บทที่ 3
ดวงตาสองคู่สบตากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ณิชาหัวใจเต้นรัวและเร็วเพราะไม่เคยใกล้ชิดกับชายแปลกหน้าคนไหนระยะใกล้เท่านี้มาก่อน ความรู้สึกตอนนี้แตกต่างกับความรู้สึกยามที่ได้ใกล้ชิดธนาพลคู่รักของเธอ อ้อมแขนของธนาพลอบอุ่น แต่อ้อมกอดของเขาคนนี้มันร้อนเหมือนมีไฟมาแผดเผา ร้อนจนเธออยากจะผลักไสไปให้ไกลๆ
รัฐกฤตญ์มีความรู้สึกบางอย่างวิ่งเข้ามาภายในจิตใจเมื่อได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้ เหมือนมีพลังดึงดูดให้เขาตกอยู่ในอาการเคลิบเคลิ้ม หลุบสายตามองมาที่จมูกเรียวเล็กเลื่อนต่ำลงไปอีกนิดก็ถึงริมฝีปากบางสีชมพูอวบอิ่ม ดูเย้ายวน
และเชิญชวนจนเขาอยากจะสัมผัส
“ปล่อยนะ บอกให้ปล่อย” เสียงของณิชาดังขึ้น ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ที่จมดิ่งลงไปลึกเพียงแค่ได้ใกล้ชิด ได้มองริมฝีปากน่าจูบของเธอ
“เลิกพูดซะที รำคาญ”
“จะให้เลิกพูดก็ได้ ปล่อย...” ยังไม่ทันที่ณิชาจะพูดจบประโยค เสียงที่จะถูกเปล่งออกมาก็ถูกปิดกั้นด้วยริมฝีปากหนาของชายร่างโต ที่บดเบียดเรียวปากบางอย่างเร่าร้อนดุดัน ณิชาพยายามส่ายหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่กำลังแผดเผาเรียวปากของตนเองอยู่ ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากมือหนาข้างหนึ่งของเขาละจากเอวบางมาจับที่ท้ายทอยของเธอ เพื่อไม่ให้คนที่ไร้ซึ่งอิสรภาพขยับหรือส่ายหน้าหนีเรียวปากของเขา ณิชาจึงจำยอมรับจูบของคนแปลกหน้าด้วยความไม่เต็มใจ
รัฐกฤตญ์ยังคงหาความหวานนุ่มละมุนลิ้นจากเรียวปากสวยของเธอต่อไป โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างว่าในห้องนี้จะมีใครอยู่หรือไม่ ต่างจากณิชาที่บัดนี้ใบหน้าแดงระเรื่อ สมองของเธอทำงานน้อยลงอาการมึนงงเข้ามาแทนที่ จนนึกไม่ออกว่าเธอมาที่นี่ทำไม เขากัดริมฝีปากล่างของสาวร่างสวยค่อนข้างแรง ทำให้เธออ้าปากโดยอัตโนมัติ รัฐกฤตญ์ได้โอกาสพุ่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดดูดดึงเรียวลิ้นนุ่ม แลกรัดอย่างเจนจัดจนร่างสาวอ่อนล้า ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงราวกับว่ากำลังจะหยัดยืนอยู่ที่พื้นไม่ได้ เป็นเวลานานหลายนาทีกว่าเขาจะถอนจุมพิตออกอย่างแสนเสียดาย ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองใบหน้าสวยหวานของณิชา ไล่ตั้งแต่ดวงตาหยาดเยิ้มเหมือนคนเคลิ้มฝัน ใบหน้าแดงระเรื่อจนถึงลำคอ เรียวปากสีชมพู
บวมขึ้นเพราะสัมผัสการจูบของเขา รัฐกฤตญ์อาศัยจังหวะที่เธอไม่ทันตั้งตัว จับร่างสาวให้นอนราบไปที่พื้นพรมของโรงแรม แล้วเอาตัวเขาเกยทับ โดยหันหลังให้น้องชายและลูกน้องของเขา
“เธอแพ้แล้ว” รัฐกฤตญ์พูดกระซิบอยู่ที่ริมหูของณิชา ก่อนจะไล้ปากหนาไปตามผิวแก้มนวลระเรื่อ ฝังจมูกสูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอดหนึ่งครั้งเหมือนณิชาจะตั้งสติได้ สะบัดศีรษะเพื่อไล่ความงุนงง มองใบหน้าคมหล่อด้วยสายตาที่ไม่พอใจและแค้นเคือง
“ขี้โกง...คุณขี้โกงอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าสู้ เขาเรียกว่าฉวยโอกาส” คนเสียเปรียบพูดพร้อมกับจ้องหน้า ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ นึกขำกับคำพูดของเธอ
“ใครขี้โกง ฉันบอกกับเธอว่าถ้าใครคนใดคนหนึ่งล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้นก่อนถือว่าแพ้ แต่ฉันไม่ได้บอกนี่นาว่าด้วยวิธีไหนนี่” รัฐกฤตญ์ตอบอย่างคนเจ้าเล่ห์ ณิชามองหน้าชายหนุ่มอย่างนึกโมโหตัวเองที่หลงกลเขาอย่างไม่น่าให้อภัย
“ไม่...ฉันไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้” ณิชาพูดพร้อมกับสบตารัฐกฤตญ์อย่างไม่เกรงกลัว
“แต่ฉันว่าเธอต้องยอม เพราะอะไรรู้ไหม” รัฐกฤตญ์ยิ้มที่มุมปากเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่า ณิชาเกลียดเวลาที่เขายิ้มแบบนี้ที่สุด แล้วก็เกลียดผู้ชายตรงหน้านี้ที่สุดเช่นกัน
“บอกแล้วไงว่าไม่ยอม...ปล่อยนะปล่อย” ณิชาพูดพร้อมกับดิ้นรนหนีอ้อมแขนที่รัดเธอแน่น และยิ่งร่างกายที่
ใหญ่โตของเขาทาบทับร่างของเธอครึ่งหนึ่ง ทำให้เธอไม่สามารถหลุดพ้นจากอ้อมแขนของเขาได้
“อ้อ...ฉันลืมบอกเธอไป ตอนนี้พ่อและน้องสาวรวมทั้งลูกน้องของเธออยู่ในกำมือของฉันเรียบร้อยแล้ว” ณิชามองหน้าผู้พูดอย่างตกใจ เป็นไปไม่ได้มันไม่จริง ป่านนี้เรียวคงพาน้องสาวของเธอไปอยู่ที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
“โกหก...คุณโกหก”
“ฉันจะโกหกเธอไปทำไม เธอคิดเหรอว่าฉันจะยอมให้คนที่เข้ามาหยามฉันถึงที่เดินออกไปจากโรงแรมของฉันได้อย่างสบายใจ”
ใช่...ณิชาลืมคิดถึงข้อนี้ไป เพราะเธอมากับเรียวเพียงแค่สองคนเท่านั้นเพราะไม่อยากให้บิดาเลี้ยงและมารดารู้เรื่อง และยิ่งโรงแรมนี้เป็นของเขาด้วยแล้ว ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ทำไมเธอลืมคิดไป เธอไม่เคยหละหลวมเลยแม้สักครั้งเดียวครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คิดไม่รอบคอบ อาจเป็นเพราะเธอพะวงเรื่องที่จะมาช่วยน้องสาว จึงลืมคิดบางเรื่องบางอย่างไป
“คุณทำแบบนี้ทำไม น้องฉันไม่เต็มใจแต่งงานกับน้องชายของคุณ คุณเองก็รู้ แล้วคุณทำอย่างนี้ทำไม” แล้วก็ใช่อีก เขารู้ว่าพิชานันท์ไม่มีความเต็มใจที่จะแต่งงานกับรัฐศาสตร์ แต่ความที่รักน้องและคำสัญญาที่รัฐศาสตร์ให้ไว้กับเขา
ทำให้พี่ชายคนนี้ทำสิ่งนี้ขึ้นมาเพื่อน้องชายจะกลับเนื้อกลับตัว เลิกเที่ยวเตร่ และจะเข้ามาช่วยงานที่บริษัทหากได้แต่งงานกับพิชานันท์
“ใช่ฉันรู้...แต่ฉันจะทำ ใครจะทำไม” รัฐกฤตญ์ตอบอย่างไม่สนใจอะไรไม่สนใจความรู้สึกของใคร
“คุณมันทุเรศที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ถ่อยสถุล หยาบคาย บ้าอำนาจชั่วช้าสามานย์” ณิชาต่อว่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ด้วยมันเป็นเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้ที่เธอสามารถทำได้ เพราะร่างกายของเธอถูกโอบรัดด้วยร่างกายของเขา จนเธอไม่สามารถทำอะไรได้ คงจะมีเพียงทางเดียวที่เธอเป็นอิสระก็คือเรียวปากสวยอวบอิ่ม เธอจึงใช้มันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด