บทที่ 1
“ปล่อยใจให้สบายนะ.... ราเชล” แดนนี่ปลอบประโลมเบา ๆ เน้นริมฝีปากอยู่กับติ่งหู
เธอเองก็พยายามสร้างความรู้สึกให้เป็นเช่นนั้นอยู่ทว่าในสวนสาธารณะอย่างนี้มันไม่ใช่สถานที่เหมาะสำหรับจะทำอะไรพรรค์นั้นเลย แม้ว่าเขากับเธอจะไม่ใช่หนุ่มสาวเพียงคู่เดียวที่ทอดร่างอยู่บนพรมหญ้าเขียวขจี และกำลังแสดงพฤติกรรมที่คล้าย ๆ กันอยู่
เขาและเธอต่างเห็นพ้องต้องกันว่า มื้อเที่ยงวันนี้น่าจะซื้อแซนด์วิชกับโค้กเข้าไปนั่งกินกันในสวนสาธารณะมากกว่าจะนั่งกินในโรงอาหารของวิทยาลัย ขณะนี้ทั้งแซนด์วิชและโค้กก็หมดเกลี้ยง ทั้งกล่องและขวดเปล่าก็ลงไปอยู่ในถังขยะเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แดนนี่ตัดสินว่าเวลาอีกสิบห้านาทีที่เหลือระหว่างหยุดพักรับประทานอาหารนั้นควรจะนั่งจูบกันดีกว่า บังเอิญเขาลืมคิดไปว่าเพียงแค่การนั่งจูบกันนั้นมันเรื่องหนึ่ง แต่ขณะนี้อารมณ์ของเขาเริ่มจะปั่นป่วนด้วยแรงฤทธิ์พิศวาสขึ้นมา ซึ่งมันกำลังจะกลายเป็นคนละเรื่องไปแล้ว
“แดนนี่..!” เธอยันร่างเขาไว้ พร้อมกับยันกายขึ้นนั่ง
แดนนี่จำต้องลุกขึ้นนั่งตามไปด้วย แววแห่งความไม่พอใจระบายอยู่บนใบหน้าที่ค่อนข้างหล่อเหลาเอาการอยู่
“ราเชล... อย่าคิดมากไปหน่อยเลย ผมเพียงแค่จูบคุณเท่านั้นนะ”
“ฉันรู้ แต่แดนนี่..” คราวนี้ราเชลขมวดคิ้วย่นเมื่อมองข้ามไหล่เขาออกไป “คุณดูผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นสิ .. ” เธอพยักเพยิดไปทางข้างหลัง “ท่าทางเขาจะไม่สบายนะ”
เขาหันไปมองหญิงสาวผู้นั้นด้วยเช่นกัน ยักไหล่อย่างไม่สนใจเมื่อหันกลับมาทางราเชล
“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังท้อง สงสัยจะเกิดเป็นตะคริวหรืออะไรสักอย่างขึ้นมาละมัง ตอนที่พี่สาวผมท้องดาเมียนก็มักจะร่ำร้องครวญครางอย่างนี้เหมือนกัน”
เนื่องจากเธอเคยพบพี่สาวเขามาแล้ว ราเชลจึงไม่ใคร่แปลกใจอะไรนัก
“นั่นสิ... แต่... ”
“โธ่ ราเชล...” หางเสียงของเพื่อนหนุ่มเริ่มสำแดงอารมณ์ “ตอนนี้คุณน่าจะให้ความสนใจกับผมมากกว่านะไม่ใช่ผู้หญิงท้องที่มานั่งเล่นอยู่บนม้ายาวในสวนสาธารณะคนนั้น..!” พูดจบเขาก็ประทับปากลงบนเรียวปากของเธออีกครั้ง
เธอยอมให้เขาประคองร่างลงบนพรมหญ้า ทั้งยังจูบตอบเขาด้วยฝ่ามือของเธอแทรกอยู่ในปอยผมตรงท้ายทอยของเขา เธอรู้ดีว่า เพื่อนนักศึกษาหญิงทุกคนพร้อมที่จะแทนที่เธอในยามนี้ ยกเว้นฮิลลารี่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ทนรับเขาไม่ได้ ขณะนี้แดนนี่กำลังเป็นดาวเด่นของวิทยาลัย เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อมาก เรือนผมสีเข้มดกหนา ดวงตาราวกำมะหยี่สีน้ำตาล เขาชอบแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้ากัน ทั้งยังเป็นเสื้อผ้าประเภทสั่งตัดจึงแนบเน้นสัดส่วนเรือนกายเป็นพิเศษ...
ใช่... ราเชลรู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่ว่าสาวคนไหน ๆ ในโรงเรียนก็พร้อมจะเข้ามาแทนที่เธอทุกขณะ... แม้ว่าขณะนี้เธอกับแดนนี่จะออกเดทกันมากว่าสองเดือนแล้ว และจะพบกันตอนเย็นย่ำเกือบจะทุกวันก็ว่าได้...
ทว่า...ขณะนี้เธอไม่สามารถมอบความสนใจทั้งหมดให้กับเขาเพียงคนเดียวได้ ความคิดและความกังวลของเธอมักจะลอยเลื่อนไปยังผู้หญิงคนที่นั่งหน้าซีดอยู่บนม้ายาวซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลคนนั้นตลอดเวลา ภาพริมฝีปากที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดไม่อาจเลือนหายไปจากใจของราเชลได้
ราเชลสังเกตเห็นอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่ง อายุน่าจะประมาณยี่สิบต้น ๆ และอย่างที่แดนนี่สังเกตเห็นก็คือ เธออยู่ในสภาพกำลังตั้งครรภ์ที่คล้ายใกล้จะคลอดแล้วด้วย ความจริงประการหลังนี้เองที่รบกวนจิตใจราเชลอย่างที่สุด เธอกำลังถามตัวเองอยู่ว่า... ถ้าผู้หญิงคนนั้นเกิดเจ็บท้องและจะคลอดบุตรขึ้นมาตอนนี้จะทำอย่างไร...?
แดนนี่เงยหน้าขึ้น ตวัดสายตามองหน้าเธออย่างขุ่นเคือง
“ถามจริงๆ เถอะราเชล นี่ใจคอคุณยังอยู่กับผมบ้างหรือเปล่า... ?”
“ก็ต้องอยู่สิ...” เธอปัดปอยผมสีน้ำตาลยาวเหยียดออกจากใบหน้า เผยให้เห็นแผงขนตาหนาและงอนงามล้อมกรอบดวงตาคู่สีเทา เธอมีจมูกเล็ก ๆ ที่เรียวงามประไว้ด้วยฝอยกระสีน้ำตาลอ่อนเพิ่มความน่ารักยิ่งขึ้น ปากที่ค่อนข้างกว้างมักประทับอยู่ด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา แต่สำหรับตอนนี้ดูเครียดขรึมกว่าเดิม “ฉันเพียงแต่รู้สึกเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น” เธอพูดพร้อมกับผุดลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงผ้าฝ้ายสีดำกับเสื้อยืดสีแดง... เรือนร่างของเธอคล้ายเด็กผู้ชายมากกว่าจะเน้นส่วนโค้งส่วนเว้า ส่วนสูงก็เพียงแค่ห้าฟุตเศษ... อาจจะเป็นเพราะเนื้อตัวเธอยังไม่เต็มก็เป็นได้ที่ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์กว่าเด็กสาววัยสิบแปดทั่วไป
“ท่าทางเขาไม่สบายมากเลยนะแดนนี่ แล้วก็... ”
เขาเองก็ผุดลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน ริมฝีปากเครียดบอกความขึ้งโกรธ
“ก็คงจะแค่เดินไกลมากไปหน่อยเท่านั้น นั่งพักเสียสักครู่ก็หายแล้ว... ” เขาพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย
“เอ้อ... ” ราเชลมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด “ฉันคิดว่าฉันควรจะเข้าไปดูเขาสักหน่อย อย่างน้อยก็เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นอะไรมาก...”
“แต่เรายังต้องกลับไปเรียนนะ” แดนนี่คว้าแขนเธอไว้
“แต่ผู้หญิงคนนั้น...”
“เขาอาจจะมานั่งรอสามีอยู่ก็ได้... ”
“แต่เราไม่รู้ว่าจริงๆมันเป็นอย่างที่คุณพูดหรือเปล่า” ราเชลยืนยันความตั้งใจด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ที่จริงมันก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ใครเลยนะถ้าเพียงแต่ฉันจะเข้าไปลองถามเขาดูจริงไหม... ?”
แดนนี่ปล่อยแขนเธอลงด้วยท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“คุณอยากทำยังงั้นก็เชิญ แต่ผมเห็นจะไม่มายืนแขวนรอคุณอยู่หรอกนะ อีกสิบนาทีผมก็ต้องเข้าเรียนแล้ว”
คราวนี้ราเชลหันมามองเขาเต็มตาอย่างท้าทาย
“ขอถามหน่อยเถอะ ว่าคุณรู้สึกเดือดร้อนกลัวเข้าชั้นเรียนไม่ทันมาตั้งแต่เมื่อไหร่…?”
แดนนี่หน้าแดงกับคำถามเชิงเสียดสีนั้น มันทำให้ความกล้าหาญของเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าอย่างเขาหวั่นไหวได้ไม่น้อยเลย
“เอ้อ... มันก็จริงอยู่หรอกนะ... ”
“ถ้าเช่นนั้นคุณก็ไม่น่าจะบ่น เพราะฉันจะขอเวลาคุณแค่สองนาทีที่จะเข้าไปถามอาการเขาเท่านั้น จะได้ไหมล่ะ?” หางเสียงของเธอสดใสขึ้น
“โอเค... ” เขาตอบอย่างเอาใจ “แต่อย่าให้นานเกินไปนักก็แล้วกัน” เขาอดเสริมเป็นเชิงเตือนไม่ได้ขณะที่ราเชลรีบรุดเดินเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น
ยิ่งเข้าไปใกล้ เด็กสาวก็ยิ่งสังเกตเห็นว่าอาการของผู้หญิงคนนั้นดูจะหนักกว่าที่คิด หยาดเหงื่อพราวอยู่เต็มหน้าผาก สีหน้าเผือดซีดเกือบจะเป็นสีเทา ลมหายใจหอบกระชั้น
“ขอโทษนะคะ…” ราเชลเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจเลย
หญิงสาวผู้นั้นเงยหน้าขึ้น หยาดน้ำตาเอ่อท้นและลามร่วงลง...
“โอ... ขอบคุณพระเจ้า ที่ในที่สุดก็ยังมีใครอีกคนหนึ่งที่เข้ามาพูดกับฉัน..!” หล่อนเอ่ยออกมาด้วยสำเนียงที่ออกจะแตกต่างกว่าชาวอเมริกันทั่วไป พร้อมกับคว้ามือราเชลไปกำไว้แน่น “ช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ราเชลทรุดตัวลงนั่งบนม้ายาวข้างตัวหญิงสาว
“ได้สิคะ” เธอบีบมือหล่อนเบา ๆ อย่างปลอบโยน “คุณใกล้คลอดเต็มทีแล้วใช่ไหมคะ?”
“ใช่...ใช่ค่ะ ฉันคิดว่า...ฉันกำลังจะคลอดลูก ฉันเริ่มเจ็บท้องตั้งแต่ต้นชั่วโมงก่อนแล้ว และตอนนี้ก็เริ่มเจ็บถี่ขึ้นทุกที... ”
ราเชลขบริมฝีปากอย่างใช้ความคิด เกิดมายังไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับการให้กำเนิดทารกเลยแม้แต่น้อย
“คุณคิดว่าคุณควรจะไปโรงพยาบาลไหมคะ?”
“ฉันน่ะอยากไปอย่างที่สุดเลยละ...” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงท้อแท้... “ ที่จริงฉันพยายามจะเดินออกจากสวนสาธารณะไปขึ้นแท็กซี่ตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครเต็มใจช่วยฉันเลยสักคน.. !”