บทที่ 1
ณิชาแหงนมองดูตึกสูงของโรงแรมเชอร์รีตัน แกรนด์ สถานที่จัดงานแต่งงานของพิชานันท์ผู้เป็นน้องสาว สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ชั้น 49 นานกว่าสิบนาที เหมือนกำลังคิดและตัดสินใจอะไรบางอย่าง ความรักและผลลัพธ์ที่จะตามมาตีกันยุ่งภายในสมองของเธอ หากทำงานครั้งนี้สำเร็จน้องสาวสุดที่รักก็จะหลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ไม่สิไม่ใช่มันเป็นการบังคับขู่เข็ญกันมากกว่า หากเธอรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านี้งานแต่งงานในวันนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น
“คุณณิชาแน่ใจนะครับว่าจะทำแบบนี้ เรียวถามณิชาที่เป็นทั้งเจ้านายและน้องสาวรวมทั้งเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง เพราะเขาไม่เคยเห็นณิชาคิดหนักเท่านี้มาก่อน
“แน่ใจสิพี่เรียว เรามาไกลเกินว่าจะกลับแล้วนะคะ” ณิชาพูดด้วยรอยยิ้ม หากเรียวคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ฝืนธรรมชาติไม่ได้มาจากความจริงใจเพราะเขารู้ว่าเจ้านายสาววิตกกังวลเรื่องใด คนที่เจ้านายสาวต่อกรด้วยเป็นผู้มีอิทธิพลที่ยากจะเข้าถึง โหดร้าย เย็นชาและเหี้ยมเกรียม สามารถกำจัดศัตรูที่มาแผ่วพานให้หายสาบสูญได้อย่างไร้ร่องรอย เงียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง จนได้ฉายาว่าพญาอินทรีมัจจุราช
ณิชาก้าวเดินเข้าไปภายในตัวโรงแรมด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว เธอยอมรับผลลัพธ์ที่จะตามมาทุกรูปแบบ ขอให้น้องสาวของเธอหลุดพ้นจากขุมนรกที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก และแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้น 49 ณิชาก้าว
ออกมาจากลิฟต์ วันนี้เธอสวมแจ็กเก๊ตหนังสีดำพอดีตัวกับกางเกงหนังสีเดียวกันดูกระฉับกระเฉงและคล่องตัว คำรณลูกน้องหนึ่งในสี่ของเจ้าของงานที่อยู่ด้านนอกห้องจัดเลี้ยงมองเห็นณิชาที่เดินเข้ามาตรงจุดที่ตนนั่งอยู่ ท่าทางของหญิงสาวคนนี้ดูไม่เป็นมิตรและไม่น่าไว้ใจเลย
“มีบัตรเชิญหรือเปล่าครับ” คำรณเอ่ยถามเมื่อพาร่างสูงโปรงของตนเข้าขวางร่างหญิงสาวที่เดินตรงดิ่งมาหาเขา
ณิชายิ้มก่อนจะตอบว่า “ไม่มี...มีแต่ไอ้นี่”
ไอ้นี่ที่ว่านี้ก็คือละอองน้ำที่ถูกปล่อยออกมาจากขวดสเปรย์ขวดเล็ก ณิชาจงใจฉีดเข้าที่ปลายจมูกของอีกฝ่าย ไม่ถึงสิบวินาทีร่างของลูกน้องก็ลงไปนอนนิ่งสนิทอยู่ที่พื้น ชายอีกสามคนเห็นว่าเพื่อนของตนลงไปนอนกับพื้นต่างกรูเข้ามาหาเธอพร้อมกัน หนึ่งในสามพยายามจะจับที่ข้อมือของเธอ แต่เธอใช้เท้าที่สวมด้วยรองเท้าหนังส้นเตี้ยกระแทกไปบนหน้าอกของชายคนนั้นก่อนที่คู่ต่อสู้จะเข้าถึงตัว จากนั้นก็ลอยตัวขึ้นสูงใช้เท้าเสยเข้าที่ปลายคางอย่างแรงและหนัก
หน่วงจนอีกฝ่ายสลบไป เหลือชายอีกสองคน คนหนึ่งเตี้ยอีกคนหนึ่งสูงพวกเขาสองคนเดินเข้ามาหาณิชาจากด้านขวาและซ้าย ณิชารอจังหวะให้ชายทั้งสองเข้ามาใกล้เธออีกนิดและอีกนิด จนกระทั่งเข้ามาถึงระยะที่ละอองน้ำจากยาสลบจะมีประสิทธิภาพสูงสุดไม่เกินหนึ่งเมตร เธออาศัยความไวฉีดสเปรย์เข้าที่โพรงจมูกของชายทั้งสอง แต่ระยะห่างเกินกว่าหนึ่งเมตร ยาสลบออกฤทธิ์ไม่เต็มที่ สาวนักสู้จึงใช้สันมือกระแทกเข้าไปที่ต้นคอของทั้งสองที่มีอาการสะลึมสะลือไร้เรี่ยวแรง จนในที่สุดชายทั้งสองก็ลงไปนอนนิ่งกับพื้น ณิชามองดูร่างของคนทั้งสี่ ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูขนาดใหญ่ เพื่อเดินเข้าไปรับน้องสาวของเธอ
บานประตูห้องจัดเลี้ยงถูกเปิดออก ร่างของหญิงชุดดำที่ดูแล้วไม่เป็นมิตรก้าวเดินเข้ามาในห้องเพียงคนเดียว ณิชาเลือกเวลาสามทุ่มในการมารับตัวน้องสาว เป็นเพราะบรรดาแขกผู้มีเกียรติเริ่มทยอยกันกลับหมดแล้ว ที่หลงเหลือ
อยู่ในห้องจัดเลี้ยงก็มีเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว พี่ชายของเจ้าบ่าวและลูกน้องร่วมสามสิบคน นี่แหละคือปัญหาของณิชา เพราะเธอรู้ว่างานนี้หนักหนาสาหัสมากกว่างานไหนๆ หลายร้อยเท่า
“พี่ณิชา” พิชานันท์ร้องเรียกชื่อพี่สาวคนเดียวของเธอ ความดีใจและรอยยิ้มแห่งความดีใจอาบทั่วใบหน้า เป็นรอยยิ้มแรกของเจ้าสาวในวันนี้ ตั้งแต่เช้าพิชานันท์ไม่มีรอยยิ้มให้กับใครเลยแม้กระทั่งบิดาของเธอเอง คงไม่มีผู้หญิงคน
ไหนยิ้มอย่างมีความสุขกับการบีบบังคับให้แต่งงาน พิชานันท์สะบัดมือออกจากมือหนาของรัฐศาสตร์เจ้าบ่าวของงานที่
เกาะกุมมือสาวตลอดเวลา ราวกับกลัวว่าเธอจะหนีหายไปไหน จากนั้นก็ก้าวเท้าวิ่งไปหาพี่สาวที่ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก
“พี่มารับนันท์แล้วใช่ไหม” พิชานันท์กอดร่างพี่สาวแนบแน่น ก่อนจะปล่อยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจไหลรินออกมาอาบสองแก้ม
“ใช่ พี่มารับนันท์แล้ว” ณิชาตอบน้องสาว แต่สายตาเธอจับจ้องอยู่ที่กลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบยืนอยู่เบื้องหน้า พวกเขามองมายังร่างของณิชาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายซึ่งเธอเองก็ไม่หวาดหวั่นกับสายตาหลายคู่นั้นอยู่แล้ว คงจะมีเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่ทำให้ณิชารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มันดูร้อนแรงดุจเปลวเพลิงหากแฝงความเย็นชาดุจน้ำแข็งในคราเดียวกัน