บทที่ 1
“ข้าพเจ้านายวรวิช ขอยืมเงินพ่อเลี้ยงภพธรรมเป็นเงินจำนวนสิบล้านบาท จะชดใช้หนี้ทั้งหมดด้วยการให้ลูกสาวของข้าพเจ้า แต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงภพธรรม เมื่อลูกสาวของข้าพเจ้ามีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ บุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลา ผู้เป็นเจ้าของฟาร์มโคนมภพธรรม อ่านข้อความในกระดาษแผ่นบางออกสีเหลืองๆ ตามระยะเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าบิดาแล้วเอ่ยถามต่ออย่างงงๆ
“มันคืออะไรครับคุณพ่อ ผมชักจะงงๆ กับสัญญาพวกนี้”
“งงอะไรกันวะเจ้ากฤตย์ ในสัญญาก็บอกชัดแล้วนี่ว่าแกต้องแต่งงานกับลูกของเพื่อนพ่อ”
พ่อเลี้ยงภพธรรมตอบลูกชายกลั้วเสียงหัวเราะ ทว่าผู้เป็นลูกไม่ได้รู้สึกสนุกกับเรื่องนี้
“คุณพ่อจะจับผมคลุมถุงชนหรือครับ”
“พูดอะไรอย่างนั้นเจ้ากฤตย์ พ่อแค่ขอร้องให้แกแต่งงานกับหนูครีมก็เท่านั้นเอง”
“คำว่าบังคับ หรือขอร้องกับคำว่าจับคลุมถุงชน ฟังดูแล้วไม่ต่างกันเท่าไรเลยนะครับคุณพ่อ”
พ่อเลี้ยงกฤตย์บ่นงึมงำอยู่ในลำคอ ชักจะไม่ชอบกับความคิดของบิดาที่ต้องการให้เขาแต่งงานกับเจ้าสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าตากันมาก่อน
พ่อเลี้ยงภพธรรมหัวเราะร่วนกับคำพูดของลูกชาย เพื่อกลบเกลื่อนความจริง เพราะจริงๆ แล้วท่านคิดอยู่ในใจว่ายังไงๆ ก็ต้องบังคับให้ลูกชายแต่งงานให้ได้
“พ่อไม่ได้บังคับแกสักหน่อยเจ้ากฤตย์ พ่อแค่อยากได้เงินสิบล้านของพ่อคืน แต่เมื่อไอ้วรวิชเพื่อนของพ่อมันไม่มีเงินคืนให้ เราก็ต้องเรียกหนี้สินของเรากลับคืนด้วยการให้แกแต่งงานกับลูกสาวของมัน”
“แล้วทำไมคุณพ่อไม่แต่งงานเองล่ะครับ”
พอได้ยินลูกชายพูดเช่นนั้น พ่อเลี้ยงภพธรรมก็ถึงกับร้องเสียงหลง
“เฮ้ย! เจ้ากฤตย์ พ่ออายุจะหกสิบแล้ว เตะปีบก็ไม่ดัง เรื่องอะไรให้พ่อไปแต่งงานกับเด็กสาวรุ่นลูก สู้ให้แกแต่งงานไม่ดีกว่าหรือ แล้วพ่อก็เป็นคุณปู่เลี้ยงหลานน่ารักๆ ที่แกจะผลิตให้พ่อสักครอก”
“คนนะครับคุณพ่อ ไม่ใช่หมาที่จะคลอดลูกออกมาทีละครอก”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ส่ายหน้าบ่นอุบ รู้ว่าบิดาต้องการให้เขาแต่งงานมานานแล้ว แต่เมื่อยังไม่พบผู้หญิงที่ใช่! สำหรับเขา...เขาก็ยังไม่พร้อมแต่งงาน และตอนนี้ไม่พร้อมให้บิดาคลุมถุงชนด้วย
“จะคนจะหมาก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มีหลานให้พ่ออุ้มก็พอแล้ว” พ่อเลี้ยงภพธรรมโบกมือปฏิเสธว่อน เริ่มกล่อมลูกชายต่อ
“ตกลงตามนี้นะเจ้ากฤตย์ แต่งงานกับหนูครีมภายในเดือนนี้”
“เฮ้ย! คุณพ่อ อย่ามัดมือชกสิครับ ผมยังไม่ตอบตกลงสักคำเลยนะครับ”
พ่อเลี้ยงกฤตย์โวยวายเสียงหลง หงุดหงิดขึ้นมาทุกขณะ เพราะบิดาทำท่าจะให้เขาแต่งงานให้จงได้
“ผมไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่ ถ้าเกิดเธอตาเหล่ ตาเข หน้าตาอัปลักษณ์ ผมไม่แย่หรือครับคุณพ่อ”
“แกก็พูดเกินไปเจ้ากฤตย์ หนูครีมสวยระดับดาวมหาวิทยาลัย เคยมีคนติดต่อให้ไปเดินแบบด้วย แต่หนูครีมเธอไม่สนใจ”
“พูดแบบนี้แสดงว่าพ่อเคยเห็นหน้าเธอแล้วหรือครับ”
“ก็เคยเห็นแล้วสิวะ ถึงได้ถูกใจอยากให้แกแต่งงานกับหนูครีม หลานปู่ที่เกิดจากแกกับหนูครีมจะสวยเหมือนแม่ หล่อเหมือนพ่อ”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าด้วยความหนักใจ ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะปฏิเสธความต้องการของบิดาได้หรือเปล่า
“ถ้าพ่ออยากมีหลานมาก เอาไว้รอให้ผมหาเจ้าสาวของผมเองดีไหมครับ”
พ่อเลี้ยงภพธรรมขึงตามองลูกชาย แล้วเอ่ยขัดเสียงดัง “ขื่นรอให้แกหาเจ้าสาวเอง พ่อก็คงแก่ตายก่อนได้เห็นหน้าหลาน หรือไม่ก็เห็นแกแต่งงานกับวัวแทน”
“แต่จะว่าไปวัวที่ผมเลี้ยงก็สวยว่าพวกผู้หญิงบางคนนะครับพ่อ”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ตอบกลั้วหัวเราะ วันๆ เขาคลุกอยู่กับบรรดาแม่วัวนมที่เลี้ยงเป็นร้อยๆ ตัวจนไม่มีเวลาหาคนรักให้กับตัวเอง และก็เดือดร้อนคนเป็นพ่อที่พยายามยัดเหยียดให้เขาแต่งงานตามสัญญาฉบับนี้
“พอแล้วเจ้ากฤตย์ ยิ่งพูดถึงวัว พ่อยิ่งปวดหัว พ่อกลัวว่าสักวันแกจะรักวัวมากผู้หญิง แต่งงานกับวัวแทนการแต่งงานกับหนูครีม”
“โอเคครับพ่อ เลิกพูดก็ได้ครับ สรุปว่าผมไม่แต่งงานกับยายคุณหนูครีม ไม่ยอมให้คุณพ่อจับคลุมถุงชนแน่นอนครับ”
พ่อเลี้ยงกฤตย์บอกบิดาเสียงเข้ม หยิบหมวกมาสวมทำท่าจะเดินออกจากระเบียงหน้าบ้าน ที่กำลังนั่งคุยกับบิดาอยู่ แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้ากับประโยคต่อมาของบิดา
“ไม่แต่งไม่ได้ นี่เป็นคำสั่งของพ่อ” ผู้เป็นพ่อออกคำสั่งเสียงเข้ม
พ่อเลี้ยงกฤตย์ตีสีหน้าหงุดหงิดใจ เขาหันมามองบิดาช้า ประกาศความตั้งใจของตัวเองอีกครั้ง
“ยังไงๆ ผมก็ไม่แต่งครับ ให้ผมแต่งงานกับวัวทั้งฟาร์มดีกว่าต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้า”
“ไม่ก็ต้องแต่ง”
“ไม่แต่งครับ” พ่อเลี้ยงกฤตย์ตอบเสียงเข้มแล้วเดินลงจากบ้าน โดยมีเสียงของบิดาตะโกนตามไล่หลังมาด้วย
“เจ้ากฤตย์ อีกสองอาทิตย์เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวด้วย”
พ่อเลี้ยงกฤตย์ยกมือโบกปฏิเสธบิดาทั้งๆ ไม่ได้หันมามองหน้าท่าน พอเดินไปถึงเจ้าสายลม ม้าตัวโปรดแล้วก็กระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าควบเจ้าสายลมออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้บิดามองตามด้วยความหงุดหงิดใจ
“ยังไงๆ ก็ต้องแต่งงาน เพราะพ่อไม่ยอมเสียเงินสิบล้านไปฟรีๆ แน่”
เมื่อลูกชายประกาศว่าจะไม่แต่งงาน พ่อเลี้ยงภพธรรมก็ประกาศจัดว่าจะให้ลูกชายแต่งงานให้จงได้ เงินสิบล้านไม่ใช่เงินน้อยๆ เพราะฉะนั้นท่านไม่มีทางเสียเงินจำนวนไปโดยไม่ได้เงินต้นและดอกเบี้ยกลับคืนมาแน่
สำหรับท่าน ลูกสะใภ้คือเงินต้นที่ท่านจะเรียกคืน และหลานปู่คือดอกเบี้ยที่ท่านต้องการมากที่สุด