บทที่ 1 จะแต่งงานหรือจะบริหารโรงแรม
"จะเอายังไง เจ้าคิน! เรียนก็จบมาแล้ว น้องไปฝั่งไทย แกก็ควรจะช่วยพ่อฝั่งนี้โว้ย" นายใหญ่ผู้เป็นผู้พ่อบุญธรรมพูดอย่างเดือดดาล
"แต่นายน้อยยังไม่แข็งแรงนะครับท่าน" หนุ่มหล่อหน้าใสไทยแท้ ยกข้ออ้างที่ตนมีขึ้นให้เหตุผล
"กูรู้เว้ย เพราะงั้นแกต้องขึ้นบริหารงานที่นี่ ไม่ใช่วิ่งตามเป็นผู้ช่วยน้องอย่างเดียว" นายใหญ่ยังเสียงดังใส่ลูกบุญธรรมหนุ่ม
"แต่ผม..." "อัลเฟรดคะ คุณไม่สุภาพกับลูกนะคะ" ชายหนุ่มกล่าวได้แค่นั้น คุณหญิงอรนราก็รีบเข้ามาห้ามศึกพร้อมทั้งดุสามีเรื่องใช้คำไม่สุภาพกับลูกชายบุญธรรมของเธอ
"ก็ดูมันสิ อะไรก็ไม่ ให้บริหารโรงแรมก็ไม่ ให้ไปดูกาสิโนที่ฮ่องกงก็ไม่ มันจะตามน้องมันอย่างเดียวเลย" นายใหญ่พูดกับภรรยาเสียงอ่อยเชิงฟ้องเมื่อลูกชายบุญธรรมปฏิเสธสิ่งที่เขาตั้งใจยกให้
"ก็ผม..." ชายหนุ่มอึกอัก เพราะสิ่งที่ผู้มีพระคุณบังคับยัดเยียดให้มันคือหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมห้าดาวกลางเมืองมิลานและตำแหน่งท่านประธานที่จะต้องสืบต่อจากพ่อบุญธรรมของเขา
"เฮ้ย... รับ ๆ ไปเถอะ เผื่อกูตายมึงจะได้ไม่เหงาไง" น้องชายต่างสายเลือดเดินเข้ามาตบไหล่พูดกับพี่ชายบุญธรรมที่เขารักไม่ต่างจากสายเลือดเดียวกันเบา ๆ
"ปากนะ... นายน้อย" หันไปทำตาดุใส่น้องชายที่เขามักจะเรียกแบบนี้ถ้าหากมีคนนอกหรือการ์ดอยู่ภายในบ้านด้วย
"นั่นสิลูก... ช่วยพ่อเขาทำหน่อยนะคะ" คุณหญิงพูดกับลูกชายบุญธรรมเสียงอ่อนเสียงหวาน
"ผมยังไม่พร้อมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแข็งยืนกรานกลับทันที
"งั้นเอางี้ค่ะ รอน้องมันนาน แม่หาเมียให้พี่คินแต่งงานไปเลยดีกว่า ว่าง ๆ แม่อยากเลี้ยงหลาน" คุณหญิงว่าตาเป็นประกายจินตนาการถึงหลานตัวน้อย ๆ อย่างบรรเจิด
"ไม่ ๆๆ ครับ ผมยังไม่อยากแต่งงาน" ชายหนุ่มปฏิเสธเร็วรัวทันที
"งั้นเอางี้ เอ็งเลือกเอา จะแต่งงานหรือบริหารโรงแรม ถ้าอึกอักกูจะให้แต่งงาน" นายใหญ่ยืนมือไขว้หลังพูดเสียงดัง
"อัลเฟรดคะ พูดไม่เพราะกับลูกนะคะ" คุณหญิงดุสามีอีกรอบเรื่องการพูดจากับลูกชายของเธอ เรียกรอยยิ้มให้บรรดาการ์ดที่ยืนคอยรับงานอยู่ภายในบ้านได้แต่เช้า
"ที่รัก~~ ลูก ๆ มันโตแล้ว เจ้าคินมัน 25 แล้วนะไม่ใช่ 4 ขวบ" นายใหญ่แย้งภรรยาอย่างอ่อนอกอ่อนใจในความกลัวที่ลูกชายจะจำคำหยาบไปจากตน
"ไม่รู้ล่ะ ลูกจะจำค่ะ (มองค้อนสามีวงใหญ่) ว่าไงคะลูกเอาโรงแรมหรือเอาเมียคะ" แล้วหันไปพูดกับลูกชายบุญธรรมเสียงอ่อนเสียงหวานแกมบังคับให้เลือก
"มีเมียไปเล้ย..." น้องชายยุส่งให้แต่งงานอย่างอารมณ์ดีที่ได้แกล้งคนเป็นพี่
"งั้น... ผมเลือกโรงแรมแล้วกันครับ ผมยังไม่อยากแต่งงาน" ชายหนุ่มตอบรับเสียงอ่อย ๆ
"ก็เท่านั้นมั้ยวะ กูให้ไปเป็นผู้ถือหุ้นไม่ได้เป็นเจ้าของเว้ย บริหารดี ๆ ละกัน เข้าใจมั้ยไอ้ลูกชาย" นายใหญ่พูดขึ้นอย่างพอใจแล้วเดินมาตบบ่าลูกชายบุญธรรมหนัก ๆ ก่อนเดินออกไป
"ก็แค่บริหารน่า คิดเยอะมึงอะ" น้องชายเดินเข้ามาบอกยิ้ม ๆ แล้วกอดคอพี่ชายเดินเข้าห้องทำงานไปด้วยกัน....
.........//..........
ภายในห้องทำงาน
"เฮ้อ..." ชายหนุ่มนั่งลงถอนหายใจเฮือกใหญ่
"อะไรวะ... แค่บริหารโรงแรมมึงถอนหายใจดังขนาดนั้นเลยหรือคิน" ผู้เป็นน้องชายที่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโซฟายาวเอ่ยขึ้น
"ก็กลุ้มใจนี่หว่า กลัวทำได้ไม่ดีเหมือนที่ท่านทำ จริง ๆ นายก็ทำได้นี่ นายก็จบแล้ว" ผู้พี่โยนภาระให้คนน้องต่อหน้า
"กูยังไม่จบมั้ย... กูป่วยด้วย แล้วก็ต้องดูที่ไทยอีก มึงก็จบพร้อมกันก็แบ่งไปดิ" คนน้องโยนภาระคืนทันทีพร้อมข้ออ้าง
ก๊อก ~ ก๊อก ~
ชายหนุ่มรีบปิดเอกสารลุกมายืนข้างโซฟาที่น้องชายนั่งทันที "เข้ามา!" พลางเอ่ยเสียงเข้ม ๆ ออกไป [เรียกว่าเปลี่ยนโหมดเปลี่ยนโทนเสียงอัตโนมัติเลยทีเดียว]
"คุณคินครับ นายใหญ่ให้เอาเอกสารโอนหุ้นและแต่งตั้งประธานผู้บริหารโรงแรม d มาให้เซ็นครับ" ผู้ช่วยเลขาของนายใหญ่ยื่นเอกสารมาตรงหน้าชายหนุ่มยิ้ม ๆ
"ทำไมมันเร็วแบบนี้ล่ะ ปกติต้องเข้าที่ประชุมก่อนไม่ใช่หรือไง" ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามแต่ยังไม่รับเอกสาร
"ก็ประชุมกันมาตั้งนานแล้วรอแค่แกเซ็นนี่ไง เซ็นซะ!" นายใหญ่เดินเข้ามาออกคำสั่งกับลูกบุญธรรม
"นายใหญ่ครับ ผมเข้าไปบริหารแต่ไม่เข้าไปนั่งโต๊ะได้มั้ยครับ" คินต่อรองยังไม่ยอมรับเอกสารมาจากผู้ช่วยเลขาของนายใหญ่
"กูบอกให้เรียก พ่อ!" นายใหญ่พูดขึ้นเสียงดังจนผู้ถือเอกสารมาสะดุ้ง "แล้วโต๊ะประธานหมาตัวไหนมันจะนั่งเวลาประชุม" นายใหญ่ว่าเคือง ๆ
"ผมจะเข้าประชุมครับ ทำงานปกติแต่แค่ไม่เข้าไปนั่งประจำแค่นั้นเอง นะครับ" คินต่อรองไม่หยุดหย่อน
"เออ...! แล้วแต่ละกัน กูยกให้ไปแล้ว จะรุ่งหรือจะเจ๊งก็ช่างมัน เซ็นซะ อาทิตย์หน้าเข้าประชุมเปลี่ยนบอร์ด" นายใหญ่ตอบอย่างเคือง ๆ พร้อมกับออกคำสั่งลูกชายบุญธรรมผู้ไม่อยากได้ไม่อยากมีอะไรเลยอีกที จนชายหนุ่มต้องถอนหายใจแล้วยื่นมือไปรับเอกสารมาเซ็นให้อย่างจำใจ
"ยินดีด้วยครับท่านประธาน d hotel คนใหม่" คนเป็นน้องลุกขึ้นค้อมหัวให้ผู้เป็นพี่ชายหลังจากที่นายใหญ่และผู้ช่วยเลขาเดินออกไปพ้นห้องทำงานของทั้งคู่
"คืนนี้ฉลองกันมั้ย?" คนน้องเอ่ยเสียงทุ้ม
"พรุ่งนี้นายต้องไปโรงบาล อีก 3 วันกลับไทย งดครับ" ชายหนุ่มตารางของน้องชายพร้อมกับยักคิ้ว การไปโรงพยาบาลของทั้งคู่ถือเป็นเรื่องปกติเพราะคนเป็นน้องมีสารพิษในเลือดต้องรักษาตัวมาแต่กำเนิด ยิ่งโตสารพิษยิ่งผสมกับเลือดเข้มข้นขึ้น ต้องเข้าตรวจและเพิ่มเลือดเสมอ ส่วนคนเป็นพี่ชายบุญธรรมที่มีกรุ๊ปเลือดเดียวกันเขาจะมีหน้าที่สำรองเลือดไว้ให้น้องชายทุกครั้งที่มีโอกาสเสมอเช่นเดียวกัน...
Pakin Introduce
สวัสดีครับ ผม ภาคิน แอนเดรียส อายุ 25 ปี เอาจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่ได้ใช้นามสกุลนี้หรอก ผมเป็นไทยแท้ หน้าไทย ๆ แต่ผิวออกไปทางขาวเหลือง แต่ที่ได้ใช้นามสกุลนี้เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่ท่านรับผมมาอุปการะท่านให้ใช้นามสกุลนี้ครับ ผมมีน้องชายอยู่ 1 คนเป็นลูกของพ่อแม่บุญธรรมของผม เราสองคนถึงจะคนละสายเลือดแต่เราก็กรุ๊ปเลือดเดียวกันครับ ผมรอดมาได้เพราะเลือดที่น้องชายของผมสละให้ในตอนที่ญาติพี่น้องหมดปัญญารักษาจนคิดที่จะบริจาคร่างกายของผมให้โรงพยาบาลไว้ใช้ศึกษา แต่น้องชายของผมขอให้คุณปู่รับผมมารักษาโดยให้เลือดสำรองของเขากับผมแทน ผมเลยรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้และด้วยความที่ผมเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ตาย ผมได้มีชีวิตใหม่จากการช่วยเหลือของครอบครัวแอนเดรียส ผมถึงได้รักและเคารพครอบครัวนี้มาก และเพราะน้องชายผมเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้าห้องปลอดเชื้ออยู่บ่อย ๆ เราจึงเรียนออนไลน์ด้วยกัน แต่ผมก็ได้เรียนหลักสูตรธรรมดาจากโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดและแพงที่สุดในประเทศ ได้รู้จักโลกภายนอกและเอามาสอนน้องชายอีกที เมื่อเช้าผมโดนนายใหญ่ที่เป็นพ่อบุญธรรมของผมเรียกไปคุยเรื่องโรงแรม d ที่ท่านจะโอนหุ้นให้ผมขึ้นบริหาร แต่ผมไม่ได้อยากทำนะผมว่าลูกชายท่านก็มี ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวที่มีแต่ได้กับได้ขนาดนั้น แต่... ถ้าผมไม่ยอมแม่บุญธรรมจะให้แต่งงานนี่แหละ ไม่รู้เจ้าสาวจะหน้าตาเป็นไง เลยจำใจต้องขึ้นบริหารแทนท่านแต่ผมก็สนุกกับการที่ต้องดูแลน้องชายหรือนายน้อยของผมอยู่ เลยขอท่านไม่เข้าไปนั่งประจำแต่จะให้ผู้ช่วยเอางานมาให้ทำที่บ้านแทน แล้วตัวผมก็ไปเป็นผู้ติดตามน้องเหมือนเดิมครับ ^_^