10 : จุดเปลี่ยน ไม่ใช่สเปก ขอผ่าน 4
จันทร์เจ้าทั้งตกใจและไม่เข้าใจ หญิงสาวทำหน้างุนงงมองซ้ายขวาไปมา
บรื้น ๆ ๆ รถคันด้านหลังก็บีบแตรเร่ง
“ขึ้นรถจันทร์เจ้า !” คนขับรถตะโกนชื่อของเธอถูกต้อง ไม่ผิดแน่เขาคือคุณภูวินจริง ๆ รีบตรงไปเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง แบบคนไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น
“กว่าจะขึ้นมาได้แม่คุณ คันหลังด่าเปิงไปแล้วมั้งนี่” เขาบ่นอย่างหัวเสียระหว่างรถเคลื่อนตัวไปด้านหน้า
“ขอโทษค่ะ” จันทร์เจ้าเอ่ยเบา ๆ ก้มลงมองชุดที่เปียกฝนอย่างไม่สบายใจ เพราะกลัวทำเบาะรถราคาแสนแพงของเขาสกปรก
“คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกเอ็มวีหรือยังไง ถึงได้ไปยืนตากฝนแบบนั้น นี่กรุงเทพฯ นะแม่คุณ น้ำฝนมีแต่เชื้อโรคทั้งนั้น แล้วนี่เป็นอะไรนั่งขยุกขยิกอยู่นั่นแหละ คาดสักทีสิเข็มขัดน่ะ ร้องเตือนหนวกหูไปหมดแล้วนี่” คนขับนึกรำคาญที่อีกคนเอาแต่ขยับเข้าออก จนหลังไม่แนบกับเบาะนั่งสักที
“เอ่อ คือว่าชุดหนูเปียกแบบนี้ กลัวทำรถของคุณเลอะไปด้วย ถ้ายังไงจอดให้หนูลงตรงหน้านี้ก็ได้ค่ะ หนูกลับเองได้” จันทร์เจ้าบอกเขาทั้งที่มือยังไม่ยอมวางรองเท้าส้นสูงลงที่พื้นรถ
“ฉันรับเธอขึ้นรถมาด้วย แปลว่าฉันไม่คิดมากเรื่องนั้นอยู่แล้ว นั่งดี ๆ แล้วคาดเข็มขัดซะจันทร์เจ้า รองเท้านั่นด้วยใส่สักทีจะถือทำไมไม่เข้าใจ พิลึกคน” ชายหนุ่มส่ายหน้าไปด้วยระหว่างบอก
“พอดีรองเท้าส้นสูงมันกัดน่ะค่ะ หนูก็เลยถอดเดิน” บอกเขาแล้วยอมวางรองเท้าส้นสูงลงที่พื้นรถ เป็นคู่ที่ยิปซีให้ยืมใส่ก่อน แต่ไม่คิดว่าจะทรยศกันได้ลงคอ ตอนแรกที่ลองก็ไม่ได้กัดอะไรหรอก แต่พอเดินไปสักพักเท่านั้นแหละ หนังเท้าด้านหลังถึงกับถลอกกันเลย อีกทั้งยังทำให้ปวดแผลเก่าจากเศษแก้วเพิ่มอีกด้วย
“ไม่เคยใส่ส้นสูงหรือยังไง” ภูวินปรายตามองคนที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัยแบบเงอะงะ ช่างไม่เข้าตาเขาเอาเสียเลย ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้ดูไร้เดียงสาจนน่าโมโห
“ค่ะไม่เคยใส่”
แต่แล้วคำตอบของอีกคนทำให้สันกรามของคนขับ ขบกันแน่นจนโหนกนูนขึ้นมา คำประชดของเขาดันกลายเป็นเรื่องจริงของอีกคนไปได้
“เอาเสื้อข้างหลังมาคลุมตัวก่อนเถอะ เปียกแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” เขาบอกเมื่อสังเกตเห็นหญิงสาว นั่งกอดอกตัวเองเสียจนแน่น ฝนตกทำให้แอร์ในรถค่อนข้างเย็นมากกว่าปกติ แม้ว่าเขาจะหรี่ลงสุดแล้วก็ตาม
“เสื้อสูทเหรอคะ ไม่ต้องหรอกค่ะเดี๋ยวจะเปียกไปด้วย หนูไม่ได้หนาวเลยค่ะ” คนพูดพยายามฝืนทำตัวปกติ
“ขนลุกขนาดนั้นยังมาโกหกอีก เอ้าเอาไป” เขาแตะเบรกตรงแยกไฟแดง แล้วเอี้ยวตัวไปดึงเสื้อสูทจากเบาะหลัง มาคลุมตัวให้อีกคนแบบลวก ๆ
“ขอบคุณค่ะ” จันทร์เจ้ามองสูทราคาแพง กับความรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจแบบแปลก ๆ แต่มันช่วยให้เธออบอุ่นขึ้นได้จริง กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายเตะจมูกเธออย่างจัง ส่งผลให้หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้น
รถเคลื่อนตัวผ่านแยกไฟแดงมาได้สักพัก ภูวินรอว่าอีกคนจะบอกทางเขาตอนไหน แต่จนแล้วจนรอดจันทร์เจ้าก็เอาแต่นั่งเงียบ
“แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน” จนเขาต้องเป็นคนถามเอง
“เอ่อ คอนโดของซีค่ะ”
“แล้วมันคือที่ไหนล่ะ ไอ้คอนโดของเพื่อนเธอนี่ ตอบให้มันเข้าใจง่าย ๆ หน่อยจะได้ไหม ฟังแล้วจับใจความก่อนค่อยตอบ” เขาใช้น้ำเสียงกึ่งดุกับจันทร์เจ้า นั่นทำให้หญิงสาวถึงกับแอบถอนหายใจเบา ๆ ใส่ แต่ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้
“อย่ามาทำแบบนี้ใส่ฉันนะจันทร์เจ้า”
“หนูเปล่าทำอะไรสักหน่อย” จันทร์เจ้านึกอยากร้องไห้ขึ้นมา นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ ทำไมถึงได้มานั่งบนรถคันแพง แล้วถูกเจ้าของต่อว่าจนเข้าหน้าเขาไม่ติดอยู่แบบนี้
“เธอถอนหายใจใส่ฉันเมื่อกี้ฉันเห็น”
“เลี้ยวซ้ายข้างหน้าค่ะ”
“นี่เธอ...”
“คือว่าหนูจำชื่อคอนโดไม่ได้ค่ะ ขอโทษด้วย” แต่แล้วประโยคถัดมา ทำให้ภูวินต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เด็กนี่ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้ขนาดนี้นะ ก็แค่เด็กใจแตกอยากสบายทางลัด แต่ท่าทางเหม่อลอยเหมือนมีเรื่องราวบางอย่างในใจ ยิ่งตอนที่เห็นยืนเหม่อมองสายฝนเมื่อครู่นี้ ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าหากปล่อยไว้ตามลำพัง อาจเกิดอันตรายก็เป็นได้
“นั่นค่ะ ๆ ตรงนั้น ตึกสูง ๆ นั่นค่ะ”
ภูวินกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่ เป็นอันต้องสะดุ้งตกใจกับเสียงคนด้านข้างที่โพล่งขึ้นอย่างตื่นเต้น เขามองตามนิ้วมือน้อย ๆ ที่ชี้ไปยังคอนโดมิเนียมสุดหรูด้านหน้า
“ก็ไม่ไกลนี่” เขาเอ่ยลอย ๆ ก่อนหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังตึกสูงด้านหน้า รถจอดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า จันทร์เจ้าเตรียมเอาเสื้อสูทของเขา กลับไปไว้ที่เบาะหลังเหมือนเดิม
“ไม่คิดจะซักให้ฉันเลยเหรอจันทร์เจ้า”
“คือว่า...ค่ะ” หญิงสาวหยิบเสื้อสูทของเขากลับมาถือไว้ในอก หันมายกมือขึ้นไหว้เขา ก่อนเปิดประตูก้าวลงไปอยู่นอกรถ เธอยืนมองจนรถของเขาขับไปจนลับสายตา จึงได้เดินเข้าไปภายในตึก ก่อนจะชะงักตรงห้องโถงของที่นี่ เมื่อนึกขึ้นได้ว่า
‘ลืมขอกุญแจห้องกับซีมา บ้าจริง’
เบนปลายเท้าไปทางโซฟารับแขกของที่นี่แทน อากาศภายในตึกค่อนข้างหนาวเย็น เพราะฝนยังโปรยเม็ดอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่ยังมีเสื้อสูทให้ได้ใช้คลุมตัวกันหนาว จันทร์เจ้าหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องแสนเก่า รุ่นโบราณเก่ากึกของตัวเองออกมาดู จะโทรไปหายิปซีดีไหมนะ แต่แล้วก็ต้องค่อย ๆ หลับตาลงแน่น ๆ หลังนึกได้ว่า
‘ซีต้องทำงานสินะตอนนี้’
เมื่อคิดได้แบบนี้จำต้องเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าตามเดิม ไม่อยากทำให้เพื่อนต้องลำบากใจมากไปกว่านี้ รออยู่ตรงนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร คิดแล้วเอนศีรษะลงบนพนักโซฟา กอดเสื้อสูทตัวหนาเอาไว้แน่น ๆ
ส่วนคนที่ขับรถออกมาบนถนนใหญ่ได้ครู่หนึ่ง เหมือนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ยิปซีอยู่ต่อที่โรงแรม แล้วได้ให้กุญแจห้องเพื่อนมาหรือเปล่า ทำไมต้องรู้สึกไม่สบายใจ เขากดหน้าจอโทรหาโรมในทันที แต่ปลายสายดันปิดเครื่องเสียอย่างนั้น
‘ไอ้บ้าโรมกะจะไม่ให้ใครกวนตอนเข้าด้ายเข้าเข็มเลยหรือยังไง’
ภูวินขับรถต่อมาได้อึดใจหนึ่ง เกิดเปลี่ยนใจเลี้ยวรถกลับไปยังคอนโดมิเนียมของยิปซี ใช้เวลาไม่นานก็กลับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของที่นี่ รีบฝ่าสายฝนโปรยเบา ๆ เข้าไปในตัวอาคาร ปรายตามองไปรอบ ๆ บริเวณห้องโถงรับแขก ซึ่งมีผู้คนนั่งอยู่แบบประปราย จนสะดุดเข้ากับใครบางคนที่คุ้นตา เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ ยืนมองสำรวจคนที่หลับสนิทไปแล้ว โดยมีเสื้อสูทของเขาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจันทร์เจ้าไม่มีกุญแจขึ้นห้องอย่างแน่นอน อีกทั้งยังไม่ใช่เจ้าของห้อง คงไปขอกุญแจสำรองไม่ได้
“จันทร์เจ้า” เขาเรียกเบา ๆ แต่คนหลับยังไม่ขยับตัว
“จันทร์เจ้าตื่นได้แล้ว” คราวนี้หลังมือแตะลงบนพวงแก้มนุ่ม แล้วตบแปะแผ่ว ๆ นั่นทำให้คนหลับขยับเปลือกตาขึ้นลง ก่อนจะลืมขึ้นเต็มดวง หญิงสาวตกใจเล็กน้อยหลังเห็นว่าใครเป็นคนปลุกเธอ
“คุณภูวิน ทะทำไมกลับมาอีกละคะ หรือว่าเปลี่ยนใจอยากได้สูทคืน นี่ค่ะ” คนเข้าใจผิดไปเองรีบยื่นเสื้อสูทคืนให้เขา
“ประสาทป้ะนี่ ฉันไม่ได้มาเอาสูท แต่ฉันมาเอาเธอ”
“คะ” จันทร์เจ้าตาถลนหลังได้ยิน
“เธอขึ้นห้องไม่ได้ใช่ไหม ฉันลองโทรหาไอ้โรมมันแล้วมันปิดเครื่อง สงสัยกำลังสนุกกับเด็กมันอยู่” เขาพูดพร้อมเสยผมตัวเองแบบลวก ๆ มีหยดน้ำกระเด็นใส่จันทร์เจ้าไปบ้าง เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งเบา ๆ แล้วมองเขาแบบกระดากอาย
“เอ่อ ค่ะ” ใบหน้าร้อนเห่อขึ้นในทันที หันซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้ว่าทำไมเหตุการณ์ในตอนนี้ ถึงเกิดขึ้นกับตนเองได้ ทำไมเขาถึงกลับมาที่นี่อีก หรือว่า
“ไปขึ้นรถ” ภูวินยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจในการกระทำของตัวเองอยู่เหมือนกัน เห็นหน้าเศร้า ๆ ของจันทร์เจ้าแล้ว ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ หากปล่อยไว้แบบนี้ คงทำให้เขาค้างคาใจไปอีกนานแน่ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาลองดูสักตั้งจะเป็นไรไป
“ขึ้นรถไปไหนคะ” คนถามกะพริบตาปริบ ๆ อย่างสงสัย ก็เขาเพิ่งขับรถมาส่ง แล้วนี่จะให้ขึ้นรถพาไปไหนอีก
“ไม่ต้องมาทำเป็นไม่เข้าใจหรอก ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดนั้นใช่ไหมจันทร์เจ้า คืนนี้ฉันตกลงจะลองใช้บริการเธอดูสักครั้ง”
‘ลองใช้บริการ’