เหล้าเป็นเหตุ (50%)
“เชี่ยเอ๊ย! เมื่อไหร่มึงจะหยุดมองกูวะ!”
“อ้าว...ไอ้นี่ สาวมองตาปรอยเข้าหน่อยทำเป็นปากหมาเชียวนะมึง”
ภูธฤทธิ์เอ่ยแซวอย่างยิ้มๆ ทว่าคนพาลกลับไม่สนใจจะตอบโต้ ปรเมศจ้องหน้าใสๆ ทว่าแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เขม็ง แล้วเค้นเสียงกระด้างเจือดุดันคาดคั้น
“กูถาม…ตอบ!”
“กูไม่ได้มองมึงเสียหน่อย”
“มึงกวนตีนกูเหรอ! ก็เห็นๆ อยู่ว่ามึงจ้องหน้ากูตาไม่กะพริบ”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย มึงไม่ได้หล่อโดนใจจนกูต้องมองตาไม่กะพริบเสียหน่อย คนที่กูมองคือไอ้ภูต่างหากล่ะ มันหล่อกว่ามึงตั้งเยอะ”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากสีระเรื่อทำให้ปรเมศถึงกับขบกรามแน่น ตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มมาไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าตอกหน้าเขาแบบนี้มาก่อน
“เฮ้ยไอ้น้ำวันนี้มึงพูดดีว่ะ อยากกินอะไรจ๊ะ เดี๋ยวป๋าภูจัดให้”
ภูธฤทธิ์เปิดยิ้มกว้าง ยักคิ้วเป็นเชิงเย้ยปรเมศ ก่อนจะเดินมากอดคอธารธารา แล้วทำท่าเหมือนจะหยิกแก้มใสๆ หากไม่เหลือบไปเห็นสายตาแปลกๆ ทว่าชวนขนลุกของปรเมศเสียก่อน แต่กระนั้นก็ยังไม่วายเลิกคิ้วกวนๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะยีผมนุ่มสลวย แล้วเดินผิวปากไปนั่งลงที่เดิม
“อย่าให้กูเห็นว่ามึงมองหน้ากูอีกนะ ไม่งั้นมึงเจอดีแน่” ปรเมศเค้นเสียงขุ่นคลั่กพร้อมชี้หน้าธารธาราอย่างเอาเรื่อง ทำให้ดนัยที่นั่งจิบเหล้าอยู่เงียบๆ อดสวนขึ้นด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“อ้าว…ไอ้เชี่ยนี่แม่งกัดไม่ปล่อยว่ะ ไอ้น้ำมันเป็นผู้หญิงนะโว้ย หัดให้เกียรติมันบ้าง”
“กูไม่เคยนับว่ามันเป็นผู้หญิง เพราะคงไม่มีผู้หญิงคนไหนออกมาเที่ยวกลางคืนกับผู้ชายเป็นฝูงแบบนี้หรอก ผู้หญิงดีๆ เขาไม่ทำกัน” วาจาแดกดันทำให้คนฟังนึกน้อยใจ
“ถ้ามึงยังไม่รู้จักกูดีพอก็อย่าตัดสินกูที่ภายนอก”
“กูจะตัดสิน แล้วมึงจะทำไม” ปรเมศลอยหน้ายียวน ขณะเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาผลักไหล่บางแรงๆ อย่างหาเรื่อง ทำเอาธารธาราต้องเอนตัวหนี แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“น้ำว่าน้ำกลับก่อนดีกว่า”
สรรพนามที่เธอใช้แทนตัวเองกับเพื่อนของเขาทำให้ปรเมศเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ปนหงุดหงิด
“เฮอะ...น้ำอย่างนั้นเหรอ”
“ก็เออสิวะ กูจะบอกอะไรให้นะเว้ย ไอ้น้ำมันพูดไม่เพราะกับคนปากหมาอย่างมึงคนเดียวเท่านั้นแหละ ส่วนกับพวกกูมันแทนตัวเองว่าน้ำอย่างนั้น น้ำอย่างนี้” แทนไทเอ่ยอย่างเย้ยๆ
“พวกมึงไม่ขนลุกเหรอวะที่มันออกแนวหญิงขนาดนั้น”
“ขนลุกบ้าอะไรล่ะ น่ารักจะตาย เนอะคนสวย”
ขาดคำแทนไทก็หยิกแก้มธารธาราซึ่งนั่งข้างกันอย่างหยอกเอิน ขณะยักคิ้วให้ไอ้คนที่เอาแต่จ้องหน้าเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมปรเมศถึงดูโกรธขึ้งให้เขานักหนา แต่เขาโคตรพอใจเป็นบ้าที่เห็นคนมาดนิ่งเก็บอารมณ์เก่งอย่างมันกำลังจะฟิวส์ขาด
เอ๊ะ! หรือว่าไอ้เมศมันจะแอบหึงไอ้น้ำ บ้าไปแล้ว! คนเกลียดกันแอบหึงกันได้ด้วยเหรอวะ
“หึ…” ปรเมศทำเสียงบางอย่างในลำคอ
“ทำไมวะ มึงอิจฉาพวกกูหรือไง”
“เรื่องอะไรกูต้องอิจฉาพวกมึง” หลังจากเอ่ยเป็นเชิงปฏิเสธเสียงแข็งๆ คนพาลก็หันไปเล่นงานธารธาราต่อ “ไหนมึงบอกจะกลับไง มานั่งบื้ออยู่ทำไม”
การถูกขับไล่คล้ายรังเกียจจนไม่อาจใช้อากาศหายใจร่วมกันทำให้ธารธาราหมดสิ้นความอดทน เจ้าของร่างเพรียวระหงตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่กลับถูกแทนไทฉุดข้อมือกลมกลึงให้นั่งลงที่เดิม
“ไอ้เชี่ยเมศมึงหยุดขับไสไล่ส่งไอ้น้ำ แล้วมองมันเป็นเพื่อนซักวันได้ไหมวะ” ดนัยเอ่ยปรามอย่างนึกหมั่นไส้กับความร้ายกาจของไอ้เพื่อนตัวแสบที่สาดใส่ธารธาราไม่หยุดหย่อน
“ถ้ามันกินเหล้าชนะกูได้ กูจะยอมรับมันเป็นเพื่อน” พ่อหนุ่มพันธุ์ดิบประกาศกร้าว ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วท้าทายธารธาราด้วยท่าทางโอหัง
“ว่าไง…กล้าไหมล่ะ ใครน็อกก่อนถือว่าแพ้”
“เอาเลยไอ้น้ำ ถ้าเมาจนกลับไม่ไหว เดี๋ยวไปนอนกับกู” วาจาที่หลุดออกมาจากปากภูธฤทธิ์ทำให้ปรเมศเผลอชักสีหน้า ก่อนจะเอ่ยเสียงกระด้างเจือดุดัน
“กูถามมันไม่ได้ถามมึง!”
“เออ…กูเสือกเองแหละ” ภูธฤทธิ์กระแทกเสียงใส่อย่างนึกหมั่นไส้ ทว่าแทนที่จะสนใจวาจาแดกดันที่หลุดออกมาจากปากเพื่อนซี้ ปรเมศกลับหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากธารธาราอีกครา
“ว่าไง…กล้าพอไหมล่ะ”
“เออ…กูรับคำท้า”
ความใจกล้าของธารธาราทำให้สามหนุ่มที่เหลือต่างร้องเฮลั่นด้วยความถูกใจ ก่อนจะเรียกให้เด็กในร้านเอาเหล้ามาเพิ่ม แล้วการดวลเหล้าก็เริ่มขึ้น
“มึงคงเอาชนะกูยากหน่อยนะ เพราะกับคนที่กูเกลียดกูมักจะสู้ไม่มีถอยอยู่แล้ว” ครั้นสลับกันซัดเหล้าเข้าปากได้ไม่กี่แก้วปรเมศก็เอ่ยข่มขวัญคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“กูก็สู้ไม่มีถอยเหมือนกันนั่นแหละ เพราะกูก็เกลียดมึงไม่ต่างจากที่มึงเกลียดกู”
วาจาที่หลุดออกมาจากปากธารธาราทำให้คนที่ถูกผู้หญิงตอกหน้าว่าเกลียดเป็นครั้งแรกชะงักเล็กน้อย นัยน์ตากระด้างขึ้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้ราบเรียบไร้อารมณ์ ส่วนแทนไทนั้นถึงขั้นตบเข้าที่หน้าขาดังป้าบด้วยความสะใจ
“มันต้องอย่างนี้สิวะไอ้น้ำ”
จากนั้นทั้งคู่ก็ดวลเหล้ากันแก้วแล้วแก้วเล่า โดยไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมแพ้ หรือน็อกกลางอากาศ ทำให้สามหนุ่มที่นั่งเป็นกรรมการต่างพากันลุ้นจนตัวโก่ง
“มองหน้ากูทำไม แดกเหล้าในแก้วมึงไป หรือว่าจะยกธงขาวยอมแพ้ก็บอกมาดีๆ” ปรเมศเอ่ยเสียงดุๆ หลังจากสังเกตหลายครั้งแล้วว่าก่อนที่จะกระดกเหล้าลงคอธารธารามักจะจ้องหน้าเขาตาไม่กะพริบ นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มที่ขัดกับบุคลิกห้าวๆ นั้นทำให้เขานึกหงุดหงิด
“เรื่องอะไรกูจะยอมแพ้คนร้ายกาจอย่างมึง”
“ปากดี” ปรเมศไม่พูดเปล่าแต่ทำเอาสามคุณหมอหนุ่มสุดหล่อต่างอึ้งและมองตาค้าง ด้วยการเอื้อมมือไปโยกคางของคนที่เขาประกาศปาวๆ ว่าเกลียดนักเกลียดหนาคล้ายเย้า และนั่นก็ทำให้ผู้ถูกกระทำอย่างธารธาราแทบช็อก ร่างเพรียวระหงแข็งทื่อเหมือนถูกสาปไปชั่วขณะ