บทที่ 1
บทที่ 1
ประเทศคาลาส์...เป็นประเทศเล็กๆ ในดินแดนแถบตะวันออกกลาง ทว่า...ประเทศคาลาส์กลับเป็นที่รู้จักของบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
นั่นก็เป็นเพราะว่าประเทศคาลาส์ มีสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่สวยที่สุดติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเนินทะเลทรายสีทองอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา หรือโอเอซิสกลางทะเลทรายที่สวยตรึงใจ รวมทั้งมีอินทผาลัมหวานอร่อยให้นักท่องเที่ยวได้กินไม่อั้น และที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องประดับอันลือชื่อที่เรียกว่าทองคำ!
เครื่องประดับอันวิจิตรงดงามที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ เป็นอัญมณีล้ำค่าที่นักท่องเที่ยวแทบทุกรายได้ซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกเมื่อได้มาเยือนยังดินแดนแห่งนี้
ทองคำเนื้อบริสุทธิ์จากประเทศคาลาส์เป็นที่ต้องการของลูกค้าจากทั่วโลก เป็นธุรกิจส่งออกที่ทำเงินเข้าประเทศได้จำนวนมหาศาล รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวด้วย
ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวนับล้านๆ คน สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับราษฎร์ชาวคาลาส์เป็นจำนวนมาก และนอกจากนั้นยังเป็นแหล่งหารายได้ของกองโจรหลายกลุ่ม ที่คอยดักปล้นสะดมบรรดานักท่องเที่ยวด้วย
กองโจรที่โหดเหี้ยมและน่ากลัวที่สุด มีลูกน้องชั่วใต้อาณัติเป็นร้อยคน เป็นที่ต้องการล่าหัวจากทางรัฐบาลคาลาส์คือกองโจรนาฟซา มี ‘นาฟซา’ เป็นหัวหน้ากองโจร!
ว่ากันว่า...นาฟซา เคยเข้าร่วมฝึกในหน่วย US Navy SEALs (ยูเอส เนวี ซีล) เป็นเวลาหลายสัปดาห์ แม้จะไม่จบหลักสูตร แต่นาฟซาก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบที่แกร่งคนหนึ่ง
ทว่า...แทนที่นาฟซาจะใช้ความสามารถทางด้านการทหารมาช่วยเหลือรัฐบาลคาลาส์ เพื่อบริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองดั่งความต้องการของ ‘ชีคมาคิม เดอาร์ คาริม’ เจ้าผู้ปกครองประเทศ แต่นาฟซากลับละโมบ ต้องการเป็นใหญ่ จึงระดมเงินทุนไว้สำหรับก่อการใหญ่ด้วยการตั้งกองโจร ปล้นสะดมบรรดานักท่องเที่ยว รวมทั้งบรรดาเศรษฐีที่เป็นชาวคาลาส์เอง ส่งผลให้เดือดร้อนทั่วทั้งประเทศ
นักท่องเที่ยวเริ่มหวาดกลัวที่จะเดินทางมายังแผ่นดินทะเลทรายแห่งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเรื่อยๆ ชาวคาลาส์เองก็แทบไม่กล้าออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากปล่อยไว้เช่นนี้ก็จะทำให้สูญเสียรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก
เมื่อถูกปล้นสะดม เดือดร้อนหนักเข้า ชีคมาคิม จึงประกาศตามล่า และให้ค่าหัวนาฟซา หัวหน้ากองโจรคนนี้เป็นเงินจำนวนมาก แต่ผ่านไปหนึ่งปีแล้วยังไม่มีใครสามารถเด็ดหัวของนาฟซาได้ ยังไม่เคยมีใครได้เห็นใบหน้าอันแท้จริง และเข้าใกล้หัวหน้าโจรที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนนี้ได้
หน่วยสอดแหนมคนแล้วคนเล่าที่ชีคมาคิมส่งเข้าไปสอดแหนมอยู่ในกองโจร ถูกจับได้และฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี ทำเอาชีคมาคิมถอดใจ แทบไม่อยากส่งใครไปตายอีก
แต่...มีทหารกล้าอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ยอมเสี่ยงตาย! และอาสาเข้าไปสอดแหนมเพื่อตามล่าหาตัวนาฟซา เด็ดหัวหัวหน้ากองโจรและทะลายกองโจรกลุ่มนี้ให้ราบคาบด้วยฝีมือของเขา ทว่าชีคมาคิมไม่เห็นดีด้วยที่จะให้ทหารเหล่านี้เข้าไปอยู่ในดงโจร นั่นก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่จะเข้าไปสอดแนมนั้นเป็นโอรสของพระองค์นั่นเอง
“ผู้พันครับ...”
ร้อยเอกฟาดิส ผู้เป็นลูกน้องคนสนิท ซึ่งได้รับคำสั่งตรงจากท่านชีคมาคิม ให้มาทำหน้าที่เป็นผู้ติดตามและคอยอารักขาเจ้าชายผู้ลอบเข้ามาสอดแหนมในกองโจรแห่งนี้ ได้เอ่ยเรียกผู้บังคับบัญชาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะเกรงว่าจะมีคนอื่นลอบดักฟังการสนทนาของพวกเขา
“ว่ายัง...”
พันเอกฮาคิม เดอาร์ คาริม โอรสของชีคมาคิม เอ่ยรับคำอยู่ในลำคอ โดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิท มือใหญ่ทั้งสองยังคงวุ่นอยู่กับการเช็คทำความสะอาดอาวุธปืน ซึ่งวางเรียงรายหลายกระบอกอยู่บนโต๊ะเล็กตรงหน้าของตนเอง
ร้อยเอกฟาดิสหันซ้าย หันขวา มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในรัศมีที่จะได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างตนเองกับผู้บังคับ
บัญชา จึงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงติดแผ่วเบาเช่นเดิมว่า
“ท่านชีค...รับสั่งมาว่า...”
“ตอบข้อความกลับไปว่ายังไงๆ เราก็ไม่กลับ หากไม่ได้เด็ดหัวของไอ้นาฟซาซะก่อน และก็บอกท่านพ่อด้วยว่าไม่ต้องส่งข้อความมาอีก เพราะเสี่ยงกับการถูกจับได้ในสักวัน”
พันเอกฮาคิมถอนหายใจลึก เอ่ยแทรกก่อนผู้กองฟาดิสจะทันพูดจบ ด้วยรู้ดีว่าพระบิดากำลังต้องการอะไร และขณะเอ่ยตอบออกไปนั้น ผู้พันหนุ่มก็ยังคงให้ความสนใจปืนที่ถืออยู่ในมือ เช็ดทำความสะอาดหยอดน้ำมันไปเรื่อยๆ จนครบทุกกระบอก
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกสั่งให้กลับพระราชวัง ยกเลิกภารกิจสอดแนม แต่...มีหรือที่ผู้พันฮาคิม ซึ่งบ้าดีเดือดจะยอมทำตามคำรับสั่งของพระบิดาง่ายๆ
“ผมตอบท่านชีคไปแล้วครับ แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ท่านชีคต้องการให้ผู้พันถอนตัวให้ได้ พระองค์จะส่งหน่วยสอดแนมคนอื่นมาแทนครับ”
ร้อยเอกฟาดิสยังคงเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาติดระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะมีใครมาได้ยินเข้า และล่วงรู้ถึงฐานะอันแท้จริงของเขากับผู้พันฮาคิม ว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่พวกเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย จนต้องกระโจนมาเข้าร่วมกับกองโจรของนาฟซา
ผู้พันฮาคิมวางปืนในมือลง พลางลุกขึ้นยืนจ้องมองไปยังทิศทางของบ้านพักหรูหราของหัวหน้ากองโจรอย่างนาฟซา แล้วเอ่ยบอกถึงความจริงๆ ที่ผู้กองฟาดิสก็รู้ดีเช่นเดียวกัน
“ส่งคนอื่นมาก็ตายเปล่า...กี่คนแล้วที่ถูกจับได้ และถูกไอ้นาฟซาเด็ดหัวอย่างทารุณ ก่อนจะส่งกลับไปเป็นของกำนัลให้กับท่านพ่อ”
หน่วยสอดแนมที่ส่งมาในก่อนหน้านี้ ปฏิบัติภารกิจล้มเหลวทุกทีม พอนาฟซาจับได้ ก็ถูกทรมาน ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม แล้วนำศพไปทิ้งไว้กลางเมืองหลวงคาลาส์ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู และเยาะเย้ยไม่สามารถจับตัวนาฟซาได้แม้แต่ครั้งเดียว
แม้จะเป็นจริงดั่งที่ผู้พันฮาคิมเอ่ยออกมา แต่ผู้กองฟาดิสก็อดค้านออกมาไม่ได้ “ท่านชีคไม่อยากให้ผู้พันเป็นรายต่อไป จึงให้ถอนตัวจากภารกิจนี้ครับ”
“เราไม่ยอมให้ถูกสอยร่วงหรอกน่า...”
ผู้พันฮาคิมตอบเสียงเข้ม ไม่เคยความหวาดกลัวที่ต้องอยู่ในดินแดนของกองโจร ซ้ายก็โจร ขวาก็โจรใจอำมหิต เพราะเขาเตรียมตัวมาอย่างดี ไม่มีพลาดท่าให้นาฟซาง่ายๆ
“แต่...”
ผู้กองฟาดิสกำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกผู้พันฮาคิมยกมือห้ามปราบ แล้วบอกถึงเป้าหมายของภารกิจสำคัญในชีวิตของเขา
“เราจะกลับก็ต่อเมื่อเด็ดหัวไอ้นาฟซาได้แล้ว บอกท่านพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรา...เราปลอดภัยดี เพราะมีนายคอยคุ้มกันอยู่ด้วย อีกอย่างเราสองคนก็ใช่ว่าจะเป็นคนเร่ร่อนไร้ฝีมือเหมือนที่ไอ้นาฟซามันคิด ยังไงๆ พวกเราก็รับมือไอ้นาฟซาและลูกน้องของพวกมันได้อยู่แล้ว”
“ครับ ผมจะส่งข้อความตอบท่านชีคตามนี้ครับ”
ผู้กองฟาดิสพยักหน้ารับคำสั่ง ไม่มีคัดค้านอีกต่อไป เพราะรู้ดีว่าผู้บังคับบัญชาของตนนั้นมีฝีมือฉกาจในระดับแนวหน้าของนักรบ