3
“ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ” ศุภกฤษณ์นิกเนมว่าแทคพูดขึ้นบ้าง “แต่เท่าที่เห็น นายกับหมวยก็ไปด้วยกันได้นะ”
“หมวยเป็นผู้หญิงน่ารัก ไม่เรื่องมาก ไม่จู้จี้จุกจิก และไม่ก้าวล่วงเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันโอเคนะ อยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด” เตมินทร์บอกเพื่อน หยิบแก้วเครื่องดื่มมาจิบ
“ผู้หญิงแบบนี้หายากนะ เท่าที่ฉันเจอมา สุดๆ ทั้งนั้น น่ารำคาญ”
วิญญูมีคนรักมาสามคน แต่ละคนชวนปวดหัวทั้งสิ้น จนเขาคิดว่า อยู่คนเดียวดีกว่า
“ของแบบนี้คือพรหมลิขิต สวรรค์กำหนดไว้ให้แล้วว่า ใครคู่ใคร เพียงแค่ว่า จะเจอคนๆ นั้นเมื่อไหร่แค่นั้น และตอนนี้เติร์ดเจอคู่ชีวิตก่อนใครเพื่อน” ศุภกฤษณ์เชื่อเรื่องนี้ เขาเอ่ยตามความเชื่อของตน
การสนทนาของสี่เพื่อนรักหยุดลงชั่วคราว เมื่อมณีรัตน์เดินเข้ามาทักทายลูกค้าประจำสุดหล่อทั้งสี่คนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และคำพูดอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะ วันนี้มากันพร้อมหน้าเลยนะคะ” พูดพร้อมรอยยิ้ม “วันนี้รับเด็กกี่คนคะ หงส์จะได้จัดให้”
“สี่ครับ” คนตอบคือวิญญู
“ค่ะ ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหงส์จัดการให้ค่ะ” พูดจบ มณีรัตน์เดินไปเรียกพนักงานพีอาร์สี่คนมาให้สี่หนุ่ม “ดูแลคุณๆ ดีๆ นะ”
นางกำชับสาวสวยวัยไม่ถึงยี่สิบห้าปีในชุดราตรีวาบหวิว
“วันนี้มีนักร้องใหม่มาร้องเพลงค่ะ เสียงดีมากๆ หงส์คอนเฟิร์มค่ะ หน้าตารูปร่างดีมากๆ ด้วยค่ะ อีกไม่กี่นาทีก็จะขึ้นร้องแล้ว แต่ถ้าไม่ถูกใจยังไง หงส์ขอโทษล่วงหน้าค่ะ”
มณีรัตน์ออกตัว
“ระดับเจ๊หงส์คัดสรรมา ผมว่าต้องดีอยู่แล้วครับ”
สันติชัยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนักร้องมากนัก เขาแค่มานั่งดื่ม นั่งคุยกับเพื่อน โดยมีพีอาร์คนสวยคลอเคลีย แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
“ค่ะ เชิญตามสบายค่ะ หงส์ขอตัวไปดูแลแขกโต๊ะอื่นก่อนนะคะ” มณีรัตน์เดินห่างโต๊ะสี่หนุ่มทันทีที่พูดจบ
“เจ๊หงส์โฆษณานักร้องอย่างกับว่าสวยหยาดฟ้า เสียงดีจนหาที่ติไม่ได้อย่างนั้นแหละ เสียงก็คงไม่ต่างกับนักร้องคนอื่นหรอก” ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกเตมินทร์ เขารู้สึกหมั่นไส้นักร้องคนใหม่ขึ้นมาทันทีทันใด ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตาและได้ยินน้ำเสียง
“อะไรของมึงวะ ยังไม่เห็นหน้า ยังไม่ได้ยินเสียงก็พูดเหมือนไม่ชอบเธอแล้ว ไม่แน่นะ มึงอาจติดใจเสียงร้องเพลงของเธอก็ได้ จนต้องมาฟังทุกคืน” ศุภกฤษณ์อดพูดไม่ได้
“เหอะ ไม่มีทาง” เตมินทร์ตอบกลับทันควัน สีหน้าและแววตาตรงกับคำพูด เพื่อนอีกสามคนไม่ได้กล่าวคำใด นั่งดื่มและเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
ขณะที่อีกคนมั่นใจในตัวเองมากว่า ไม่มีวันหลงเสียงเพลงนักร้องคนใหม่ของคลับฟรอร่า นักร้องคนนั้นกลับไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย ทั้งที่แต่งหน้า ทำผมและแต่งกายเตรียมพร้อมขึ้นร้องเพลง
“หนูกลัวจังเลยเจ๊ กลัวทำไม่ได้” จันทร์สุดากล่าวอย่างเป็นกังวล มือนุ่มถือไมค์ลอยค่อนข้างสั่น หัวใจสั่นหนักยิ่งกว่า
“ไม่ต้องกลัว เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้ ไม่งั้นเจ๊คงไม่ให้สุดาลองหรอก เพราะหากออกมาไม่ดี เจ๊เสียหน้าแย่ และอาจทำให้ลูกค้าไม่พอใจด้วย” มณีรัตน์ให้กำลังใจจันทร์สุดา
“จริงอย่างที่เจ๊พูดนะ ถ้าเจ๊ไม่มั่นใจ เจ๊ไม่ให้สุดาขึ้นร้องเพลงแน่ๆ สุดาต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ทำให้เจ๊รู้ว่า เจ๊คิดไม่ผิดที่ให้โอกาส สู้ๆ พี่เป็นกำลังใจให้” เอมอรให้กำลังใจอีกคน
“พี่ด้วย พี่ให้กำลังใจสุดาทั้งดวงเลย สู้ๆ คว้าโอกาสไว้นะ นั่นหมายถึง เงิน เงิน เงิน”
แก้วใจให้กำลังใจอีกคน จันทร์สุดาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนผ่อนออกมา
“ค่ะ สุดาจะทำให้เต็มที่ ให้สมกับที่เจ๊หงส์ให้โอกาสสุดา” ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมงครึ่งมณีรัตน์เข้ามาในห้องทำงาน ห้องที่ให้จันทร์สุดาเข้ามาคอยเพื่อพูดคุยเรื่องหนึ่ง
“หา...เจ๊จะให้สุดาร้องเพลงที่นี่หรือคะ” จันทร์สุดาถามย้ำ หลังจากรู้ว่า มณีรัตน์ต้องการพูดคุยเรื่องใดกับตน เธอตกใจมาก ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ใช่น่ะสิ สุดาฟังไม่ผิดหรอก เจ๊รู้จากสร้อยว่า สุดาร้องเพลงเพราะมาก เจ๊เลยอยากให้สุดามาร้องเพลงแทนบีที่จะลาออกสิ้นเดือนนี้”
มณีรัตน์ไม่ได้มองหานักร้องคนอื่น เพราะตั้งใจว่าจะเพิ่มเวลานักร้องที่มีอยู่ร้องแทนบี แต่อยู่ๆ นึกถึงคำบอกเล่าสร้อยทิพย์ที่ว่า จันทร์สุดาร้องเพลงเพราะมาก เคยเป็นนักร้องประจำโรงเรียนสมัยมัธยมปลาย ในระดับปริญญาตรีก็มักไปร้องร่วมกับวงดนตรีของมหาวิทยาลัย เป็นจังหวะดีที่วันนี้จันทร์สุดามาคลับฟรอร่า นางจึงเอ่ยปากพูดเรื่องนี้
“สุดากลัวว่าตัวเองจะทำไม่ได้ค่ะ” จันทร์สุดาถ่อมตัว เธอร้างการร้องเพลงมาหลายปี ครั้งสุดท้ายจำได้ว่า ร้องในงานคืนสู่เหย้าในวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จ้างวงดนตรีของอาจารย์ไปสร้างความบันเทิง ซึ่งก็นานกว่าสีปี่ “สุดาไม่ได้ร้องมาหลายปีแล้ว และกลัวว่าเสียงตัวเองจะไม่ดีเหมือนก่อน ประหม่าด้วยค่ะ”
“งั้นเอางี้ ลองร้องเพลงให้เจ๊ฟังสิ ร้องสดๆ นี่แหละ แล้วเจ๊จะตัดสินใจเอง” จันทร์สุดาลังเล เพราะตามพูดไป เธอไม่ได้ร้องเพลงมานาน เกรงว่าจะทำออกมาไม่ดี ทว่ามณีรัตน์คะยั้นคะยอให้ลองร้อง สุดท้ายจันทร์สุดาก็ทำตามที่มณีรัตน์ต้องการ มณีรัตน์นั่งยิ้มขณะฟังเสียงเพลงที่ดังขับขานจากปากจันทร์สุดา “เสียงดีมากเลย นี่ขนาดไม่มีดนตรีประกอบนะ ยังเพราะจับใจ เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้ ทำเลยนะ”
“ทำเลย หมายความว่าไงคะเจ๊” จันทร์สุดาถามรวดเร็ว
“ก็หมายความว่า ขึ้นร้องวันนี้เลยไง ประมาณว่า ลองร้องดูสักเพลง” มณีรัตน์พูดราวกับว่าเป็นเรื่องง่าย “เจ๊เชื่อว่าสุดาทำได้และทำได้ดีด้วย การที่ไม่ได้ถือไมค์มาหลายปี เคาะสนิมสักหน่อยเดี๋ยวก็ราบรื่น เจ๊อยากให้สุดารับงานนี้ จะได้มีรายได้เพิ่ม ช่วยเหลือสร้อยอีกทาง โอกาสแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ นะ สุดาก็รู้นี่ว่า นักร้องอยากมาร้องประจำที่นี่จะตายไป รายได้ดี ทิปก็ดี เมื่อมีคนให้โอกาสก็ต้องรับไว้นะ เชื่อเจ๊อย่างกับที่เจ๊เชื่อมั่นว่า สุดาทำได้”