ตอนที่ 4
เขามองฉันด้วยสายตาที่ทำให้ฉันรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ เป็นสายตาที่ข่มให้ฉันรู้สึกกลัว
"ข้ากล่าววาจาสัตย์จริง ไยเจ้าต้องโกรธเกรี้ยว"
ฉันอยากลุกเดินเข้าห้อง ชักไม่ชอบขี้หน้าเสียแล้ว แต่ต้องนั่งกินข้าวต่อให้เสร็จ
"บ้าไม่เลิกสิน่า มาหาเรื่องว่ากันแบบนี้ คงญาติดีด้วยไม่ได้ซะแล้ว ไอ้คุณหลวงหลงยุค"
ฉันคิดอย่างโมโห ตั้งใจว่าจะไม่สนใจเขาอีกเลย พ่อฉันเปิดทีวีดู พอดีเขาฉายละครเช้า นายพฤกษ์ที่นั่งกินข้าวอยู่ดี ๆ กระโดดเหยงขึ้นมายืน สีหน้าแตกตื่น
"เป็นบ้าอะไร...ลุกพรวดพราดทำไม ตกใจหมดเลย"
ฉันว่าเขาเสียงดัง พอหันไปมอง ก็เห็นสีหน้าตื่น ๆ ของเขา
"เป็นอะไรอีกล่ะ"
"นั่น...นั่น.."
นายพฤกษ์ชี้ไปที่ทีวี พวกเราหันมองตาม พ่อฉันหัวเราะขำ
"ก็ทีวีไง...ไม่รู้จักเหรอ"
ฉันส่ายหัวให้เขา
"มิใช่...มันคือกล่องดูดวิญญาณ มันกลืนกินวิญญาณผู้คน พ่ออาถอยออกมา อย่าให้มันกลืนกินท่านได้"
ฉันหัวเราะขำกับท่าทางของเขา ที่ทำท่าจะสู้กับคนในทีวี แม่ตีฉัน
"ขำอะไรไอ้ตาล...น่าเกลียด"
"ก็มันบ้าอ่ะแม่...บ้ามาก ๆ เลย ทำเป็นไม่รู้จักทีวี เล่นใหญ่มากเลยนะเนี่ย"
"แม่ว่า...สงสัยเขาจะมาจากสมัยโบราณจริง ๆ นะ"
"โหแม่...แม่ก็เชื่อไป"
ฉันส่ายหัวไม่เชื่อถือ หันไปพูดกับเขาว่า
"นั่งลงเถอะ...จะได้กินข้าวกันให้เสร็จ ๆ สักที"
"เจ้ามิกลัวรึ"
"ไร้สาระน่า"
"เจ้าช่างเป็นสตรีที่ประหลาดนัก มิอ่อนโยนเยี่ยงกุลสตรีเลย"
"นี่...มันจะมากไปละนะ"
ฉันหันไปมองหน้านายพฤกษ์ แม่รีบจับแขนฉัน คงกลัวฉันจะตั๊นหน้าเขาน่ะสิ เขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงชอบหาเรื่องฉันนักนะ ฉันโมโห...เลยลุกขึ้น ไม่กงไม่กินมันละ...อารมณ์เสีย
ตอนบ่าย...ฉันออกมาทำขนมส่งลูกค้า วันนี้มีออเดอร์พอสมควร ฉันเดินเข้ามาในครัว เห็นแม่กำลังทำขนมชั้นอยู่
"ทำไปกี่อย่างแล้วจ๊ะแม่"
"เพิ่งทำไป 2 อย่างเอง"
"แม่พักเถอะ...เดี๋ยวที่เหลือตาลทำเองจ้ะ"
"จะไหวเหรอลูก ยังต้องทำอีกตั้งเยอะนะ แม่ไม่เหนื่อยหรอก ช่วยกันจะได้เสร็จเร็ว ๆ"
"แล้วไอ้นิวล่ะแม่"
"ไม่รู้พ่อแกใช้ไปไหน"
ฉันพยักหน้ารับรู้ เอากระทะทองเหลืองมาตั้งเตา เตรียมกวนถั่ว ทำเม็ดขนุน
"เออตาล...แกจะเอายังไงกับไอ้หนุ่มประหลาดนั่นล่ะ"
ฉันถอนใจ
"ยังไม่รู้จ้ะแม่ ตอนแรกคิดว่าจะให้มาเป็นพ่อครัวแทนพ่อ แต่ดู ๆ แล้วไม่น่ารอด เพ้อเจ้อเข้าขั้นบ้าเลยนะนั่น เพ้อเป็นตุป็นตะเลย"
"แกไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงบ้างเหรอ"
"แม่จ๋า...มันมีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ การย้อนเวลาอะไรเนี่ย มันไม่มีจริงหรอกจ้ะ"
ฉันส่ายหัวอย่างไม่เชื่อถือ ลงมือเอาถั่วเขียวมากวนกับน้ำตาล เสร็จแล้วก็พักรอให้เย็นเพื่อปั้นเป็นลูก ร่างสูงโย่งของนายพฤกษ์เดินเข้ามาในครัว ฉันสะบัดหน้าไม่มอง เพราะยังเคืองเขาไม่หาย
"แม่น้า...พ่อฉ่ำให้ข้ามาถามว่า ในครัวยังมีฟืนพอใช้หรือไม่"
พ่อฉันมีชื่อเล่นว่าฉ่ำ ชื่อจริงว่าชุมพล ส่วนแม่ฉันชื่อออม ชื่อจริงว่า ปราณี
"พอแล้วจ้ะ"
เขาพยักหน้าแล้วเดินออกไป ฉันลงไปที่ใต้ถุนเรือน ไปยืนเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว บ้านเราขายน้ำตาลมะพร้าวด้วยนะ น้ำตาลบ้านเราขายดีมาก วันนี้มีออเดอร์มา 30 กิโลแน่ะ ฉันยืนเคี่ยวน้ำตาลจนเหงื่อตก ทั้งร้อนทั้งล้าแขน เพราะต้องคนบ่อย ๆ จนกว่าน้ำตาลจะจับตัวกัน
"เจ้าทำสิ่งใดอยู่รึ"
ฉันเงยหน้ามองหน้าสีน้ำตาลที่ยื่นเข้ามาซะใกล้ นายพฤกษ์ยิ้มให้ฉัน ฉันหันหน้ากลับ...ไม่อยากคุยด้วย
"เจ้าเคืองข้ารึ"
"เชอะ!...รู้ตัวเหมือนกันเหรอ แล้วรู้ไหมว่าตัวเองปากหมาแค่ไหน"
ฉันคิด...แต่ไม่ตอบ
"ข้าทำผิดอันใดให้แม่หญิงขุ่นเคืองรึ ไยมิพูดคุยด้วยข้า"
"ถ้าว่างมาก...ก็ไปผ่าฟืนเถอะ"
"ข้าผ่าจนสิ้นแล้ว"
อ้อ...แปลว่าว่างงั้นซี เลยมาหาเรื่องป่วนฉันเนี่ยนะ ไอ้หลวงมโนเอ๊ย (หมายถึงคิดเอาเอง)
เขาเอียงคอมองฉันแล้วอมยิ้ม ยิ่งทำให้ฉันโกรธ คิดว่าเขาล้อเลียน
"จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย...ไอ้หลวงมโน"
"ข้าหาใช่หลวงมโนไม่ ข้าคือหลวงณรงค์ฤทธิ์"
ฉันมองบนอย่างรำคาญ
"เออ...อยากเป็นหลวงอะไรก็ช่างเถอะ อย่ามายุ่ง อย่ามาเกะกะ ไป ๆๆ"
"ไยเจ้าไร้เหตุผลเยี่ยงนี้"
เขาทำท่าฮึดฮัดเดินออกไป
"ไอ้บ้า...ไอ้คนไร้ประโยชน์ ฉันไม่น่าคิดผิดพากลับมาด้วยเล๊ย แค่บ้ายังพอทน ดันปากหมาน่าเตะซะอีก"
ฉันบ่นด่าเขาตามหลัง เกลียดขี้หน้าจริง ๆ เลย...พับผ่าสิ
