...รักนี้...อยู่ในใจ… บทที่1.
...รักนี้...อยู่ในใจ…
วรดร เขียน
บทนำ...
ความรักเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก...
ฉันหลงรักผู้ชายคนหนึ่งมาตลอดสามปี...
ฉันทำได้แค่แอบมองเขา และแอบเก็บเขาไว้ในใจ
คงทำได้แค่นั้นแหละสำหรับฉันกับเขา เขาผู้ซึ่งนั่งอยู่บนยอดดอย...และฉันที่มองเขาจากก้นเหว
เขาควรเป็นแค่ความทรงจำแสนดีสำหรับฉัน…หากไม่มีเรื่องตลกเกิดขึ้น…ก็คงเป็นได้แค่ความลับในใจเท่านั้นแหละ
เราสองคนเดินผ่านจุดอันตรายนั่นมาด้วยกัน และมีความทรงจำแบบใหม่ที่ฉันไม่อาจลืมได้....เขาโยนความผิดนั้นให้ฉันแบกรับไว้คนเดียว ซึ่งฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาเกลียดฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่ จะเพิ่มอีกสักเรื่องให้เขาเกลียดฉันมากขึ้นก็ไม่เห็นเป็นไร...ฉันทำใจไว้นานแล้ว แต่แล้วทำไมล่ะ คนที่บอกว่าเกลียดฉันนักหนา...ถึงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ฉัน ทำตัวเป็นหมาหวงรางข้าว ไม่ยอมให้ฉันเริ่มต้นใหม่สักที...ทำไม???
บทที่1.ความลับของฉัน
โรม อิตาลี...
นักศึกษาทุนรัฐบาลอย่างฉันใช้เวลาทุกนาทีคุ้มค่าเสมอ เลยไม่เคยมีเวลาว่างคิดเรื่องไร้สาระ ในขณะที่คนรอบตัวฉันใช้ชีวิตนักศึกษากันอย่างสนุกสนาน ฉันกลับต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอดให้ได้ เพราะฉันไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคนอื่นไง แต่ฉันมีความฝัน และความฝันนั่นแหละที่ทำให้ฉันมายืนอยู่ตรงนี้
เกือบสามปีในมหานครแห่งประวัติศาสตร์ ในที่สุดวันแห่งความสำเร็จก็แวะเวียนใกล้เข้ามาทุกขณะ
คนอื่นอาจจะดีใจรีบส่งข่าวกลับบ้าน เพื่อให้คนในครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจ
แต่...ฉัน ไม่มีคนรออยู่ที่บ้านเกิดไง ในหัวฉันเลยมีแต่เรื่องทำมาหากิน ก่อนกลับ ฉันควรมีเงินสักก้อน เพื่อใช้สำหรับการตั้งตัว
วันนี้ฉันเลยอยู่ตรงนี้ กับงานที่ฉันรัก วิชาความรู้ที่ฉันร่ำเรียนมา จะได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ก็วันนี้แหละ
“ธาร...ขายรูปได้บ้างหรือยังล่ะ” เสียงใครบางคนถามอยู่ข้างหลัง ฉันหันกลับไปมอง แล้วก็เผลอยิ้มตาม
เพื่อนนักศึกษาคนเดียวที่ยอมลดตัวมาเป็นเพื่อนฉัน ท่ามกลางผู้คนที่พยายามอยู่ห่างฉันไว้ให้ได้มากที่สุด ฉันไม่รู้ปูมหลังของปุณิกามากนักหรอก เท่าที่รู้ก็ฟังมาจากคำบอกเล่าของคนอื่นๆ เพื่อนของฉันคนนี้ค่อนข้างมีฐานะ แต่ก็ไม่ถึงกับร่ำรวยเป็นคุณหนูไฮโซ เหมือนแฟนของเธอหรอก หมอนั่น เป็นลูกหลานคนดัง มีฐานะร่ำรวยมาก มากเสียจนบางครั้งฉันก็แอบอิจฉาความมั่งมีของเขา
ฉันไม่ใคร่ใส่ใจคนรอบตัวเท่าไหร่หรอกนะ เพียงแต่สองคนนี้ เป็นคนที่มาจากประเทศที่ฉันนั่นแหละ มันเลยเป็นความจำเป็นที่ทำให้ฉันต้องรู้โดยปริยาย
นักศึกษาจากต่างแดนมักจะเกาะกลุ่มกันอยู่ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหงา และคิดถึงบ้านเกิดมากนัก
ซึ่งฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่มของพวกเขาหรอก ฉันไม่ค่อยมีเวลาว่าง ทุกนาทีของฉันต้องใช้ให้คุ้มค่า ไม่อย่างนั้น แม้แต่ที่ซุกหัวนอนฉันก็คงไม่มี
ฉันวิ่งรอกทำงานหลายที่ เพื่อให้มีสตางค์พอสำหรับค่าใช้จ่าย
ฉันสอบชิงทุนมาก็จริง แต่จำนวนเงินที่รัฐบาลช่วยพอแค่ค่าเทอมกับค่ากินอยู่นิดหน่อย ต่อให้ประหยัดมากแค่ไหนก็ไม่มีทางพอ ฉันไม่มีใครสนับสนุนไง ไม่มีครอบครัว โชคดีที่ยังมีบ้านคุ้มหัว แม้จะไม่ต่างจากคนรับใช้สักเท่าไหร่ในบ้านที่ฉันเติบโตมา
ครั้งแรกที่ฉันบอกลุงกับป้า ทั้งสองท่านคัดค้านหัวชนฝา
ฉันเตรียมใจไว้แล้ว เลยหาเหตุผลที่มีมากพอ เพื่อโน้มน้าวญาติผู้ใหญ่
และฉันก็ทำสำเร็จเลยได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ไง วันนี้ ฉันถึงปลายทางที่ฝันไว้แล้ว แต่ไหนๆ ฉันก็มาไกลถึงอีกซีกของโลก ฉันควรมีอะไรติดมือกลับไปบ้างไม่ใช่เหรอ...
“พอได้อะณิกา” ฉันตอบ ขยับเก้าอี้เตี้ยๆ ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้านั่งให้เพื่อนของฉัน “นั่งก่อนไหมล่ะ”
ปุณิกาส่ายหน้าแล้วก็ยิ้มหวาน “ณิกานัดเติร์กไว้น่ะธาร วันนี้เรานัดมาเดตกัน”
ฉันเม้มปาก เสก้มหน้าหลบ หัวใจเต้นช้าลงหน่อยๆ เพราะผู้ชายที่ปุณิกามาออกเดตด้วย คือคนบางคนที่ฉันแอบซุกไว้ในใจ ฉันไม่กล้าเผยอหน้าหรือทำให้ชายผู้นั้นสนใจตัวเองหรอก ฉันกับเขา ยิ่งกว่าก้นเหวกับท้องฟ้าเสียอีก ฉันโชคดีที่ได้รู้จักเขาที่นี่ แต่หากกลับบ้านเกิดเมื่อไหร่...ความโชคดีของฉันคงหมดลงด้วย