บทที่ 5
ณิชานั่งทำเสียงฮึดฮัดอยู่ที่เบาะด้านหลังของรถลีมูซีนแบบสามตอน หลังจากที่ไปส่งบิดาน้องสาวและเรียวที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ไม่ทันที่จะได้อำลากันกันแม้แต่คำเดียว เจ้านายคนใหม่ของเธอก็วางอำนาจใส่ สั่งแกมขมขู่ให้ณิชาเก็บข้าวของส่วนตัวโดยให้เวลาเพียงสิบนาที ไม่เช่นนั้นจะพาตัวบิดาและน้องสาวรวมทั้งเรียวไปทรมานอีกครั้ง ทำให้คนที่เสียเปรียบรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากทำตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจ
รัฐกฤตญ์ปรายตามองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ที่นั่งกระฟัดกระเฟียดเรียวปากบางขยับยุกยิกบ่นอะไรบางอย่างเหมือนกำลังบ่นหรือต่อว่า ชายร่างโตรู้ได้ทันทีเลยว่า ประโยคที่สาวข้างกายพึมพำนั้นหนีไม่พ้นเรื่องของเขาแน่นอน
“เอ้า! อยากจะด่าก็ด่ามาเลยไม่ต้องบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียวหรอกมันเหมือนคนบ้าเลยรู้มั้ย” รัฐกฤตญ์พูดปนขำ
ณิชาชำเลืองมองหน้าเขา ทำจมูกย่นใส่อย่างหมั่นไส้คนตัวโต เธอจะรู้บ้างหรือไม่ว่า กริยาท่าทางที่เธอทำนั้น มันทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง ราวกับมีคนเข้าไปตีกลองรัวอยู่ในนั้น ภาพของณิชาที่ย่นจมูกใส่เขา ดูเป็นธรรมชาติไม่เส
แสร้งน่ารักน่ามองมากเหลือเกิน โดยเฉพาะริมฝีปากบางที่ห่อตัวเข้าหากันเป็นจุดที่น่าสัมผัสที่สุด ณิชาเหมือนจะรู้ตัวว่ารัฐกฤตญ์กำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาที่รุ่มร้อน เต็มเปี่ยมไปด้วยไอของแรงปรารถนา เธอจึงขยับตัวหนีจนชิดติดกับประตูรถยนต์
“มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นคนหรือไง” ณิชาตวาดถามพยายามบังคับให้เสียงไม่ให้สั่น
“เคยเห็น...แต่ไม่เคยเห็นใครน่ากินเท่าเธอมาก่อนเลย”ไม่พูดเปล่าร่างกายของเขาขยับเข้ามาหาร่างสาวอย่างรวดเร็ว ลำแขนกำยำโอบกอดรัดร่างของเธอไว้แน่น มีหรือที่สาวร่างน่ากินจะไม่ดิ้นรนออกจากการกอดรัดในครั้งนี้ เธอทั้งดิ้นใช้มือที่ว่างอยู่ทุบไปที่หลังของเขาหลายครั้ง แต่ดูเหมือนกับเธอทุบไปที่หินมากกว่าเพราะคนที่เจ็บก็คือเธอนั่นเองด้านหลังเกิดสงครามขนาดย่อมๆ แต่คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าและตอนกลางของรถยนต์ ไม่มีทีท่าจะสนใจว่าด้านหลังจะทำอะไร เพราะทุกคนนั่งเป็นหุ่นอยู่เช่นนั้นไม่คิดที่จะหันหลังมามองด้วยซ้ำ
“ปล่อยนะ...ปล่อย ไอ้คนฉวยโอกาส” คนที่พูดรู้เต็มอกว่าคนฉวยโอกาสอย่างเขาไม่มีวันปล่อยเธอแน่ แต่ก็ยังพูดออกไป
“ไม่ปล่อย...เธอนี่มันฤทธิ์มากจริงๆ”รัฐกฤตญ์นึกรำคาญมือบางที่ทุบเขาไม่ยอมหยุด คราแรกไม่รู้สึกเจ็บแต่
ตอนนี้เริ่มรู้สึกบ้างแล้วก็เธอเล่นกระหน่ำทุบอย่างนั้นมันก็ต้องมีอาการเจ็บปวดกันบ้าง เขาจึงล็อคแขนทั้งสองข้างของเธอด้วยลำแขนแกร่งก่อนจะฉกจูบเรียวปากช่างพูดด้วยริมฝีปากอุ่นๆ ของเขา เสียงค้านจึงดังก้องอยู่แต่ในลำคอสาว
รัฐกฤตญ์ใช้ความชำนาญทำให้ณิชาอ้าปากรับเรียวลิ้นอุ่นจัดได้อย่างไม่ยาก ณิชาเริ่มต้านทานสัมผัสที่แสนวาบหวาม แฝงด้วยความรุ่มร้อนไม่ไหว ยามเมื่อเรียวลิ้นของเขาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มดูดดึงรัดเกี่ยว อาการแข็งขืนเริ่มอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน จูบของเขาเร่าร้อนเหมือนจะสูบวิญญาณของเธอให้ออกจากร่าง สูบเอาสตินึกคิดของณิชาออกไปด้วย จึงปล่อยให้เขาจูบและลูบไล้เรือนร่างของเธอตามอำเภอใจ
ชายตัวโตยังคงควานหาความหวานจากเรียวปากบางเนิ่นนาน ก่อนจะลากไล้เรียวปากของเขาไปตามแนวแก้มนวลสีแดงระเรื่อ มาหยุดนิ่งซุกซบหากรุ่นกลิ่นสาวที่ซอกคอ ขบเม้มจนเกิดรอยแดง ร่างของเธอสั่นสะท้านรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วร่างกาย แหงนหงายศีรษะไปทางด้านหลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้เขาโดยสัญชาตญาณ ชายหนุ่มดันร่างของเธอให้นอนราบไปบนเบาะรถในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงซุกซบอยู่ที่ซอกคอขาวนวล สูดดมความหอมอย่างย่ามใจ ในขณะที่มือใหญ่ลูบไล้เรือนร่างสาวอย่างจาบจ้วงก่อนจะเลื่อนใบหน้าต่ำลงไปตามสาบเสื้อที่แยกออกอย่างช้าๆ
ณิชาไม่รู้ตัวเลยว่าซิปเสื้อแจ็กเก๊ตหนังสีดำได้ถูกรูดลงมาจนสุดทางเมื่อไหร่ และตอนนี้ทรวงอกงดงามเต่งตึงอวบใหญ่เกินตัว ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในกรวยสีหวานกำลังตกอยู่ในสายตาของรัฐกฤตญ์ที่ก้มมองดอกบัวคู่นั้นอย่างหิว
กระหาย แววตาลุกโชนด้วยไฟปรารถนารุนแรง แล้วยิ่งเห็นใบหน้าของณิชาที่แดงระเรื่อ ดวงตาทั้งสองข้างอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม ริมฝีปากบวมเห่อจากการบดจูบของเขา ภาพนี้เป็นเสมือนประติมากรรมชั้นเอกที่ถูกปั้นแต่งมาเพื่อเขา
รัฐกฤตญ์เอื้อมมือไปกดปุ่มที่กั้นระหว่างตอนกลางและตอนหลังขึ้น เขาไม่อยากให้ลูกน้องเห็นสรีระที่สวยงามของสาวคนนี้ เขาต้องการเก็บเธอเอาไว้เชยชมเพียงคนเดียว ถึงจะรู้ว่าไม่มีทางที่ดินแดนและวิทยาจะหันมามอง แต่
ความรู้สึกหวงก็วิ่งเข้ามาในจิตใจของเขาแบบกะทันหันเจ้าของจมูกโด่งสูดดมความหอมจากเนินอกขาวละลานตาตรงหน้าเคล้าใบหน้าอยู่ตรงดอกบัวคู่สวยอย่างหลงใหล มือแข็งแรงปลดตะขอชั้นในที่เป็นแบบตะขอหน้าออกด้วยความชำนาญ ทันทีที่ชั้นในตัวสวยแยกออกจากกัน เลือดในกายของรัฐกฤตญ์พลุ่งพล่านถึงขีดสุด เมื่อมองเห็นดอกบัวตูมดอกใหญ่ผลิบานเด่นสวย โดยมีเม็ดบัวสีชมพูอ่อนกระจ่างเต็มสองนัยน์ตา
ณิชาที่ตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแอ่นร่างดุจคันศรเมื่อริมฝีปากร้อนๆ ของเขาสัมผัสกับเม็ดบัวสีชมพูอ่อนของเธอนำความสยิวเสียวให้ก่อเกิดในร่างกาย สติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตอนตอนนี้มันถูกดึงออกไป
จากสมองและความนึกคิดโดยสิ้นเชิง ไม่ต่อต้านแถมยังโอนอ่อนไปกับสัมผัสของเขาที่ร่ายมนต์เข้าใส่ ใบหน้าสาวส่ายไปมาเหมือนจะระงับความเสียวซ่าน ยามที่ปากหนาของรัฐกฤตญ์ดูดดึงเม็ดบัวเข้าไปในอุ้งปากร้อนระอุ ดูดกลืนอย่างโหยหิวใช้ลิ้นสากตวัดไปพลาง มือข้างหนึ่งหยอกล้อกับเม็ดบัวที่แข็งเป็นไตพร้อมกับบีบเคล้นทรวงอกข้างที่ว่างเว้นจากปากหนา ก่อนจะย้ายปากและลิ้นมายังยอดถันอีกข้างที่ถูกดูดกลืนและเลียไล้ไม่ต่างกับอีกข้างหนึ่งเลย เขาทำเช่นนี้สลับกันไปมากับเต้าทรวงทั้งสองข้างอย่างไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักอิ่ม
“อือ...อืม” เสียงร้องครางของณิชาดังเล็ดลอดออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อถูกเขากระตุ้นสัมผัสมากขึ้นและมากขึ้น แรงต่อต้านถดหายไปทีละนิดๆ ในสมองพยายามคิดว่าเธอมากับเขา เพียงเพื่อที่จะทำงานใช้หนี้ให้เท่านั้น ไม่ใช่ให้เขาทำกับเธออย่างกับผู้หญิงข้างถนน หากความคิดของเธอก็ต้องหยุดชะงัก สมองของเธอคิดอะไรไม่ออกมันว่างเปล่า ไร้ความคิดมีเพียงความรู้สึกซาบซ่านที่เขาเป็นผู้จุดประกายเท่านั้น
‘ เมื่อวานก็รัก...วันนี้รักเธอ...พรุ่งนี้ก็รักเธอ...เพราะใจที่มีเธอ ไม่มีอีกแล้วใครจะมาเข้าใจฉันได้ดีอย่างเธอ...ตอบแทนเธอรักเดียวใจเดียว’
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วของณิชาดังขึ้นเรียกสติให้กับเจ้าของโทรศัพท์ สาวที่กำลังเสียเปรียบเริ่มดิ้นรนไปมา ณิชาใช้กำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดผลักร่างที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำของเขา รัฐกฤตญ์ที่กำลังเพลิดเพลินกับทรวงอกสล้างไม่ทันได้ตั้งตัวเมื่อถูกมือนุ่มผลักเต็มแรง ทำให้ร่างหนาเซไปติดประตู ณิชาจึงฉวยโอกาสนี้ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าถือใบย่อม เมื่อคว้าได้ก็ยกดูหมายเลขปลายทางก่อนจะกดรับสาย โดยมีสายตาอันหื่นกระหายมองทรวงอกที่เจ้าตัวไม่รู้เลยว่าเวลานี้เธออยู่ในสภาพไหน ณิชามองตามสายตาของเขาจึงรู้ว่าเสื้อแจ็กเก็ตของตนนั้นได้แยกออกจากกัน เธอจึงรวบสาบเสื้อให้ชิดติดกันด้วยมือเพียงมือเดียว ใบหน้าแดงซ่านเมื่อความอายมาเยือน
“ค่ะพี่พล” ณิชาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆเจ้าของเสียงหวานเริ่มไม่ปกติ เมื่อหูได้ยินชื่อของบุคคลที่โทรศัพท์มาเพราะเป็นชื่อเดียวกับที่หญิงสาวบอกว่า ‘แค่สามปีพี่พลเขารอได้’ เขาจึงขยับร่างเข้ามาใกล้
...ใกล้จนเธออึดอัด
“พี่พลอยู่ไหนคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามเสมือนอยู่คนเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านข้างเริ่มหน้าตึง เธอสนทนากับธนาพลตามปกติราวกับว่าไม่มีร่างของรัฐกฤตญ์นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย น้ำเสียงของณิชายามที่โทรศัพท์หวานหยดจนคนที่นั่งข้างๆ เริ่มหมั่นไส้และไม่พอใจ หัวใจมันคันๆ ยุบยิบเหมือนมดไต่
“คิดถึงสิคะ” ประโยคนี้เองที่ทำให้รัฐกฤตญ์ทนไม่ไหว คว้าโทรศัพท์จากมือของณิชา ก่อนจะกดให้เสียงออกมาทางลำโพง เพราะเขาต้องการได้ยินการสนทนาของผู้ชายคนนั้นด้วย ณิชาอยากจะกรีดร้องให้ลั่นรถกับการกระทำเอาแต่ใจของเขา
“ณิชาทำอะไรอยู่คะ ดึกแล้วนะทำไมยังไม่นอน” ปลายสายที่อยู่ที่ประเทศสวีเดนดังมาตามสาย ถามไถ่คนที่ตัวเองรักด้วยความห่วงใย
“ณิชาอยู่กับเพื่อนค่ะ พอดีออกมาสังสรรค์กัน” ณิชาโกหกคำโต
“คิดถึงณิชาจังเลย อยากกลับไปกอดณิชามากเลยรู้ไหม” ธนาพลทำเสียงออดอ้อนผ่านทางโทรศัพท์ คนฟังสองคนที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งมีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ณิชารู้สึกอิ่มเอมกับคำพูดของเขา แต่อีกคนหนึ่งกำลังโกรธจนแทบอยากจะฆ่าผู้ชายที่เธอกำลังสนทนาด้วย
“ณิชาก็คิดถึงพี่พลเหมือนกันค่ะ”
“เสียงอะไรน่ะณิชา” ธนาพลเอ่ยถามเพราะเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ณิชาหันมามองทางต้นเสียงภาพที่เธอเห็นคือใบหน้าของรัฐกฤตญ์แดงก่ำด้วยความโกรธ กรามทั้งสองข้างขบกันจนโหนกแก้มมีเส้นเลือดขึ้นจนเป็นสันนูน และไอ้เสียงที่ว่าก็คือเสียงกัดฟันของเขา ณิชาเห็นท่าไม่ดีเธอต้องทำอะไรสักอย่างเพราะไม่อยากให้ธนาพลรับรู้ว่า เธอเผลอใจให้ชายอื่นได้ถึงเนื้อถึงตัว ถ้าหากธนาพลจะรู้ก็ขอให้รู้จากปากเธอมากกว่าที่เขาจะรู้จากปากของคนอื่น
“อ๋อ!!” เธอทำเสียงสูง “เสียงหมาน่ะค่ะ พอดีณิชาอยู่ใกล้หมามันกำลังกัดกันอยู่ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่พล พอดีหมาแถวนี้มันดุ เพื่อนณิชารออยู่แล้วค่อยคุยกันใหม่นะคะ”
“จ้ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ พี่รักณิชานะ” ธนาพลพูดส่งท้ายประโยคนี้ทุกครั้งที่โทรศัพท์คุยกัน
“ค่ะ ณิชาก็รักพี่พลค่ะ” ยังไม่ทันที่ณิชาจะกดตัดสายทิ้ง มือของคนเอาแต่ใจก็คว้าโทรศัพท์ของเธอไปหน้าตาเฉย ณิชาจึงยื้อแย่งโทรศัพท์จากมือหนาการยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาในครั้งนี้เรียกเหงื่อให้ทั้งคู่ได้ดีทีเดียว
“เอามานะ คนบ้าเอาโทรศัพท์ฉันคืนมานะ” ณิชาเอามือทุบไปที่ลำแขนของเขาหลายครั้ง
“ไม่ให้ กล้ามากนักที่บอกว่าฉันเป็นหมา” รัฐกฤตญ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่รู้ว่าตัวเองโกรธที่ถูกเรียกว่าสุนัข หรือว่าโกรธที่ณิชาพูดกับผู้ชายคนอื่น แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกโกรธและไม่พอใจที่สาวตรงหน้าจะพูดจะคุยกับชายอื่น ข้อนี้รัฐกฤตญ์ก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“ทำไมจะพูดไม่ได้ ฉันไม่ได้ว่าคุณซะหน่อย ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อคุณเลยสักคำเดียว คุณอยากรับว่าคุณเป็นหมาก็ตามใจ”
“แหม...มันก็พอกันนั่นแหละ เมื่อกี้ใครก็ไม่รู้ร้องครางเอ๋งๆ อย่างกับหมาเวลาฉันทำอะไรต่อมิอะไร จนหูฉันแทบแตก”
คราวนี้ณิชาร้องกรี๊ดออกมาดังลั่นรถ กระโจนร่างหาร่างกำยำของเขาเอามือทั้งสองข้างบีบที่ลำคอของเขาที่เธอแทบกำไม่มิด ออกแรงบีบจนสุดกำลังปากก็บริภาษไปด้วย
“ผู้ชายอะไรนิสัยไม่ดี ฉวยโอกาส เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ไอ้บ้ากาม ไอ้ลามก เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ ไอ้ผู้ชายปากไม่ดีอย่างนี้มันน่าฆ่าให้ตายนัก ไอ้....”
“โอ๊ย!!...พอแล้ว เดี๋ยวพ่อจูบให้ขาดใจดีไหมเนี่ย” ได้ผลมือที่กำลำคอเขาอยู่คลายออกโดยอัตโนมัติ เขาจึงฉวยโอกาสนี้ดันร่างของเธอให้นอนราบไปที่เบาะอีกครั้ง ก่อนจะเอาตัวของเขาทาบทับไม่ให้เธอขยับได้