6.สภาวะหัวใจกำลังอ่อนแอ
6.สภาวะหัวใจกำลังอ่อนแอ
ได้แต่หลับตาปี๋พร้อมแสดงหน้าตาบิดเบี้ยว แอบรู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เกือบจะเห็นดวงดาววิบวับอยู่ล้อมรอบตัวเสียแล้ว สะบัดส่ายดวงหน้ารูปทรงไข่เรียกสติอีกครั้ง ค่อยๆ แหงนใบหน้าอย่างเชื่องช้าชำเลืองมองอย่างพิรี้พิไลว่าตัวเองนั้น
เผลอไปสะดุดหน้าอกของใครเข้าแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ หัวคิ้วเริ่มขมวดจนหน้าผากมีรอยย่นชนกัน ตามด้วยเสียงเอ่ยทักทายจากเขา
"ไม่เจอกันตั้งนานหนูยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ" กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ได้แต่แอบคิดว่าเขาคือใครโดยการเลิกคิ้วสูงถาม เหมือนเขาเองก็รู้สึกตัวเพราะสีหน้าฉันแสดงออกอย่างชัดเจน
"โธ่เอ๊ย~ จำกันไม่ได้จริงเหรอเนี่ย พี่นิรันดร์เองนะจำได้หรือยังครับ เป็นพี่ชายของน้ำตาลคนที่น้องเคยนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่มื้อหนึ่ง" กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ พร้อมทำหน้าตาทะเล้นใส่ เผยรอยยิ้มกว้างอย่างกระตือรือร้น ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอได้ยินชื่อคู่อริเท่านั้นแหละ
สมองที่มักจะไม่เคยจดจำใบหน้าผู้อื่นแบบฉัน ทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆ ตอบกลับเขาเป็นมารยาทเพราะลืมไปหมดสิ้นแล้ว ซึ่งแต่ละปีเจอผู้คนตั้งมากมายใครจะนึกออกกัน พี่ชายของน้ำตาลก็คือผู้ชายคนนี้หรอ หึ~ คงมีเรื่องสนุกให้ทำแล้วสินะ
ของขวัญ : เอ่อ~ สบายดีไหมคะ พอดีบอนไซส่งคนพวกนี้มาให้น่ะ ถ้าพี่ไม่รังเกียจอะไรจะมาร่วมสนุกด้วยกันไหมล่ะคะ
กล่าวถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมยิ้มหวาน ความรู้สึกที่แสดงออกมาให้เขาเห็น คล้ายเหมือนจริงแต่ล้วนปลอมทั้งนั้น ถ้าสนิทกันมากพอคงจะรู้ว่าฉันโกหกอยู่อย่างแน่นอน
นิรันดร์ : เอาสิครับพี่กำลังเบื่ออยู่เลย มาร่วมงานฉลองวันเกิดกับน้ำตาลแค่สองคนพี่น้อง แต่ยัยน้องสาวเอาแต่ทำตัวติดเป็นตังเมกับไอ้บีกิน นี่ของขวัญย้อนหลังนะครับคนสวย~
กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ ยิ้มกว้างหน้าบานเชียวไม่รู้หวังผลประโยชน์อะไร แต่ฉันกำลังคิดใช้เขาพิสูจน์อะไรบางอย่างอยู่ รับสิ่งของมาถือเอาไว้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ รีบเดินตัวปลิวอย่างไม่สนใจอะไรเขาอีก
พวกเรานอนดื่มไวน์แดงสุดแพงซึ่งเขาเตรียมมาเอง ลาภปากมากไม่ต้องเจียดเงินไปซื้อเอง ยิ่งโดนคนขโมยเงินภายในบัญชีไปจนหมดเกลี้ยงด้วย ไม่รู้ว่าดินแดนจะหาที่อยู่ไอ้คนขโมยได้หรือเปล่า สายตาทอดมองบนท้องฟ้าดูดวงดาวพร้อมลมกระโชกแรง ยังดีเปลี่ยนชุดหนามาด้วยถึงไม่ได้หนาวอะไรมาก แต่ขนลุกซู่จนขึ้นเป็นตุ่มราวกับผิวหนังของไก่เลย
นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ซึ่งเป็นแบบนั่งหรือจะนอนก็ได้ พวกผู้ชายที่ยัยบอนไซส่งมา ทั้งคอยนวดและคอยบริการเป็นอย่างดี เหมือนครั้งนี้เธอไม่ได้เล่นพิเรนทร์อะไรอีกแล้ว
ทำให้รู้สึกสบายใจไม่กดดันอะไร เอาแต่ทบทวนเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมา หาทางเชื่อมโยงแต่ละจุดเข้าด้วยกัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์เสียจริงๆ ก่อนจะถอนหายใจแรงออกมา
นิรันดร์ : เบื่อแล้วเหรอครับ ถอนหายใจดังเชียว~
กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติเลิกคิ้วสูงถาม เพราะเห็นฉันนอนถอนหายใจอยู่ด้านข้าง
ของขวัญ : เครียดเรื่องงานน่ะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
กล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมฝืนฉีกยิ้มกว้างให้ แต่เขาแค่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมให้แทนเสียอย่างนั้น ได้แต่แอบสงสัยเขาทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ ต้องการจีบฉันหรือเปล่าเนี่ย
นิรันดร์ : เห็นลูบแขนอยู่เมื่อสักครู่ พี่เลยคิดว่าหนูน่าจะหนาวจึงถือวิสาสะเอาเสื้อให้ ถ้าไม่รังเกียจก็ฝืนใช้ไปเถอะครับ ใช้เสร็จค่อยเอามาคืนพี่ครับ
กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ แววตาจ้องมองคล้ายไม่ได้คิดอะไร แต่ความรู้สึกของฉันก็เริ่มสับสน เพราะมันแอบหวาดระแวงเขาอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นแขกไม่ได้รับเชิญ เร่งฝีเท้าเดินพรวดพราดเข้ามาใกล้ก่อนจะพูด
บีกิน : ถ้าอากาศหนาวมากก็ต้องใช้ผ้านวมสิครับ แค่เสื้อสูทจะกันอะไรได้มาก ปัญญาอ่อนชะมัด! ใครไม่เกี่ยวรีบออกไปกันให้หมดเลยนะ หึ~
กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ออกปากไล่ผู้ชายที่บอนไซส่งมาให้ เอื้อมมือหยิบเสื้อสูทโยนทิ้งลงพื้นพร้อมเอาผ้านวมมาคลุมร่างกายให้ฉันแทน ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นชุดสูทอย่างเป็นทางการ เหมือนจะรีบไปทำธุรกิจเสียอย่างนั้นแหละ
นิรันดร์ : ไม่อยู่กับยัยน้ำตาลแต่มาหาผู้หญิงคนอื่น มึงนี่เป็นผู้ชายหลายใจเหลือเกินนะ หึ~
กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองแทนน้องสาวตน
บีกิน : เธอเมาหลับสนิทอยู่ภายในห้องพักแล้ว จะพากลับไปด้วยกันเลยก็ได้นะ เพราะกูก็จะไปแล้วไม่ว่างดูแลเธอหรอก แก๊งมึงเกิดปัญหารู้บ้างหรือเปล่าเถอะ มัวแต่เต๊าะสาวอยู่ได้เนี่ย น่าขำสิ้นดี~
กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยกยิ้มมุมปากคล้ายคนร้ายกาจเสียอย่างนั้น
ฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเขาอีก กำลังแอบเดินหนีไปเตรียมเข้าห้องพัก เหมือนจะแยกกันไปหมดแล้ว เนื่องจากได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบบนพื้นเรือจนดังลั่น พอประตูเปิดอ้าก็วิ่งเข้าภายในห้องพักทันที
กำลังฝืนปิดประตูห้องลง แต่มือหนาออกแรงผลักตัวเองแทรกผ่านเข้ามา ได้แต่หรี่ตามองพร้อมยืนกอดอกมองอย่างไม่พอใจ
บีกิน : หนูคันมากนักเหรอ! ถึงได้ตาต่ำคิดจะเอากับไอ้นิรันดร์น่ะ พวกนั้นคิดเข้าหาเพราะอะไร หนูเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจหรอกนะ ทำไมจะต้องให้พูดด้วยล่ะ
กล่าวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กดล็อกลูกบิดได้ก็ก้าวขายาวเดินปรี่มาหาอย่างรวดเร็ว ข้อมือเล็กถูกกระชากกำจนเกิดรอยแดงขึ้นตามง่ามเรียวนิ้วที่บีบแน่นคล้ายจะโกรธจัด อาการเช่นนี้ทำให้ฉันแอบรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เขาใช้อารมณ์อย่างนี้
ของขวัญ : โอ๊ย~ ปล่อยนะหนูเจ็บค่ะ! พี่เป็นบ้าอะไรเนี่ยพวกเราเป็นอะไรกันเหรอคะ แฟนพี่นอนอยู่ภายในห้องพักแต่ออกมาวอแวกับผู้หญิงคนอื่น ใครเขาจะมองไม่ดีเอาได้นะคะแบบนี้
พูดเสียงห้วนๆ เพราะเริ่มหงุดหงิดเขาตั้งแต่ร้านเปลี่ยนชุดแล้ว แถมได้ยินพี่ชายน้ำตาลกล่าวเต็มสองรูหู ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันควรจบได้แล้วจริงๆ
ดวงตาร้อนผ่าวจนน้ำตาคลอเบ้าเตรียมจะไหล ไม่รู้เป็นเพราะฉันยังเมาค้างอยู่ หรือเจ็บปวดสาหัสทางใจมากเกินกว่าจะรับไหวกันแน่ คนตัวโตพอเห็นอาการที่เธอแสดงออกมาก็ร้อนรนทำตัวไม่ถูก เริ่มมีสติว่าสิ่งที่ได้กระทำและพูดจา คงเผลอไปกระทบจิตใจคนตรงหน้าอย่างจังเข้าแล้ว
บีกิน : อย่าร้องนะครับคนเก่ง พี่ขอโทษด้วยควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อกี้นี้ นอนพักผ่อนเถอะพี่จะไปแล้ว
โทนเสียงนุ่มลึกกล่าว พร้อมยกฝ่ามือหนาลูบละไล้เกลี่ยเช็ดคราบน้ำตา ซึ่งมันได้ไหลอาบเปียกชุ่มสองแก้ม ความอบอุ่นจากเขาเช่นนี้ อยากจะยื้อเอาไว้อีกสักพักเหลือเกิน ร่างกายเหมือนไม่ค่อยรักดีสักเท่าไร เพียงแค่คิดแต่แขนเล็กรีบโอบกอดเอวหนาจนแน่น ซบใบหน้าแนบชิดแผ่นหลังกว้าง กลีบปากอวบอิ่มเผยออ้าก่อนจะพูด
ของขวัญ : คืนนี้พี่อย่าไปจะได้ไหมคะ
กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับหมุนร่างประจันหน้าแทน โน้มลำตัวลงสอดแขนแกร่งยกร่างเล็กจนลอย พาไปส่งที่เตียงนอนห่มผ้านวมคลุมอย่างดี
บีกิน : พี่ต้องรีบไปทำงานสำคัญนะครับ ถ้าเช่นนั้นพี่จะรอจนกว่าหนูจะหลับแล้วค่อยไปดีไหมครับ
โทนเสียงนุ่มลึกกล่าว พร้อมยกฝ่ามือหนาลูบละไล้ตามเส้นผมนุ่มสลวย ดวงตาคู่สวยจากเศร้าโศกฉายแววความหวานหยาดเยิ้ม ดึงดูดให้อีกฝ่ายลุ่มหลงจนต้องก้มมาจุมพิตบนหน้าผากอย่างอ่อนโยน
ถึงแม้คนอื่นจะเห็นแต่ด้านมุมแข็งกระด้างจากเธอ ซึ่งมุมอ่อนแอที่แสนจะน่าทะนุถนอมเช่นนี้ กลับมีเพียงแค่เขาที่สัมผัสมันได้อยู่เสมอ ยิ่งทำให้คนตัวโตรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
มือเล็กซุกซนคล้องลำคออีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย ม่านตาขยายกว้างทุกครั้งที่มองเขาอยู่ตลอด ความรู้สึกลึกซึ้งถ่ายทอดถึงกันจนอธิบายได้ไม่หมด ริมฝีปากอวบอิ่มประกบจูบตามห้วงความรู้สึกคะนึงหา
ฝ่ามือหนาลูบคลำเรือนร่างบอบบาง จนยากเกินจะห้ามใจตนเอาไว้ได้อยู่ แต่ฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนเอ่ยพร้อมถอนริมฝีปากออกมา
บีกิน : พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ เรื่องแบบนี้พี่ว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมหรอกนะครับ อีกอย่างกลัวหนูจะอดทนรับไม่ไหวด้วยน่ะสิ~
กล่าวด้วยเสียงแหบพร่าหลับตาพริ้มข่มอารมณ์ตน
ของขวัญ : ช่างมันเถอะค่ะ ต้องมัวสนใจอะไรอย่างนี้ด้วยเหรอคะ มันน่ากลัวกว่าถูกลอบฆ่าอีกเหรอคะ
ถามอย่างสงสัยราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาเสียอย่างนั้น เพราะตั้งแต่คบกันมา พวกเรายังไม่เคยมีอะไรด้วยกันสักครั้งเดียวเลย
บีกิน : ถ้ามันทรมานมากพี่จะหยุดทำให้ อยากจะลองดูก่อนไหมครับคนเก่งของพี่~
ถามกลับทันควันเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เพราะตัวเองรู้สึกต้านทานคนออดอ้อนตรงหน้าจวนจะทนไม่ไหวแล้วยามนี้ เธอกะพริบตาปริบๆ ตอบกลับแทนผ้านวมผืนใหญ่ถูกกระชากออก ริมฝีปากประกบจูบอย่างเร่าร้อนแทบเผาร่างกายเป็นจุณ ชายกระโปรงถูกดึงมากองอยู่แถวบริเวณเอวคอดกิ่ว