บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 หว่านเสน่ห์

สามวันต่อมา

ร้านขนมหวาน

ร้านขนมหวานบุฟเฟ่ต์เปิดเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ มีบ้านทรงไทยสองชั้นอยู่ด้านหลัง ตัวร้านสร้างแยกออกมาตกแต่งแบบไทย มีการสาธิตทำขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอดให้ลูกค้าได้ชมและร่วมทำเป็นกิจกรรมภายในร้าน ลูกค้ามาเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก แทนที่จะมีผู้หญิงเยอะกลับกลายเป็นมีผู้ชายเยอะกว่า เพราะหนุ่มๆ มักจะมาส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับแม่ค้าร้านนี้โดยเฉพาะแม่ค้าหน้าหวานอย่างนลินนารา

“ถ้าไม่ไหวก็พักเถอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง” เชยชมเอ่ยขึ้นเห็นนลินนาราทำท่างกๆ เงินๆ อยู่หน้ากระทะทองเหลืองสำหรับทำฝอยทอง

“ยังไหวอยู่จ้ะ” นลินนาราเสียงแจ๋วตั้งหน้าตั้งตาทำฝอยทองอย่างตั้งใจ เชยชมเลยเดินไปทำอย่างอื่นในร้าน

ช่วงสายลูกค้าทยอยเข้าร้าน บรรยากาศครึกครื้นเด็กๆ สนุกกับการทำขนมไทย ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก นลินนารานั่งประจำจุดทำฝอยทอง หญิงสาวหน้าหวานมัดมวยจุกเผยลำคอเรียว สวมเสื้อคอกระเช้าร่วมสมัยกับผ้าซิ่นเรียบร้อยแต่เห็นสัดส่วนเรือนร่างสวยงามได้รูป ผิวพรรณผุดผ่องเนียนละเอียดรอยยิ้มอ่อนหวานทำให้คนมองไม่อาจละสายตาได้ ลูกค้าชายไม่ว่าจะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างมองกรุ้มกริ่ม ไม่เว้นแม้แต่ภูวดลที่มาดูตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องคลั่งก็ยังเผลอไผลไปกับความสวยงามตรงหน้า

“ค้างไปเลยเหรอไอ้ภู นี่แหละที่คนเขาลือกันว่าสวยหยาดเยิ้ม ข้าอยากมานั่งมองทุกวันเลย ถ้าได้เป็นเมียจะขังเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นแล้วก็...” เสนายิ้มเจ้าเล่ห์จินตนาการไปในทางลามก

“ข้างนอกสวยแต่ข้างในเน่าเฟะ” ภูวดลเบะปากสายตาเหยียดหยัน

“เฮ้ย! เขาเป็นแค่แม่หม้ายผัวสอง ไม่ใช่ความผิดเขาซะหน่อยใครมันจะอยากให้ผัวตายวะ” เสนาพูดต่อเสริมแล้วอมยิ้มมองร่างบางไม่วางตา ภูวดลเองก็มองหญิงสาวคนสวยอย่างครุ่นคิด นลินนาราเป็นคนสวยมากแต่ไม่น่าเห็นแก่เงินเป็นเมียน้อยคนอื่น ในสายตาของเขาความสวยของเธอช่างไร้ค่าสิ้นดี

“แม่หม้ายผัวตายตั้งสองคนนายอยากเป็นคนที่สามหรือวะ” นิคมยกยิ้มเอ่ยแซวเพื่อนที่อยากได้ผู้หญิงกินผัว

“งั้นไม่เอาดีกว่าวะกลัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสนาหน้าตาเลิ่กลั่กแล้วหัวเราะขำกันกับเพื่อน ภูวดลยกยิ้มมุมปากตกขนมหวานเข้าปากพลางมองมาทางนลินนารา

ด้านเอมอรนั่งทำขนมสาธิตลูกค้าเงยหน้าขึ้นมาเห็นกลุ่มลูกค้าชายที่นั่งอยู่ในสวนลักษณะคุ้น ๆ จึงหรี่ตามองชัด ๆ

“ลูกค้าคนนั้นเหมือนคนที่ช่วยนาราตอนโดนยิงเลย”

“คนไหนจ๊ะ” นลินนาราหันขวับรีบวางมือจากการทำขนม เอมอรพยักพเยิดหน้าไปทางสวน เธอเลยหันมองตามเห็นชายหนุ่มหน้าคมเข้มหันมามองพอดีสายตาดุดันที่มองสบตากันในตอนนี้ทำให้เธอรู้ว่าเขาคือคนเดียวกันกับที่ช่วยเธอวันนั้น เพราะเธอจำสายตาของเขาได้ ร่างบางรีบเขยิบตัวลุกเดินไปหาเขาทันทีด้วยความดีใจอยากขอบคุณผู้มีพระคุณสักครั้ง ด้านภูวดลกับเพื่อนนั่งงงอยู่ ๆ หญิงสาวที่เล็งไว้ก็เดินปรี่เข้ามาหา

“สวัสดีค่ะ คุณคือคนที่ช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ” เธอยิ้มน้อยๆ ใบหน้าหวานยิ่งหวานจับใจ ภูวดลนิ่งอึ้งกับความสวยตรงหน้าเหมือนหูดับไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร สวยจริงๆ ยิ่งอยู่ใกล้เห็นผิวขาวนวลเนียนรูปร่างหน้าหมดจดไร้ที่ติ ในวันนั้นเขาได้เจอเธอสวมเสื้อคลุมแขนยาวกางเกงขายาวหมวกสานใบใหญ่ผ้าปิดหน้าเหมือนชาวสวนชาวไร่ทั่วไปเขารู้แค่ว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีดวงตาสวยหวาน ไม่คิดว่าภายใต้เสื้อผ้ามอซอนั้นจะปิดบังความงดงามของเธอไว้ และตอนที่ช่วยเธอตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือใคร

“คุณคะ?” นลินนาราหน้าเจื่อนที่คุยด้วยแล้วเขาไม่ตอบ เสนากับนิคมรีบสะกิดแขนเพื่อนกันยิก ๆ จนเขาหลุดจากภวังค์

“ว่าไง”

“คุณคือคนที่ช่วยฉันไว้ใช่ไหมคะ”

“ใช่” หน้าคมเข้มบึ้งตึงน้ำเสียงนิ่ง เสนากับนิคมต่างหันมองหน้าด้วยสงสัยมากมาย

“ขอบคุณมากนะคะถ้าไม่ได้คุณวันนั้นฉันคงตายไปแล้ว ถ้ามีอะไรให้ช่วยฉันยินดีที่จะ..” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณจากใจแววตาสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้

“แค่ผ่านมาเจอก็เลยช่วยก็แค่นั้น ไม่ต้องมายุ่งกับผมอีกผมไม่ต้องการรู้จักคุณ” ภูวดลตีหน้าเข้มน้ำเสียงดุดัน มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าเหยียดๆ นลินนาราหน้าเหวออึกอักทำตัวไม่ถูกกับคำพูดรังเกียจและสายตาที่ดูถูก ร่างหนาลุกขึ้นยืนทันทีแต่ลืมไปว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าทำให้เกือบโดนตัวเธอภูวดลเหลือบมองลอบกลืนน้ำลายเมื่อใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากกายสาวช่างเย้ายวนจนเขาใจสั่น เธอรีบก้าวเท้าเบี่ยงตัวหลบให้เขาได้เดินผ่านไปแล้วมองตามตาละห้อย

ภูวดลเดินไปที่รถหน้าตาขึงขังไม่สนใจเพื่อนที่มาด้วยกัน เมื่อขึ้นรถเขาก็มองเข้าไปในร้านเห็นเธอมองมาทางเขา

“อยากทำตัวสนิท ฮึ คิดว่ารู้ไม่ทันหรือไงอยากหว่านเสน่ห์ให้ติดกับดักเหมือนผู้ชายคนอื่นล่ะสิ มุกตื้น ๆ แบบนี้หลอกฉันไม่ได้หรอก” ใบหน้าคมแสยะยิ้มเหยียดหยันก่อนจะขับรถออกไป เพื่อนๆ ที่กำลังเดินตามมามองตามรถของเพื่อนที่ทิ้งกันไปดื้อ ๆ

“ทำไมเขาทำหน้าเหมือนไม่ชอบนาราเลย” เอมอรหันมองนลินนาราที่ยืนหน้าเศร้า

“ไม่รู้สิ อย่างน้อยก็ได้ขอบคุณแล้วเราไปทำงานหาเงินกันเถอะจ้ะ” หน้าสวยหันไปยิ้มเล็กน้อยแววตาเศร้ารู้ดีว่าที่เขารังเกียจก็คงเป็นเพราะฉายาดวงกินผัวของเธอที่ทำให้เป็นแม่หม้ายผัวสองไม่มีชายคนไหนอยากเข้าใกล้

คฤหาสน์หรู

“อีผู้หญิงหน้าด้าน มารยาเยอะ ผู้ชายที่นอนกับมันก็จะหลงหัวปักหัวปำทิ้งลูกทิ้งเมีย อีร่าน อีสารเลว!” เสียงปานวาดดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าของนลินนารายิ้มหวานสวยหยาดเยิ้มเข้ามาใกล้เขาเรื่อย ๆ

“ไม่มีทาง พี่ไม่มีทางหลงผู้หญิงคนนั้น!” ในขณะฝันเขาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับเห็นภาพเจ้าหล่อนเดินเข้ามาหาใกล้จนใจหวั่นไหว

“ไม่ ไม่!” ภูวดลร้องโวยวายสะดุ้งตื่น พบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงกว้าง ไม่น่าเชื่อว่าการเจอกันเพียงครั้งเดียวจะทำให้เขาเก็บมาฝันหรืออาจเป็นเพราะเขาคิดเรื่องผู้หญิงของเธอมากเกินไป

โรงแรมหรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง

ภายในห้องทำงานของภูวดล

“งานต้อนรับท่านทูต ทางลูกค้าต้องการให้มีการแสดงรำไทยค่ะ” นันทพรตำแหน่งเลขา กำลังรายงานความคืบหน้าให้ ภูวดลที่มีตำแหน่งรองประธานของโรงแรมแห่งนี้

“รำอย่างเดียวจะธรรมดาไปไหม ถ้าเป็นการแสดงแบบประยุกต์ผสมผสานความเป็นสากลกับรำไทยจะดีกว่า”

“ค่ะท่าน นันจะนำไปเสนอลูกค้านะคะแล้ววันนี้ท่านจะลงไปดูสถานที่ไหมคะ”

“ไปสิ ผมจะลงไปก่อนเที่ยง” ภูวดลพยักหน้าเล็กน้อย นันก้มหน้าน้อมรับก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

ชั้นหนึ่งบริเวณล็อบบี้โรงแรม

หญิงสาวร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบเหงื่อไหลท่วมกายเข้ามาภายในโรงแรม

“ตึ่ง ตึง ตึ๋ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเธอรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันที

“ค่ะพี่แยม กำลังจะขึ้นลิฟต์แล้วค่ะ” นลินนารารีบวิ่งเข้าไปในลิฟต์ ยืนตัวงอหอบหายใจเหนื่อยก้มหน้าก้มตาตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเอง สักพักประตูลิฟต์เปิดออกหญิงชายคู่หนึ่งเดินเข้ามาด้านในเธอเขยิบตัวชิดไปอีกฝั่งไม่ได้เงยหน้าดู เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงกระจกของประตูลิฟต์สะท้อนให้เห็นใบหน้าของคนทุกคนในลิฟต์ นลินนารามองเห็นชายหนุ่มด้านหน้าชัดเจน ดวงตาสวยเบิกโพลงอ้าปากค้างก่อนจะรีบหลุบตาลงลอบมองชายหนุ่มตรงหน้า ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองเธอผ่านกระจกไม่วางตา

“คุณเกษม ท่านลงมาดูงานห้องอาหารเรียบร้อยแล้วกำลังขึ้นไปที่ห้องจัดเลี้ยง เตรียมความพร้อมให้ด้วยค่ะ” นันทพรสนทนากับปลายสายก้มหน้าดูแผนผังงาน ไม่ได้สนใจว่าชายหญิงสองคนในลิฟต์ตัวเดียวกันกำลังมองกันผ่านกระจก สายตาคมจ้องมองในขณะที่หญิงสาวเหลือบมองแล้วหลบตาเป็นระยะ นลินนาราไม่กล้าทักทายเพราะก่อนหน้านี้เขาแสดงออกว่าไม่ชอบเธอ

“นัน” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเลขาแล้วกดลิฟต์ที่ชั้นถัดไป

“ค่ะท่าน”

“ผมลืมปากกาไว้ที่ห้องอาหารคุณลงไปเอาให้ที”

“แต่ท่านไม่ได้เซ็นอะไรที่ห้องอาหารนะคะ” นันเงยมองพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด

“ผมบอกว่าให้ไปดู” ภูวดลเสียงแข็งหน้าบึ้งตึง

“ค่ะท่าน” นันรีบพยักหน้าก้าวออกจากลิฟต์อย่างรวดเร็ว แล้วหันมามองในลิฟต์ด้วยความสงสัย นิ้วหนารีบกดปิดประตูลิฟต์ทันทีแล้วพูดกับนลินนาราผ่านกระจกลิฟต์โดนไม่หันไปมอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel