"
"ถ้าแกไม่รู้คนอื่นคงไม่รู้แล้วล่ะ"
"เอ้าไอ้นี่ แกว่าฉันชอบเสือกเรื่องชาวบ้านหรือไง"
"แกพูดเองนะ"
ห้องทำงานทัพไท..
"อะไรนะคะ?" เพ็ญพักตร์ตกใจเมื่อได้ยินคำสั่งให้ออกจากงาน
"แล้วทำไมผมถึงต้องออกด้วยครับ"
ทัพไทหยิบเอกสารกฎระเบียบของบริษัท มาวางไว้ตรงหน้าทั้งสอง
"ข้อที่ 14" เขาบอกเลยว่าสองคนนี้ทำผิดกฎระเบียบข้อไหน
"?" เพ็ญพักตร์หันมองดูหน้าชาคริต
"เดี๋ยวนะครับ กฎระเบียบข้อนั้น พวกผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย"
"ใช่ค่ะ กฎนั้นมันคือการเล่นชู้ในที่ทำงานเลยนะคะ"
จนเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงได้ ทั้งสองก็กลับลงมา
จังหวะที่เพ็ญพักตร์เดินผ่าน โต๊ะทำงานของชมจันทร์ สายตานั้นมองมาแบบอาฆาตแค้นมาก
"มีอะไรหรือเปล่าพี่เพ็ญ" พนักงานที่หลายคนต่างก็ถามเพ็ญพักตร์ เป็นใครก็ต้องสงสัยว่าผู้บริหารคนใหม่ทำไมถึงเรียกตัวหัวหน้าขึ้นไปแค่สองคน
แต่เพ็ญพักตร์ไม่ตอบใคร พอเข้าไปในห้องทำงานได้ก็เริ่มเก็บของ
"มันหมายความว่ายังไง" ประตูห้องหัวหน้าไม่ได้ปิด วิเวียร์และอันนามองเข้าไปก็เห็นว่าเพ็ญพักตร์กำลังเก็บของ
"หรือว่าหัวหน้าจะถูกย้าย"
"สภาพนั้นฉันว่าคงไม่ใช่ถูกย้ายหรอก ถูกไล่ออกหรือเปล่า"
"บ้าไปแล้ว ฉันยังไม่เคยได้ยินว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าถูกไล่ออกเลย" เพราะส่วนมากหัวหน้านี่แหละตัวดีนัก ไม่ชอบหน้าลูกน้องคนไหนก็หาเรื่องไล่ออก
พอมองไปทางแผนกที่ชาคริตรับผิดชอบ ก็เห็นว่าชาคริตเก็บของส่วนตัวตัวเองแล้วออกจากที่ทำงานไป
"ชมเธอรู้เรื่องอะไรไหม" วิเวียร์เห็นว่าชมจันทร์นั่งนิ่ง เหมือนไม่สนใจ ทั้งๆ ที่ชมจันทร์น่าจะเป็นคนที่ดีใจที่สุด ถ้าสองคนนี้ถูกไล่ออก
"ฉันจะไปรู้อะไรล่ะ" ดีใจมันก็ดีใจอยู่หรอก แต่ต่อจากนี้ไป เธอจะเป็นยังไง มันไม่ต่างอะไรกับที่พวกเขาสองคนเป็นกันอยู่เลย เพราะว่าเขาก็มีคนของเขาอยู่แล้ว
พอชาคริตและเพ็ญพักตร์ออกไปจากบริษัทแล้ว ตอนนี้พนักงานต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครให้คำตอบใครได้เลย เพราะคนที่ถูกไล่ออกไม่พูดอะไรเลยสักคำ
โรงอาหาร..
ที่โรงอาหารก็พูดแต่เรื่องนี้ เพราะอยู่ดีๆ หัวหน้าถูกไล่ออกสองคนพร้อมกัน โดยไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป
"ถ้างั้นเธอก็ไม่ต้องออกไปทำการตลาดน่ะสิ" แน่ชัดแล้วว่า ตอนนี้เพ็ญพักตร์ถูกไล่ออก เพราะได้ยินหัวหน้าแผนกอื่นคุยกัน
"ดีใจจัง ฉันก็เป็นห่วงอยู่ว่าแม่เธอใครจะดูแล"
ชมจันทร์ยิ้มให้เพื่อนเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงกับเธอต่อ เพราะสิ่งที่เธอขอเขาจัดการให้ได้ในทันทีเลย
หลังทานข้าวเสร็จทุกคนก็กลับมาที่แผนก..
"พี่รจนา?" ทุกคนต่างก็ตกใจ พอเพ็ญพักตร์ออกไปแล้วคนที่มาแทนตำแหน่งเพ็ญพักตร์ก็คือรจนา
"ทำไมเหรอ เห็นฉันแล้วมันน่าตกใจตรงไหน"
"ปะ..เปล่าค่ะ" ถ้าให้เลือกระหว่างเพ็ญพักตร์กับรจนา พนักงานแผนกนี้ขอเลือกเพ็ญพักตร์ดีกว่า เพราะรจนาขึ้นชื่อว่าเคร่งครัดในการทำงานมาก
แต่สำหรับชมจันทร์แล้วนาทีนี้ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่หัวหน้าคนเดิม
"จะตกใจกันอีกนานไหม ช่วยเขียน List งานของแต่ละคนมาส่งพี่ด้วย" รจนาหมายถึงงานที่ค้างจากหัวหน้าคนเดิม อยากรู้ว่าลูกน้องเหลืองานอะไรอยู่บ้างจะได้มอบหมายงานใหม่ให้ถูก
"ค่ะ"
เย็นวันเดียวกัน..ที่โรงพยาบาล
"เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะคะ?"
"ตาชาคริตเพิ่งกลับก่อนหนูจะมานี่เอง ไม่เจอกันเหรอลูก"
"เขามาทำไมคะ เขาพูดอะไรกับแม่ไหม"
"ก็ไม่เห็นพูดอะไรนี่ เขายังปอกผลไม้ไว้ให้แม่เลย"
"อะไรก็ช่างที่เป็นของเขา แม่ห้ามกินนะ"
"มีอะไรหรือเปล่าลูก"
"เชื่อชมนะแม่" ชมจันทร์ไม่แน่ใจว่าชาคริตรู้เรื่องนี้หรือยัง เรื่องที่พวกเขาตกงาน ว่ามันเป็นฝีมือของเธอ ถ้าเขารู้นั่นแสดงว่าแม่ของเธอคงไม่ปลอดภัยแน่
"จ้ะ แม่เชื่อหนูนะลูก" เดือนมองดูแววตาของลูกสาว คิดว่ามันต้องมีอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้แน่
วันต่อมาที่ทำงาน..
"แต่นี่มันจะเที่ยงแล้วนะคะพี่รจนา"
"มันจะเที่ยงแต่มันยังไม่เที่ยง อย่าให้พี่เห็นว่าหยิบเครื่องสำอางขึ้นมาแต่งหน้าอีก"
"อะไรจะเขี้ยวขนาดนี้ แล้วเราจะแต่งหน้าทันลงไปกินข้าวไหมเนี่ย"
เย็นวันนั้น..
"คุณชื่อคุณชมจันทร์ใช่ไหมครับ"
"ค่ะ แล้วคุณเป็นใครคะ" ชมจันทร์กำลังรีบไปรอรถประจำทาง พอได้ยินคนทักชื่อก็เลยหันมาคุยด้วย
"ผมชื่อธีระ เป็นคนสนิทของ.." ธีรพันธ์มองไปดูรถคันที่จอดอยู่ไม่ไกล พอเธอมองตามไปรถคันนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนกระจกลง จนมองเห็นว่าใครที่นั่งอยู่ด้านใน
"หมายความว่ายังไงคะ"
"ท่านบอกให้ผมรับคุณไปรอ.."
"แต่วันนี้ฉันยังไปไม่ได้" เพราะเธอไม่ได้บอกแม่ไว้ แถมพรุ่งนี้อาจารย์หมอก็จะมาทำการรักษาแม่แล้วด้วย
"แต่ท่านบอกว่า ให้ผมพาคุณไปให้ได้"
"ถ้างั้นฉันขอคุยกับเขาก่อนนะคะ" ชมจันทร์รีบเดินไปที่รถคันนั้น แต่เธอยังไปไม่ถึงรถก็เคลื่อนตัวออกไปก่อน "??" ลืมไปเลยถ้าเราไปคุยกับเขาตอนนี้ก็ต้องมีคนเห็นสิ
"ตามผมมาที่รถคันนี้ดีกว่าครับ"