บทที่ 5 สัมภาษณ์สดกับเจ้านายสุดหล่อ
ณ ห้องประชุม เช้าวันจันทร์ทางบริษัทได้มีการจัดประชุมใหญ่คณะกรรมการผู้จัดการและบุคคลที่เกี่ยวข้องของเหล่าผู้บริหารระดับสูง และหน้าที่ ที่จะต้องเตรียมห้องประชุมและจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ก็ต้องตกเป็นของพนักงานฝึกงานทั่วไป นั่นก็หมายถึงหล่อนโดยไม่ต้องสงสัย ตำแหน่งนี้มีแค่หล่อนแต่เพียงคนเดียว แล้วแถมวันนี้หน้าที่เตรียมอาหารและเครื่องดื่มในช่วงพักเบรก ก็เลยกลายเป็นของหล่อนโดยปริยาย เมื่อพี่นิด แม่บ้านประจำเกิดท้องเสียกะทันหันวันเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน นับจากวันที่หล่อนเริ่มมาทำงานจนกระทั่งถึงวันนี้
ครบหนึ่งสัปดาห์แล้วสินะ หากยังไม่เคยเจอกับบอส กรรมการผู้จัดการใหญ่ของที่นี่เลย บุคคลที่เกี่ยวข้องในการประชุม ได้ทยอยมาจนเกือบครบแล้ว ขาดก็แต่คุณมัฆวัฒน์ และก็เป็นวันที่จอมขวัญรอคอยที่จะได้พบอยู่เช่นกัน เพื่อที่จะได้สัมภาษณ์กับท่านอีกครั้งตามที่พี่ปาบอกไว้ก่อนหน้านี้ ใจมันยังคอยเต้นตุ้บ ๆ ต่อม ๆ ไม่หาย หากเจอหน้าบอสใหญ่เธอจะทำตัวอย่างไร ไม่นานนักคนที่หล่อนอยากจะพบตัวจริงก็เดินผ่านประตูเข้ามา ส่งผลให้ทั้งห้องเงียบกริบไปในทันที
“คุณมัฆวัฒน์ มาแล้ว” เสียงหนึ่งพูดขึ้น ทำให้จอมขวัญที่กำลังง่วนอยู่กับเอกสารตรงหน้า ต้องหยุดชะงัก เงยหน้าจากกองเอกสารที่เพิ่งหอบมาให้พี่ปาริฉัตร
“นี่ไง คุณมัฆวัฒน์ บอสใหญ่ของที่นี่ เป็นไง หล่อไหม” เสียงพี่ปากระซิบบอกข้างหู คงสังเกตเห็นหล่อนที่ยืนนิ่ง ตาค้าง อ้าปากหวอกระมัง ใช่หล่อ..หล่อมากเลยทีเดียวเชียวล่ะ!
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาหุ่นเหมือนนักกีฬาที่หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งจมูกโด่งสวย ผมสีน้ำตาลเข้ม กระเดียดออกไปทางลูกครึ่ง ริมฝีปากบางรับกับใบหน้าคม มองมุมไหนก็ดูดีไปหมด เสื้อสูทสีเข้มช่วยเสริมให้เขาดูน่าเกรงขามขึ้นเป็นเท่าตัว ชายหนุ่มมาดนิ่ง ใบหน้าเรียบขรึม นั่งลงเก้าอี้ตรงกลางห้องประชุม พร้อมด้วยกระเป๋าเอกสาร และแฟ้มบางอย่างในมือ สายตาคมกวาดเพื่อมองผู้เข้าร่วมประชุม จะด้วยความบังเอิญหรือจงใจอย่างไรไม่อาจทราบได้ แวบหนึ่ง จอมขวัญรู้สึกได้ว่าบอสใหญ่มองตรงมาทางหล่อนนิ่ง เหมือนสะดุดตาที่เธอ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น แล้วสายตาคู่นั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าจำหล่อนได้ หรือสนใจเลยแม้แต่น้อย อาจจะเป็นเพราะสงสัยว่าเพียงแค่ว่า ยัยคนนี้เข้ามาทำอะไรในห้องประชุม ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มการประชุมทันทีเพื่อที่จะไม่ให้เป็นการเสียเวลา
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจจอมขวัญรีบเผ่นแผล็วออกมาทันที เพราะตัวเองไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุม เกรงว่าจะโดนดุเสียก่อน ก็แค่เอาสำเนาเอกสารเข้าไปให้พี่ปาเท่านั้นล่ะ ไม่ได้อยากเข้าไปรบกวนท่านสักหน่อย แหม..ทำเป็นมองจิกไปได้ จอมขวัญค่อนขอดคนเดียว คิดหมั่นไส้เมื่อนึกถึงสายตาคมดุของใครบางคนเข้า
พนักงานฝึกหัดทั่วไปกลับมาทำหน้าที่เป็นนังแจ๋วตามเดิม การประชุมดำเนินไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ เพราะพอออกมาแล้วหล่อนก็ต้องรับบทเป็นพนักงานจิปาถะทั่วไป เริ่มตั้งแต่แม่บ้าน คนเดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร จนหล่อนกับเจ้าเครื่องถ่ายสำเนานี่แทบจะเป็นญาติกันอยู่แล้ว หากวันใดมันเกิดรวนขึ้นมา หล่อนก็จัดการซ่อมเอง อะไรเอง จนคิดว่าถ้าตกงาน น่าจะไปเปิดร้านรับจ้างถ่ายเอกสารท่าทางจะรุ่ง ตำแหน่งอันทรงเกียรติของหล่อนหรูซะไม่มีล่ะ ถ้าเกิดแม่รู้ ว่าลูกสาวสุดที่รักของแม่ กำลังได้รับเกียรติอย่างแสนสาหัส สากัน นี้ล่ะก็ คงให้ลาออก แล้วไปเป็นลูกจ้างสวนส้มแม่ดีกว่า แง!แม่จ๋า ลูกคิดถึงแม่
ทำงานเพลินจนลืมเวลา ใกล้ได้พักเที่ยงแล้ว ข้าวผัดปูแสนอร่อยของป้าเรียมร้านตรงข้ามบริษัทกำลังรออยู่ แต่กลับเหมือนโดนสวรรค์กลั่นแกล้ง อาหารแสนอร่อยที่รอเสิร์ฟตรงหน้า หายวับไปในพริบตา เมื่อพี่ปาที่เดินออกมาจากห้องประชุม ตรงดิ่งมาหาเธอด้วยหน้าตาค่อนข้างเคร่งขมึง จนคนมองแอบคิดว่า ไปทำอะไรผิดอีกหนอเรา
“จอม..บอสเรียกให้ไปพบแน่ะ ที่ห้องท่านนะ พี่ไปกินข้าวก่อนล่ะ หิวไส้แทบขาดแล้ว” หง่ะ!..เดี๋ยวสิคะ เธอก็ยังไม่ได้กินเหมือนกันนะ แล้วข้าวผัดปูที่รออยู่ล่ะ โธ่!หิวก็หิว อุตส่าห์สั่งไว้แล้ว ทำไมต้องเรียกไปพบตอนนี้ด้วยนะ ตัวเจ้านายเองคงไม่หิวล่ะสิ เพราะมีของว่างให้ช่วงพักเบรกแล้วนี่ ตาบอสขี้เก๊ก นี่มันเวลาพักนะ เจ้าของร่างเล็กบ่นบ่นงึมงำคนเดียว หากเท้ากลับก้าวมาจนถึงหน้าห้อง ที่ตรงกลางประตูแปะตัวหนังสือหนา ๆ สีทองแล้ว
กรรมการผู้จัดการ โอ๊ย! ตายแล้วทำไมใจมันถึงเต้นไม่เป็นส่ำอย่างนี้ล่ะ จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเฮือกหนึ่ง เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ เมื่อมาถึงก็ได้แต่ยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงบริเวณหน้าห้อง ไม่กล้าที่จะเคาะประตูเข้าไป ได้แต่เดินวนไปมาวนอยู่อย่างนั้น ด้วยความกริ่งเกรง ก็ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ถ้าเกิดท่านประธานจำได้ ว่าเธอคือยัยซุ่มซ่ามที่ชนกับเขา เมื่อวันแรกที่มาสัมภาษณ์งานในลิฟต์ จนเลือดกำเดาไหลในคราวนั้น จะทำยังไง เขาจะไล่หล่อนออกหรือเปล่า หรือจะลงโทษยังไงก็ยังไม่รู้ โทษฐานที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ดูจากที่ได้สบตาเพียงแค่แวบๆ ในห้องประชุมนั่น ก็เพิ่มความผวาสารพัดให้หล่อนเป็นทวีคูณแล้ว
“มัวทำอะไรอยู่ ถ้ามาถึงแล้วก็เข้ามาได้เลย เสียเวลา” เสียงทุ้มต่ำ ออกจะเข้มงวดดังลอดออกมาจากข้างในห้อง ราวกับมีตาทิพย์รับรู้ว่ามีคนอยู่ตรงนี้ เขาอาจจะเห็นเงาที่ลอดออกมาจากประตูกระมัง หรือไม่ก็เสียงรองเท้าส้นเตี้ยของเธอที่เดินวนไป วนมาจนไปกระทบโสตประสาทของคนข้างในเข้า เดาจากน้ำเสียงแล้วคงหงุดหงิด รำคาญน่าดู