บทย่อ
เมื่อประตูห้องปิดลง ต้องจันทร์ก็รวบรวมความกล้า เขย่งปลายเท้านิดหนึ่งเพื่อที่จะเป็นฝ่ายจูบลูกหยีก่อน ลูกหยีนิ่งงันไป เมื่อริมฝีปากนุ่มหอมประทับลงบนริมฝีปากของเธอ ไม่น่าเชื่อว่าแค่สัมผัสบางเบานั้นกลับทำให้ความต้องการของเธอพลุ่งพล่านขึ้นมาได้ และถึงขนาดที่เธอเกือบเผลอจูบตอบไปแล้ว ถ้าเสียงเคาะประตูห้องไม่ดังขึ้นเสียก่อน ลูกหยีได้สติ รีบดันคนตัวเล็กออกอย่างแรง จนต้องจันทร์ที่ไม่ทันระวงล้มลงกับพื้น “โอ๊ย!” เสียงร้องนั้นทำให้ลูกหยีตกใจไม่น้อย รีบก้มลงเพื่อที่จะดึงคนตัวเล็กกว่าขึ้นมา แต่เสียงเรียกของนิสา ทำให้เธอเปลี่ยนใจ รีบหันไปเปิดประตูทันที “ที่รัก มัวทำอะไรอยู่ นิสารอนานแล้วน้า”นิสา คว้ารอบคอของลูกหยีไว้ โดยไม่สนใจต้องจันทร์ ที่นั่งกองอยู่บนพื้น “ขอโทษค่ะที่ให้รอ งั้นเราไปกันเถอะ” พูดจบก็จะก้าวออกจากห้อง แต่ต้องจันทร์รีบคว้าขาเรียวยาวของลูกหยีเอาไว้ “พี่คะ ฉันไม่รู้ว่าพี่มีใครมาก่อน แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา พี่จะไปกับคนอื่นไม่ได้นะ” ต้องจันทร์พูดเสียงสั่น น้ำตาคลอเต็มหน่วยตากลมใส ปลายเท้าเรียวหยุดชะงัก ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง “นิสาคือคนรักของฉันไม่ใช่คนอื่น ทำไมฉันจะออกไปกับนิสาไม่ได้ เรื่องระหว่างฉันกับเธอมันแค่เรื่องลวงโลก! ฉันรักนิสาไม่ใช่เธอ!” .......................................................................... ต้องจันทร์สาวน้อยวัยยี่สิบสอง ที่มีลูกหยี ไฮโซสาวทายาทเจ้าของกิจการอสังหาริมทรัพย์ เป็นไอดอลในใจมาตั้งแต่วัยเริ่มสาว โดยไม่รู้ว่าเป็นลูกเลี้ยงน้าตัวเอง จนวันนึงได้ตอบรับข้อเสนอของน้า ให้ไปเป็นเจ้าสาวของลูกหยี ด้วยข้อเสนอว่าจะคืนสวนทุเรียนให้พ่อกับแม่ของเธอ เธอตอบตกลงเพราะได้ทั้งสวนทุเรียนคืน และได้อยู่กับคนที่ชอบมานาน ทั้งยังมั่นใจในความสวย ฉลาดของตัวเอง โดยเชื่อว่าลูกหยีจะชอบเธอได้แน่นอน แต่!ไม่คิดว่านอกจากความสวยจะช่วยไม่ได้แล้วยังต้องเจอศึกใหญ่ ตั้งแต่วันแต่งงานอีกด้วย เพราะลูกหยีมีคนรักอยู่แล้ว และเกลียดชังน้าของเธอมาก แน่นอนว่าความเกลียดชังนั้นนั้นต้องลามมาถึงเธอแน่นอน เธอยังจะอยู่รอดปลอดภัยกับชีวิตหลังแต่งงานหรือไม่นะ
1คนถือจดหมาย
ตอนที่ 1
คนถือจดหมาย
“ตอนแรกพี่ก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนี้เพราะคิดว่าคงท้องแค่ไม่กี่สัปดาห์แต่ในเมื่อทุกอย่างมันผิดแผนอายุครรภ์เกือบ 2 เดือนไม่มีทางที่พี่จะแต่งงานกับ คุณเขมทัศน์แล้วสวมรอยว่าเขาคือพ่อของเด็กในท้องได้”
ฤดีสองมือปิดหน้าร้องไห้เธอไม่ได้ตั้งใจให้ ทุกอย่างเป็นแบบนี้ แผนการที่หญิงสาวว่างไว้ใน ตอนแรกคือเธอจะรีบแต่งงานกับเขมทัศน์ให้เร็วที่สุดถ้าเธอท้องเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ไม่มีทางที่เขมทัศน์จะสงสัย
“แต่ครอบครัวเรากับเขาต้องผิดใจกัน จะต้องมีปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย เราไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆใช่ไหมคะ”
ทอฝันถามพี่สาวเพราะเธอเองก็คิดไม่ออกว่าจะหาทางออกให้กับเรื่องนี้อย่างไร ครอบครัวของเธอและครอบครัวของเขมทัศน์ต่างกำลังดีใจที่ลูกของทั้งสองบ้านยินยอมแต่งงานกัน ภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ถึงเดือนหลังจากที่ทั้งสองครอบครัวตกลงกันได้แต่กลายเป็นว่าตอนนี้พี่สาวของเธอกำลังจะหนี งานแต่งแล้วฝากให้เธอเป็นคนนำจดหมายฉบับนี้ไปให้เจ้าบ่าว
“ฝันไม่กล้าพี่ฤดีเป็นคนเอาไปให้เองได้ไหมคะหรือไม่ก็ส่งข้อความไปบอกเขาก็ได้”
ทอฝันเมื่อคิดถึงใบหน้าของเขมทัศน์เธอก็อดที่จะรู้สึกประหม่าไม่ได้ด้วยความที่เขาเป็นคนเคร่งขรึมไม่ค่อยพูดและมีอายุมากกว่าเธอตั้งหลายปี
“เชื่อพี่สิว่าการที่ทอฝันเอาจดหมายไปให้กับเขาอย่างน้อยน้องจะได้มีโอกาสพูดให้เขาให้อภัยพี่แต่ถ้าเป็นเพียงแค่การส่งข้อความอาจจะมีหลายอย่างที่เขาอยากจะถามแต่อาจจะตัดสินใจที่จะไม่พิมพ์กลับมา เชื่อพี่นะไม่มีอะไรที่ต้องกลัว”
ฤดีคิดว่าการให้น้องสาวเป็นคนนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้ถึงมือเจ้าบ่าวหากเขามีอะไรที่คับข้องใจหรือต้องการจะต่อว่าเธอ ฤดีมั่นใจว่าทอฝันจะต้องพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจและยอมให้อภัยในสิ่งที่เธอทำลงไป
“เขาจะมาเชื่ออะไรเด็กที่เพิ่งจะเรียนจบอย่างฝัน แค่ทุกวันนี้เวลาที่เขามาหาพี่ฤดีที่บ้านยังแทบจะไม่เคยทักทายหรือพูดคุยอะไรกับฝันเลย”
สาวน้อยพูดโดยเผลอทำเสียงน้อยใจออกมาโดยไม่รู้ตัวเพราะตั้งแต่เขมทัศน์มาที่บ้านของเธอเพื่อเตรียมเรื่องแต่งงานหญิงสาวไม่เคยเห็นเขาจะอยากพูดคุยเกินกว่าคำทักทายตามมารยาท
“จะไปถือสาอะไรพี่เองคุยกับเขาในฐานะว่าที่เจ้าสาวเขายังไม่ค่อยอยากจะพูดอะไร คนพูดน้อยอย่างเขาพี่เชื่อว่าเขาจะต้องเป็นคนมีเหตุผล”
ฤดีโกหกน้องสาวเพราะสาเหตุที่เธอตัดสินใจให้ทอฝันเป็นคนนำจดหมายไปยื่นให้ก็เพราะว่าเธอดูออกว่าคนอย่างเขมทัศน์ผู้ชายพูดน้อยใบหน้านิ่งเฉยแบบนั้นคงเป็นคนที่เจ้าอารมณ์อยู่พอสมควรและเธอก็ไม่ต้องการได้ยินเขาต่อว่า
ทอฝันตัดสินใจยอมเป็นคนนำจดหมายที่ในนั้นเป็นคำบอกลาพร้อมกับคำบอกยกเลิกงานแต่งงานทั้งหมดของพี่สาวไปให้เจ้าบ่าวของเธอทันทีเพราะวันนี้ฤดีตัดสินใจจะหนีออกจากบ้านไปอยู่ที่ไหนสักแห่งโดยที่เธอก็ไม่ได้บอกกับน้องสาวไว้ บอกไว้แค่เพียงว่าเธอจะไปอยู่กับคนรักทั้งที่ความจริงแล้วเธอไม่ได้ไปอยู่กับใคร เธอแค่ต้องการหลบไปคลอดลูก ไปรักษาใจตัวเองเพราะเธอก็ไม่คิดว่าชีวิตจะเป็นแบบนี้ ถ้าเธอไม่ปล่อยตัวพลาดท่าให้ท้อง วันนี้เธอก็จะได้เป็นเจ้าสาวของเขมทัศน์แต่ในเมื่อทุกอย่างเดินมาไกลแบบนี้แล้วเธอไม่อยากจะทำให้ครอบครัวของเธอต้องอายไปกว่านี้ การบอกล้มเลิกงานแต่งงานน่าจะดีกว่าการที่เข็มทัศน์มารู้ความจริงทีหลัง
“มีธุระอะไรสำคัญถึงได้มาหาถึงบริษัทแล้วฤดีล่ะ”
เขมทัศน์ผายมือให้หญิงสาวตรงหน้านั่งลงที่เก้าอี้หน้าเขา ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆห้องเพื่อมองหาว่าที่เจ้าสาวเพราะเขาไม่คิดว่าทอฝันจะ มาหาเขาที่นี่เพียงคนเดียว
“ฝันมาที่นี่คนเดียวค่ะพี่ฤดีไม่ได้มาด้วยแต่ฝากจดหมายฉบับนี้มาให้คุณ”
ทั้งสองต่างมองสบตากัน สำหรับทอฝันแล้วเธอกำลังทั้งรู้สึกตื่นเต้นและกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ เพราะไม่มีทางที่เขมทัศน์จะรู้สึกพอใจถ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้จบลง
“ผมไม่เข้าใจมีอะไรก็แค่ส่งข้อความมา ทำไมจะต้องเขียนเป็นจดหมายทำตัวยุ่งยากกันทั้งคู่เลยรู้ไหม”
เขมทัศน์ยังไม่ทันที่จะเปิดจดหมายอ่าน เขาก็ทำท่าทางไม่พอใจและรู้สึกไม่ถูกใจกับการที่สองพี่น้องทำแบบนี้
จดหมายฉบับน้อยที่มีข้อความเพียงแค่ ครึ่งหน้ากระดาษค่อย ๆ ถูกเปิดอ่านทีละตัวอักษรอย่างช้าๆโดยที่คนอ่านเริ่มหายใจแรงในทุกๆนาทีที่เขากำลังกวาดสายตามองตัวอักษรที่อยู่บนนั้น
เขมทัศน์เงยหน้าจากจดหมายสองมือกำแน่นมือข้างที่ถือแผ่นกระดาษไว้ค่อยๆกำจดหมายฉบับนั้นจนยับคามือ มองสบตาหญิงสาวตรงหน้าแววตาของเขาเอาจริงเหมือนกำลังต้องการคำตอบมากมายแต่กลับไม่มีคำถามออกมาจากปากเขา
“ออกไป ! แล้วอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
ทอฝันไม่คิดที่จะรอฟังประโยคต่อไป เธอ ไม่กล้าพอแม้แต่จะพูดอะไรด้วยซ้ำ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรีบคว้ากระเป๋าและเดินออกจากห้องทำงานของ อีกฝ่าย
เขมทัศน์รีบสะสางงานบนโต๊ะให้เสร็จ เขาตัดสินใจมานั่งร้านอาหารเพื่อฟังเพลงเบาๆจิบเครื่องดื่มเพื่อคลายอารมณ์และคิดหาทางออกกับเรื่องนี้
“ร้ายพอๆกันทั้งพี่ทั้งน้อง ร่วมมือกันดีนักนี่ ใช่ไหม”
ชายหนุ่มไม่ใช่เพียงโยนความผิดทั้งหมดให้กับคนที่เป็นคนผิดจริงๆแต่เขายังเลือกที่จะโยนความผิดให้กับทอฝัน โดยกล่าวหาว่าเธอร่วมมือกับพี่สาวหลอกครอบครัวเขาว่าจะแต่งงานและสุดท้ายก็มาล้ม งานแต่ง ด้วยเหตุผลว่าสุดท้ายเจ้าสาวของเขาท้องกับชายอื่นและเธอก็ตั้งใจที่จะหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ชายหนุ่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเรื่องไหนเป็นเรื่องโกหกแต่เขารู้แค่เพียงว่าเขาต้องหาคนรับผิดชอบแต่ตอนนี้เขาติดต่อฤดีไม่ได้คนเดียวที่เขาจะแก้แค้นได้ก็คงจะเป็นทอฝัน
เขมทัศน์ใช้เวลาในร้านอาหารกับบรรยากาศที่เขากำลังรู้สึกโดดเดี่ยวคิดวางแผนการที่เขาจะเอาคืนผู้หญิงทั้งสองคน

