1.คนที่ไม่อยากเจอหน้ากัน
1.คนที่ไม่อยากเจอหน้ากัน
สภาพภูมิอากาศภายในต่างประเทศของวันนี้ มันช่างสุดแสนวิเศษมากนัก แต่เมื่อเหม่อมองหวังดื่มด่ำบรรยากาศ พอสายตาไล่จนถึงจุดกำหนดเส้นขอบทะเลไปไกลลิบลับหน่อย
จะเห็นเครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ยังคงเคลื่อนตัวลอยเด่นอยู่เหนือบริเวณน่านฟ้า ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทแบบส่วนตัว สามารถบรรจุผู้โดยสารได้เยอะพอสมควร เหมาะสำหรับการบินระยะไกลได้เลยแหละ
โซนภายในยังมีเครื่องใช้อำนวยความสะดวกอย่างอื่น เช่นห้องอาบน้ำกับห้องนอนแยกกัน ซึ่งยังไม่นับรวมห้องต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นถูกสั่งทำอย่างประณีต มีทองคำประดับประดาหรูหรามาก
เครื่องบินเจ็ทประเภทนี้ให้ความรวดเร็วและหรูหราที่สุด มันเดินทางได้ไกลมากกว่า 3,000 ถึง 7,500 ไมล์ทะเลและแน่นอนเครื่องบินลำนี้ ตระกูลเธอได้ถือกรรมสิทธิ์เป็นผู้ครอบครองมันอยู่
สาวสวยนั่งหย่อนขา สองเท้าเหยียบตรงขั้นบันไดทางขึ้น ตั้งท่ารออยู่บริเวณหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว กระดี๊กระด๊าเหมือนคนร่าเริง เธอกำลังเตรียมพร้อมจะทิ้งตัวลงมาเลย
เอาแต่ก้มมองสำรวจชุดตัวเองอีกครั้ง เธอสวมชุดจั๊มสูทสำหรับกระโดดร่ม Skydiving Jumpsuits ดวงตาจับจ้องถุงมือหนังทั้งสองข้าง ซึ่งมันถูกสั่งทำเป็นแบบชนิดพิเศษจนไร้ที่ติ
ก่อนจะเอื้อมจับหมวกนิรภัยแบบปิด ซึ่งเป็นหมวกนิรภัยที่มีกระจกกันลมและมีความปลอดภัยสูงมาก เหมาะแก่การใช้กระโดดร่มในทุกสภาพอากาศ โดยเฉพาะอากาศที่หนาวเย็นหรือมีเมฆมาก
สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลย คือเครื่องวัดระยะความสูงเป็นอุปกรณ์ในการกระโดดร่ม ที่ใช้สำหรับวัดความสูงจากระดับน้ำทะเล โดยจะแสดงหน่วยเป็นเมตร นอกจากนั้นยังสามารถวัดแรงดันบรรยากาศและวัดอุณหภูมิได้อีกด้วย
ซึ่งเครื่องวัดระยะสูงเป็นแบบดิจิทัล เมื่อทุกอย่างปลอดภัยหมดแล้วเธอจึงตัดสินใจกระโดดลงมา ริมฝีปากบางยกยิ้มราวกับมีความสุข เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้เธอชื่นชอบมากเลยน่ะสิ
เมื่อได้จังหวะกางร่มชูชีพออกแล้ว เธอก็หมุนตัวเล่นอย่างสนุกสนานหากเป็นมือใหม่ย่อมคิดว่าตอนนี้ วิญญาณกำลังออกจากร่างกายไปเสียแล้ว ทะเลข้างล่างจากเคยเห็นคลื่นแรงตอนยืนอยู่ที่ชายหาด กลายเป็นดูนิ่งสงบราวกับไม่มีคลื่นใดเลย
ให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นนกแต่ไร้ปีกบิน เย็นวูบวาบอย่างสะใจเป็นที่สุด ถึงมันจะดูน่ากลัวแต่หากทุกคนได้ลองดูสักครั้ง คล้ายว่าได้ปลดปล่อยอิสระให้ตัวเองเลยแหละ พอจะใกล้ระยะเพื่อดิ่งพสุธาลงไปทุกนาที หลังสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้นบนอากาศได้ไม่นานนัก เพราะนับเลขอยู่ภายในใจอย่างตื่นเต้น
สองมือเล็กเตรียมกระตุกบังคับทิศทาง ชมทัศนียภาพของเบื้องล่างอย่างสบายอารมณ์ แต่กลับรู้สึกผิดปกติเมื่อโรยตัวลงมาเรื่อยๆ รีบแหงนใบหน้ามองผืนผ้าใบขนาดใหญ่ สายตาโฟกัสเห็นรอยขาดแม้จะเป็นรอยแหว่งเล็กน้อย แต่ก็อดวิตกกังวลไม่ได้เลยจริงๆ
สายลมพัดโหมกระหน่ำโบกสะบัดรุนแรง เธอย่อมรู้ดีผืนผ้าใบหลักต้องทนแรงกระชากไปต่อไม่ไหวแน่ จนรอยแยกมันแหกกว้างใหญ่สะดุดตา แอบสะดุ้งโหยงเล็กน้อยกับปัญหานี้ แม้สถานการณ์อันตรายแต่ก็ยังพอมีสติอยู่ เร่งเอื้อมมือจับเชือกอีกเส้น เพียงไม่กี่วินาทีกระตุกร่มสำรองได้สำเร็จ
หากเป็นหญิงสาวทั่วไป คงได้หมดสติกลางอากาศไปเสียแล้ว สมองของเธอมีแต่ย้ำเตือนตัวเอง หากฉันตายไปใครจะคอยบ่นน้องๆ คนทั้งตระกูลจะเสียใจกันมากแค่ไหน กดดันตัวเองให้กระเสือกกระสน เพื่อกลับมาดิ้นรนฝืนฮึดสู้อีกครั้ง
"กรี๊ด~ ทำไมชีวิตฉันถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ได้นะ" เธอร้องโหวกเหวกโวยวายกลางอากาศ แค่อยากมาผ่อนคลายอารมณ์เพียงเท่านั้น แต่กลับต้องเจอเหตุสุดวิสัยจนยากจะคาดเดา
เมื่อผ้าใบร่มชูชีพเกิดขัดข้องขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ส่วนร่มชูชีพฉุกเฉินก็ใช้ยื้อได้เพียงแค่ไม่นาน มันยังมีหน้าจะมาขาดอีกเช่นกันให้ตายเถอะ
สถานการณ์บีบบังคับหมายเอาชีวิต หัวใจเต้นลุ้นระทึกขวัญทุกเสี้ยววินาทีเลย เบื้องหน้าเป็นหน้าผาสูงชันซึ่งไม่ใช่บนยอดมันน่ะสิ อีกไม่นานก็จะปลิวไปติดแหง็กแล้วเนี่ย
หัวคิ้วย่นชนกันอย่างอารมณ์เสีย สองขาเรียวเล็กตั้งท่าถีบหน้าผาอย่างสุดกำลัง ไม่อยากโดนสายลมพัดจนต้องอัดกระแทก หากเป็นเช่นนั้นจริงร่างน้อยๆ คงได้แหลกลาญแล้วแหละ สมองคิดเพียงแค่ว่าขอให้ตกน้ำทะเลยังดีกว่าตกพื้นเยอะ
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองที่ข้อมือเป็นระยะ เบะปากอย่างไม่ชอบใจกับอุบัติเหตุครั้งนี้ ลมเจ้ากรรมไม่รู้หอบมาจากไหนกัน เอาแต่พัดโหมกระหน่ำจนปลิวออกไปไกลจากชายฝั่งมาก ฝืนบังคับเชือกสุดชีวิตแต่กลับไร้ผล เริ่มจะเลิ่กลั่กเพราะมันผิดแผนเธอไปเสียหน่อย แต่ทว่าปลิวลอยจนมาเจอเกาะแห่งหนึ่ง
ย่อมรู้เป็นอย่างดีว่ามันเป็นอาณาเขตปกครองของแก๊งไหน เพราะมองทิศทางบนนาฬิกาข้อมือตนเอง ต่อให้ไม่อยากลงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้หรอก มันร้องส่งสัญญาณเตือนภัยอยู่ไม่เลิก เนื่องจากสาเหตุหลักเจ้าของรีสอร์ตนี้ ยังคงมีเรื่องฝังใจที่ไม่ได้รับการแก้ไขกับเธออยู่น่ะสิ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ตกลงสู่ห้วงทะเล พยายามรีบลอยตัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อสูดอากาศหายใจเข้าปอด
"ขอบใจนะเจ้าลมบ้าที่ไม่พาไปกลางทะเล ไม่อย่างนั้นแล้วคงได้เหนื่อยว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งอีกแน่" เธอโวยวายอย่างคับแค้นใจตนเอง สองแขนเล็กยื่นไปทางด้านหน้ารีบพาร่างกายเข้าฝั่งทันที
ยืนปลดสายรัดลำตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันยังคงเกี่ยวโยงกับสายเชือกผืนผ้าใบ นำออกไปเพื่อโยนทิ้งลงกองบนพื้น เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นย่ำเท้าวนเวียนอยู่บริเวณชายหาด ยังไม่กล้าเดินเข้าไปภายในรีสอร์ทเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขาคนนั้น
เธอยกมือเล็กขึ้นมาลูบคางคิดเหตุการณ์ย้อน ก่อนจะมาประสบภัยอย่างเช่นตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันเกิดผิดพลาดขั้นตอนไหนกันแน่
จะว่ามีลูกน้องถูกซื้อตัวไปย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะเป็นคนของคุณลุงไคโร รายนั้นดุและเหี้ยมโหดยิ่งกว่าคุณพ่อเสียอีก คงไม่มีลูกน้องกล้าทรยศแน่ๆ
เธอยังคงยืนหอบหายใจอยู่ เวลาเพียงแค่ไม่นานก็มีคนเดินมาบริเวณชายหาด สิ่งแรกที่ภาวนาคือขอแค่ไม่ใช่เขาคนนั้น
แต่ฟ้าก็ไม่เข้าข้างกันเลยสักนิดเดียว ร่างสูงโปร่งเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาใกล้ พร้อมยิ้มแย้มเอ่ยทักทายอย่างเป็นธรรมชาติ ประหนึ่งว่าพวกเราดีกันแล้วเสียอย่างนั้นแหละ
"ไม่เจอแค่เพียงไม่กี่วันเอง หนูคิดถึงพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ ให้ไปคุยเรื่องแต่งงานตอนนี้เลยเอาไหม หรืออยากทดลองอยู่กินกันไปก่อนมีลูกแล้วค่อยแต่งดี ซึ่งหากเป็นอย่างหลังพี่คิดว่าคุณลุงไคโรน่าจะมาเอาเรื่อง แถมคุณอาโคล่ากับคุณน้าแคนดี้ พวกท่านคงได้ฆาตกรรมพี่แน่เลยนะครับ" โทนเสียงนุ่มลึกกล่าวหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี ฉันแอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากพูด
"เกิดอุบัติเหตุกะทันหันถึงได้มาติดเกาะพี่ค่ะ ช่วยไปส่งหนูขึ้นฝั่งหน่อยจะได้ไหมคะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างตรงไปตรงมา จะให้แต่งงานกับผู้ชายอย่างเขาเหรอ เรื่องเก่ายังไม่ทันสะสางคิดเรื่องใหม่เสียแล้ว ใครเขาอยากสนใจกัน หึ~
"นึกว่าหนูอยากจะลองหนีตามผู้ชายดูบ้างเสียอีก ความจริงอยู่ตากอากาศที่นี่สักปีหน่อยก็ได้นะ ค่ายมวยหลายพันแห่งคงไม่ปิดตัวลงหรอกครับ" โทนเสียงนุ่มลึกกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง ตัวเขานั้นดีใจที่ได้เห็นเธออีกครั้ง แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่อยากเจอกันเลย ซึ่งมันไม่สามารถบั่นทอนความรู้สึกให้เลิกตื๊อเธอได้หรอกนะ
"หนูจะกลับค่ะ อย่าลืมพวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ" กล่าวด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง กอดอกแน่นหันไปมองค้อนอีกฝ่าย สมองก็นึกย้อนเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะมาถึงคืนที่เผลอไผลเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แทบไม่อยากให้อภัยตัวเองเลยด้วยซ้ำ หากไม่ใช่ปล่อยใจตามอารมณ์ เรื่องในวันนี้มันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน
ขอแนะนำตัวเองหน่อย ฉันเองมีชื่อว่าของขวัญอายุ 25ปี เป็นลูกสาวลำดับหนึ่งจากพี่น้องทั้งหกคน คุณพ่อชื่อโคล่าคุณแม่ชื่อแคนดี้ มีคุณลุงชื่อไคโรกับคุณป้าชื่อทราย และคุณย่าที่ทรงอำนาจชื่อคันศร พวกเราคือตระกูลมาเฟียที่มีอิทธิพลผู้คนต่างเรียกว่า แก๊งหมียักษ์ ฐานะทางครอบครัวเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง
นิสัยค่อนข้างจะห้าวเหมือนผู้ชายเลยแหละ เป็นเจ้าของค่ายมวยหลายพันแห่ง จุดเด่นเก่งสวยรวยเลิศหรู จุดเสียกางนิ้วมือนับคาดว่าคงไม่พอ เอาเป็นว่าลองมาศึกษาเรื่องราวของฉันเองแล้วกัน อย่าพึ่งตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกเลยนะ
ส่วนผู้ชายหน้ามึนคนนั้น มีชื่อว่าบีกินอายุ 30ปี เป็นลูกชายลำดับหนึ่งจากพี่น้องทั้งเก้าคนของเขา คุณพ่อชื่อบอสตันคุณแม่ชื่อบอลลูน ตระกูลฝั่งเขาเป็นมาเฟียที่คนมักเรียกว่า แก๊งบีเวอร์ ฐานะทางครอบครัวเป็นมหาเศรษฐีอันดับสอง สำคัญสุดเขาคือแฟนเก่าฉันเองค่ะ
ที่เป็นรองไม่ได้นับจากความร่ำรวยเงินทอง แต่พวกเรานับอาณาเขตการปกครองกันน่ะ ตอนแรกแก๊งบีเวอร์ตีตื้นจนเสมอแก๊งหมียักษ์แล้ว แต่เพราะความเจ้าชู้ของคุณลุงบอสตันทำพิษ โดนคุณลุงไคโรข่มขู่รีดไถเกาะมาได้ ซึ่งความลับนี้คุณป้าบอลลูนก็ยังไม่ทราบ ส่วนในบรรดาครอบครัวแก๊งหมียักษ์นั้น มีแค่ฉันและคุณลุงไคโรที่รู้เรื่องนี้เข้าน่ะสิ
ส่วนนิสัยเขานั้น ใจดีอบอุ่นราวกับเป็นพ่อพระมาเกิดเลยแหละ เป็นเจ้าของรีสอร์ตอยู่บนเกาะนี้ มองดูเหมือนจะน้อยแต่กำไรมีมูลค่ามหาศาลเชียวนะ ความบันเทิงที่ครบครันทั้งกาสิโนบาร์หรูหรา อำนวยความสะดวกให้บรรดานักท่องเที่ยว แถมเป็นหนึ่งในสถานที่ติดต่อธุรกิจตลาดมืดด้วย ส่วนเรื่องพวกเราเลิกรากันได้อย่างไรนั้น ทุกคนมาดูเอาเองแล้วกันจะได้รู้ นับจากนี้ฉันขอเล่าย้อนเรื่องราวสำคัญ ให้ทุกคนได้ประจักษ์กันเสียก่อนนะ