บทที่ 2 - เด็กคุณแม่
พอมาถึงห้องซักผ้า ร้อยรักก็แยกเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อสีขาวและตัวไหนสีตกเธอจะซักมือเอง เมื่อจัดการแยกเรียบร้อยก็นำเสื้อผ้าที่สีไม่ตกและเป็นผ้าสีนำปั่นในเครื่องซักผ้า ส่วนที่ซักมือก็จัดการซักเหมือนที่เคยทำ แต่ขณะกำลังนั่งซักขยี้ผ้าอยู่นั้นก็มีเสื้อลอยมาจากไหนไม่รู้กระแทกกับหน้าของเธอ
ตุ้บ!
“ซักให้ฉันด้วย” โยนเสื้อใส่หน้าคนที่นั่งซักผ้าพร้อมกับสั่ง
“ค่ะ” ร้อยรักตอบรับคำสั่งเพียงสั้นๆ ถึงจะไม่เข้าใจและงงที่เขามาห้องซักผ้าได้ยังไง และมาตอนไหน อีกอย่างเสื้อผ้าของเขาจะมีคนไปนำมาซักอยู่แล้ว เขาไม่น่าต้องลงมาเอง
“ซักให้สะอาดล่ะ เสื้อตัวนี้ตัวโปรดฉัน มันเปื้อนลิปสติกของจูลี่ ฉันกลัวมันซักไม่ออกเลยว่าจะมาซักเอง แต่ลงมาเห็นเธอกำลังซักอยู่เลยให้เธอซักให้ดีกว่า เพราะมันคงสะอาดกว่าฉันซักเอง”
น้ำเสียงห้วนๆ เปล่งลอดออกมาจากปากของติณณ์ กรอบการ หรือติณณ์ วัย 34 ปี เจ้าของโชว์รูมนำเข้ารถสปอร์ตรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในตอนนี้ ชายหนุ่มรับธุรกิจนี้มาจากผู้เป็นพ่อเมื่อ 5 ปีก่อน และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว พ่อของเขาก็เพิ่งมาจากไปโดยโรคหัวใจ และนั่นทำให้เขาเข้ามาบริหารงานอย่างเต็มตัว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนช่วยพ่อดูแลบริหารลับๆ เท่านั้น
“ค่ะ”
“ดี ถ้าไม่สะอาดเป็นเรื่องแน่” พูดจบก็เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังกลับมาในห้องซักผ้าอีก ส่วนร้อยรักได้แต่มองเสื้อที่กำแน่นในมือและมองรอยลิปสติกรูปปากที่คอเสื้อและตามแขนเสื้อของเขาแล้วน้ำตาคลอ
หลังจากฝนหยุดตก จูลี่คู่ขาของติณณ์ก็กลับไปพร้อมกับมื้อเย็นที่ตั้งโต๊ะเสร็จพอดี ปรางทิพย์นั่งหัวโต๊ะมองเด็กสาวในอุปการะของตัวเองกำลังช่วยเด็กรับใช้ในบ้านจัดเตรียมอาหารบนโต๊ะ เพราะร้อยรักเป็นเด็กดีแบบนี้ไง นางถึงรักและเอ็นดูและรู้สึกดีใจที่ในอดีตตัวเองรับเด็กสาวมาดูแล
“มานั่งเถอะหนูรัก ให้เด็กๆ ทำต่อก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน หนูอยากช่วย”
“ปล่อยยัยเฉิ่มเถอะครับแม่ปราง เขาอยากทำ อย่าไปห้ามเขาเลย” ติณณ์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงขาสั้นสามส่วนเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารด้วยท่าทางสบาย
“ถ้าพูดดีๆ ไม่ได้ก็ไม่ต้องพูดตาติณณ์” ปรางทิพย์เอ็ดลูกชาย
“ครับ ผมแตะไม่ได้เลยเด็กของคุณแม่เนี่ย ตักข้าวได้แล้วฉันหิว” แล้วก็หันไปตะคอกสั่งเด็กดีของคุณแม่ตัวเอง
“ค่ะ” ร้อยรักรีบตักข้าวให้เขาทันทีเมื่อเขาสั่งเสียงดัง
“นึกว่ากินแม่จูลี่นั่นอิ่มจนกินข้าวเย็นไม่ลงแล้วซะอีก” ปรางทิพย์อดเอ่ยเหน็บแนมลูกไม่รักดีของตัวเองไม่ได้
“อิ่มน่ะอิ่มกายครับแม่ปราง แต่อิ่มท้องต้องข้าว” แล้วก็ตักอาหารตรงหน้ามาใส่จานข้าวตัวเองที่ร้อยรักตักให้เสร็จ ทานโดยไม่สนใจจะพูดอะไรต่อ ส่วนร้อยรักก็ตักข้าวให้ผู้มีพระคุณของตัวเอง ก่อนจะตักให้ตัวเองแล้วไปนั่งที่ประจำของตนและเริ่มลงมือทานเช่นกันพร้อมกับตักอาหารให้กับผู้มีพระคุณ
“ขอบคุณจ้ะหนูรัก” ปรางทิพย์ตักอาหารให้เด็กสาวกลับบ้าง
หึ!
ภาพของแม่ของเขากับร้อยรักทำให้เขาอดขำในลำคอไม่ได้ แล้วคว้าแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้วพร้อมกับลุกขึ้น
“อิ่มแล้วเหรอพ่อติณณ์” ปรางทิพย์เห็นลูกชายลุกขึ้น
“จะว่าอิ่มก็ไม่เชิง เพราะผมกินไม่ลงแล้วตอนนี้” พูดจบก็เดินออกไปจากตรงนี้ทันที
“อย่าใส่ใจพี่เขาเลยนะลูก” ปรางทิพย์ปลอบเด็กสาวที่ก้มหน้าเศร้า เพราะรู้ดีว่าสาเหตุมาจากตนที่ทำให้เขาทานข้าวไม่ลง
“หนูไม่เป็นไรค่ะคุณท่าน หนูชินแล้ว” ใช่...ชินแล้ว เพราะเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสองแล้ว
“ทานต่อเถอะลูก อย่าไปสนใจคนนิสัยไม่ดีเลย สนใจก็มีแต่จะเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ” นางบอกเด็กสาวพร้อมกับยื่นมือไปลูบหัวทุยเล็กของเด็กสาวเบาๆ
“ค่ะคุณท่าน”
เธอตักกับข้าวให้ท่านพร้อมกับตักให้ตัวเอง แม้จะบอกไม่คิด แต่ใจเธอก็คิดอยู่ดี เธออยากให้เขาสนใจ ใส่ใจ พูดเพราะๆ ด้วยเหมือนกับผู้หญิงที่เขาชอบควงและชอบพามาค้างที่บ้าน การที่เขาพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามานอนค้างอ้างแรมที่บ้านด้วย ใช่ว่าคุณท่านจะเห็นด้วย ท่านก็เคยบอกห้ามแล้ว แต่ติณณ์ไม่ยอมฟังก็ยังพามาค้างด้วยตลอด จนตอนนี้ท่านปลงแล้ว ไม่สนใจแล้ว อยากทำอะไรก็เชิญเลย