บท
ตั้งค่า

4.ความรู้สึกถูกกระตุ้น

4.ความรู้สึกถูกกระตุ้น

ฝ่ามือเล็กเอื้อมสัมผัสบริเวณหน้าผาก นิ้วเรียวยาวกดขยี้นวดเส้นเลือดบนขมับตัวเองเบาๆ หลับตาพริ้มครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อน แต่สมองคล้ายจะไม่อยากทำงานดั่งใจตนเลยยามนี้

พยายามปรับม่านสายตาตนเองอย่างถี่ระรัว จ้องมองดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ซึ่งมันเพิ่งจะตีห้าเองนะเนี่ย มองขึ้นบนเพดานภายในห้องพัก ก่อนจะกรอกเสียงพูดให้ปลายสายได้รับฟัง

"ป้องกันแค่ข้อมูลเอาไว้พอพี่ขอนอนก่อน แกควรจะนอนพักบ้างนะแดน นี่มันพึ่งจะเช้าตรู่เองนะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง พร้อมหลับตาพักผ่อนต่อราวกับว่าไม่ใส่ใจน้องชายเลยด้วยซ้ำ

จนเวลาล่วงเลยผ่านไปได้หลายชั่วโมง หลังจากแต่งตัวเรียบร้อย คว้าโทรศัพท์มือถือมากดเลื่อนจออ่าน ซึ่งมันเป็นกลุ่มครอบครัวช่วงแรกก็ยิ้มหวาน แต่พอเจอข้อความจากคุณลุงไคโรเท่านั้น คิ้วก็กระตุกพร้อมทั้งขนลุกซู่ ราวกับว่ามีลางสังหรณ์ใจแปลกๆ กำลังเตรียมรอต้อนรับอยู่เสียอย่างนั้น

ตลอดทั้งวันนี้ยังไม่มีใครมาก่อความไม่สงบเลย เพราะกดปุ่มตั้งค่าภายในโทรศัพท์เป็นโหมดห้ามรบกวน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่หาได้ยากจริงๆ พอฟ้ามืดก็กลับไปนอนโรงแรมอย่างเดิม ใจ๋กับเจ๋งไปทำงานสำคัญแทนฉันเลยต้องมาอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ซึ่งน้องๆ คนอื่นงานคงรัดตัวเช่นกัน

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป หลังจากแผลตกสะเก็ดแห้งจนเรียบร้อยแล้วได้เวลาออกเฉิดฉายอย่างเช่นเคย ตอนนี้มานั่งเสริมความงามอยู่ เพราะเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของบอนไซ อายุเธอเท่ากับฉันเนี่ยแหละ

พวกเราเกิดปีเดียวกัน ส่วนฉันไม่ค่อยชอบจัดงานหรอก ขี้เกียจจะปั้นหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา และด้วยเหตุผลนี้ถึงต้องไปงานเธอแบบพลาดไม่ได้ งบประมาณวันเกิดคุณย่าคันศรออกให้หลานทุกคน ซึ่งปีนี้คุณลุงไคโรเล่นจับฉันมาฉลองพร้อมกับเธอ คำสั่งสอนจากคุณย่าที่ฟังจนท่องจำได้ขึ้นใจคือ "มีมิตรย่อมดีกว่ามีศัตรู"

บอนไซเป็นทายาทจากตระกูลมาเฟียแก๊งบีเวอร์ ลำดับคนที่หกถ้านับไล่จากพี่บีกิน ซึ่งแก๊งนี้ยังเป็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ที่สนิทสนมกับแก๊งหมียักษ์มาอย่างยาวนานและลึกซึ้ง ทำให้ทุกครั้งที่มีใครจัดงานฉลองอะไร ต้องไปร่วมงานเลี้ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประหนึ่งเป็นคำมั่นสัญญาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อและรุ่นคุณลุงที่จำเป็นต้องรักษาเอาไว้

พันธมิตรที่สำคัญกับแก๊งหมียักษ์ มีเพียงแค่สองแก๊งเท่านั้นคือ แก๊งจระเข้กับแก๊งบีเวอร์เนี่ยแหละ ทุกคนคิดภาพออกกันใช่ไหม ภายในระยะเวลาหนึ่งปีเต็มจัดไม่รู้ตั้งกี่งาน เพราะแต่ละแก๊งทายาทไม่ใช่แค่คนหรือสองคน ถ้าไม่ถึงครึ่งโหลก็เกินโหลกันน่ะ

"สวยเหลือเกินนะคะเนี่ยคุณน้อง~ ผมปล่อยตรงยาวสลวยดีกว่ามัดนะ จะให้อารมณ์เป็นสาวสวยที่อ่อนหวานนิดหนึ่งมันน่าดีกว่าไหมคะ" เจ๊ที่แต่งหน้ากล่าวยั้งเมื่อเห็นฉันกำลังจะรวบผมมัดเป็นทรงหางม้า

ของขวัญ : ได้เลยค่ะ หนูไม่มัดแล้วก็ได้ค่ะ

กล่าวด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมฉีกยิ้มกว้างให้เจ๊แกอย่างอารมณ์ดี แม้ฉันจะเป็นสาวห้าวแต่หากใครมาทำดีด้วยฉันย่อมดีตอบเสมอ

"ไปเปลี่ยนชุดได้เลยค่ะคนสวย~" เจ๊กล่าวบอกเมื่อเห็นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงาม ไปงานไม่รู้มีกี่ชีวิตจะมาแซวกันนะ

เมื่อหยิบชุดที่พนักงานเตรียมเอาไว้ได้ ก็เร่งเปลี่ยนภายในห้องแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เป็นกระโปรงผ้ายืดตัวยาวสีดำเว้าช่วงหน้าอกเป็นรูปสามเหลี่ยม แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกจนได้

ใครเขาคิดค้นซิปทางด้านหลัง เนื้อผ้ายืดแบบนี้กันล่ะเนี่ยพอรูดขึ้นก็ดันมาติด เจ้ากลุ่มเส้นผมสยายพลิ้วไหวอย่างช่วยไม่ได้เลย แง้มประตูห้องเปลี่ยนชุดพร้อมเอียงคอ จะเรียกว่าคล้ายซอมบี้ก็ยังได้กับท่าทางในตอนนี้

เมื่อตอนเข้ามาเห็นผู้คนยังเดินพลุกพล่านอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเงียบสงัดราวกับป่าช้าเสียอย่างนั้น จู่ๆ มีเสียงดังกึกกักอยู่ข้างห้องฉันคิดว่าต้องเป็นคน น่าจะไม่ใช่หนูตัวเล็กกระจิริดหรอกมั้ง พอประตูเปิดออก เห็นแค่ชายกระโปรงแบบสาวชาวโลลิต้ามันคล้ายจะเป็นชุดคอสเพลย์ เอื้อมมือคว้ากระตุกรั้งเขาเอาไว้อย่างว่องไว

ของขวัญ : ช่วยด้วยค่ะ พอดีซิปด้านหลังมันติด รบกวนรูดขึ้นให้หน่อยจะได้ไหมคะ หรือคุณช่วยเรียกพนักงานให้หน่อยก็ได้ค่ะ

กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนขอร้องอีกฝ่ายทันที แต่เขาเลือกที่จะเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา

ของขวัญ : ถ้าช่วยอยากได้อะไรหรือเป็นค่าชุดที่ใส่อยู่ ฉันยินดีออกให้คุณได้นะคะ ได้โปรดเถอะค่ะ

กล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน เพื่อให้เขาเปลี่ยนใจแต่เหมือนจะเป็นผลสำเร็จแล้ว เขาดันร่างกายฉันเข้ามาภายในห้องแคบ ก่อนจะเดินแทรกเข้ามาพร้อมปิดประตู เพราะเมื่อสักครู่ฉันแหงนใบหน้าจนปวดลำคอ ถึงต้องก้มต่ำมองพื้นเบื้องล่างแทน

กลิ่นน้ำหอมที่โชยเข้าจมูกมันช่างคุ้นเคยเสียจริง แต่คิดว่าคงไม่ใช่เขาคนนั้นได้หรอก จะเกิดอารมณ์บ้ามาเปลี่ยนชุดกระโปรงทำไมล่ะ พอฝ่ามือถูโดนบริเวณแผ่นหลังขาวเนียน ทำให้ต้องเบิกตากว้างสะดุ้งโหยง เพราะมันทั้งสากและดูหนาราวกับไม่ใช่ผู้หญิงเลย

ไล่สายตามองเห็นขนหน้าแข้งก็รู้เลย รีบหันขวับขึ้นเมื่อเส้นผมหลุดจากซิปเรียบร้อย จ้องเขม็งจะเอาเรื่องแต่อีกฝ่ายผลักฉันกดลงกับม้านั่งยาว หัวคิ้วเริ่มย่นชนกันคิดว่าเป็นศัตรู แต่ไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงเขาเอ่ยออกมา

บีกิน : เมื่อกี้หนูเป็นคนพูดเองนะครับ ถ้าอยากได้อะไรยินดีจะทำให้หมดน่ะ

โทนเสียงนุ่มลึกกล่าวหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี

ของขวัญ : อะไรก็ได้แต่ห้ามเกี่ยวกับแก๊งหมียักษ์ และอีกข้อคือการกลับไปคบกันอีกรอบ มีแค่เพียงสองข้อนี้เท่านั้นค่ะ

กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกอดอกอย่างมั่นใจ

บีกิน : ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้ครับ หึ~

โทนเสียงนุ่มลึกกล่าวพร้อมกระตุกยิ้มมุมปาก คล้ายว่าจะมีแผนร้ายเสียอย่างนั้นแหละ

ริมฝีปากทาลิปสติกสีส้มอิฐบางๆ ถูกจู่โจมกะทันหันแทบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ หัวใจเต้นระส่ำระสายไม่เป็นจังหวะอย่างเช่นเคย ความรู้สึกที่โหยหาเขามันทะลักล้น จนเก็บอาการหลบซ่อนต่อไม่ไหว

ดวงตาหลับพริ้มเต็มใจรับสัมผัสนุ่มละมุน จนเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับถูกกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั่วทั้งเรือนร่าง ความแข็งกระด้างลดฮวบลงทันตาเห็น

ฝ่ามือหนาลูบละไล้อย่างแผ่วเบา แต่รู้สึกเจ็บจี๊ดเมื่อเขาโดนรอยแผลตกสะเก็ด รอยฟกช้ำมันยังคงไม่จางหายสนิทดี สติปัญญาถูกดึงกลับมาอัตโนมัติ สองมือเล็กผลักหน้าอกอันแข็งแกร่งออก

รีบเบือนใบหน้าแดงก่ำ ซึ่งยังคงเห่อร้อนผะผ่าวคล้ายรูปทรงไข่ของตน เพื่อห่างไกลจากใบหน้าหล่อคมเข้มทันที สายตาคมกริบจ้องคนตรงหน้าพลันเหลือบเห็น รอยตรงแขนเล็กทำให้ต้องย่นหัวคิ้วชนกัน กลีบปากบางเฉียบเผยอขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมา

บีกิน : ใครเป็นคนทำ!

กล่าวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาอีกฝ่ายที่ยังคงหวั่นไหวเลือกที่จะเงียบสงบ ก่อนจะพูดให้เขาฟัง

ของขวัญ : ต่อสู้มาเลยเป็นแผลอีกไม่นานก็หายแล้ว พี่ไปเถอะค่ะ หนูต้องร่วมงานฉลองของบอนไซอีก แต่ว่าพี่แต่งตัวอะไรเหรอคะเนี่ย น่าขนลุกจะตาย

กล่าวอย่างตะกุกตะกัก พร้อมเอียงคอมองอย่างสงสัยยกมือปิดปาก เพื่อกลั้นเสียงหัวเราะชุดที่เขาสวมใส่ คล้ายชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านเป็นกระโปรงสั้น แม้จะดูน่ารักมากแค่ไหน แต่พอสวมอยู่ภายในร่างหนาซึ่งมันอดตลกไม่ได้เสียจริง

บีกิน : บอนไซบังคับว่าให้ใส่ชุดนี้ไปงาน~

กล่าวด้วยน้ำเสียงยานคาง ก้มสำรวจชุดอีกครั้งว่ามันเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง

ของขวัญ : พี่ทำอะไรให้เธอโกรธอีกแล้วใช่ไหม ถึงได้โดนแกล้งขนาดนี้ เป็นถึงลูกชายคนโตจากตระกูลมาเฟียแก๊งบีเวอร์ทายาทลำดับหนึ่ง เฮ้อ~ โชคดีภายในงานวันเกิดมีแค่คนสนิทสนมหรอกนะ

กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพราะรู้จักนิสัยบอนไซ เธอเป็นสาวร่าเริงชอบทำอะไรไม่ไว้หน้าคนอื่น กรณีหากทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจน่ะ ค่อนข้างทำอะไรตามอำเภอใจยิ่งกว่าฉันเสียอีก

เขาเงียบสงบไม่ตอบอะไรกลับมา จู่ๆ เสียงเจื้อยแจ้วจนน่าหมั่นไส้ยืนตะโกนอยู่หน้าประตูห้อง ฉันยังคงจำได้ไม่เคยลืมเลือน เธอชื่อน้ำตาลจากแก๊งกระซู่ หันใบหน้ามองค้อนอีกฝ่ายอย่างอดกลั้นอารมณ์โมโห ลุกขึ้นยืนตรงเตรียมจะเปิดประตูหนี แต่เขากลับสวมกอดทางด้านหลังพร้อมกระซิบเบาๆ ข้างใบหูให้เธอได้รับฟัง

บีกิน : พี่คิดถึงหนูมากเลยนะครับ ช่วยดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ด้วยนะ อย่าทำอะไรอย่างกับไม่หวงแหนชีวิตตนเองเลย ต่อให้พวกเราไม่มีสถานะกันแล้ว แต่ความเป็นห่วงจากใจนี้ยังไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป~

กล่าวจบเขาก็หอมแก้มฟอดใหญ่ลาจากเธอ ไม่คิดจะรั้งให้อยู่ต่อเพราะรู้จักนิสัยกันดี สองมือเล็กรีบยกมาเช็ดปากตน กลัวว่าคาบลิปสติกจะเลอะใบหน้า เพื่อไม่ให้ใครมาเข้าใจผิดพวกเราได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel