ตอนที่ 13 เซลล์สมองตายอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตอนที่ 13 เซลล์สมองตายอย่างสมบูรณ์แล้ว
“คุณหนูมู่ อากาศมันร้อนเข้าข้างในเถอะครับ”
จั๋วหรันเดินถือร่มไปกางป้องกันแสงแดดให้เธอ “เมื่อคืนน้ำพุทราจีนกล่องใหม่พึ่งมาส่งจากซินเจียงของจีนอยากลองสักหน่อยไหมครับ”
จั๋วซีเองก็ว่า “เขาว่าน้ำพุทรามาจากซินเจียงอร่อย ฉันอยากลองตั้งแต่เมื่อคืน แต่คุณชายสี่ไม่ให้”
ดวงตาใสจ้องมองไปที่ผู้ชายไร้อารมณ์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นโดยไม่ได้ตั้งใจ “เตรียมไว้ให้ฉันเหรอ?”
เธอชอบดื่มน้ำพุทรา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชอบมัน
มันมาไกลทางอากาศเลยนะ เขาจะขรึมเกินไปแล้ว
หลิงเล่มองดูเธอ แต่ก็ไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
จั๋วซีเข็นรถเข็นเข้าไปในบ้าน เมื่อมู่เทียนซิงเข้าในบ้านจั๋วหรันถึงค่อยเก็บร่ม
มู่เทียนซิงพึ่งพบว่าวิลล่าขนาดใหญ่นี่มันช่างว่างเปล่า นอกจากพวกเขาสี่คนก็ไม่เจอใครอีกเลย!
แน่นอนว่าการตกแต่งเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่ไม่ซ้ำใครนั่นทำให้เธอสนใจได้อย่างรวดเร็ว การตกแต่งด้วยสีขาวและสีฟ้าที่เธอชอบ ดูที่สีชุดสีฟ้าน้ำทะเลของเธอสิ วิ่งไปตรงนั้นโผล่ไปตรงนี้ เหมือนเอลฟ์ที่แตะแล้วบ้านจะเปลี่ยนสีไปตามที่ต้องการ
“สีวอลล์เปเปอร์นี่สวยมาก!”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นกระเบื้องโมเสคสีน้ำเงินแซฟไฟร์กับสีชมพูในห้องน้ำ มันสวยสุด ๆ!”
“กระจกแต่งหน้าใหญ่มาก มีสองด้านด้วย มีฟังก์ชันแว่นขยายด้วย!”
“อะไรเนี่ย นี่มันกระดิ่งลมที่เหมือนกับที่ฉันเห็นที่โรงแรมในโอซาก้าเลย คุณลุง คุณไปโอซาก้ามาเหรอ?”
“อ๊า! มีดอกทานตะวันอยู่ที่ระเบียงด้วย! บานสวยมากเลย ใช่ของจริงไหมเนี่ย”
ในขณะที่เธอวิ่งไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย แต่เดิมบ้านหลังนี้ไม่เคยมีชีวิตชีวาเลย แต่เพราะการมาของเธอทำให้มันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
หลิงเล่ไม่ได้ขยับไปไหน แต่ดวงตาที่คอยมองแต่เธอนั้นตามเธอไปทุกที่
สุดท้ายเธอก็วิ่งหอบกลับมา วิ่งไปทั่วจนแก้มขึ้นสี แล้วนั่งยอง ๆ ตรงหน้าเขา “คุณ คุณมันเลว สิ้นเปลือง ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว! บ้านสวยแบบนี้ คุณยังจะอยากปรับปรุงบ้านใหม่อีกเหรอ จริงสิ ข้างนอกฉันเห็นนะว่ามีปล่องไฟ ทำไมถึงไม่มีเตาผิงล่ะ?”
หลิงเล่มองดูเธอ ไม่พูดอะไร
จั๋วซีพูดขึ้นมา “คุณหนูมู่เตาผิงอยู่ในห้องนั่งเล่นบนชั้นสองแต่มันไม่เคยถูกใช้เลย”
วิ่ง!
พอได้ยินแบบนั้นสาวน้อยก็วิ่งขึ้นไปยังชั้นสอง
“555 คุณหนูมู่น่ารักมาก”
จั๋วซีปล่อยมือจากรถเข็น เธอเดินไปตรงหน้าแล้วยื่นสลิปเปอร์ให้กับหลิงเล่ “คุณชายสี่”
หลิงเล่ไม่ขยับ
ตาจ้องไปยังทิศทางของบันไดนั่น เวลาผ่านไปสักพัก “ไม่”
จั๋วซีประหลาดใจ “แต่คุณหนูมู่ไม่ใช่ภรรยาในอนาคต...”
ในมุมมองของจั๋วซี คุณชายสี่ตามมู่เทียนซิงมากว่าครึ่งปี คงจะเป็นเพราะเธอคือคนที่ช่วยชีวิตเขาจึงไม่อาจปล่อยไปได้ แต่ดันกลายมาเป็นคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานกัน โชคชะตาแบบนี้แน่นอนว่าคุณชายสี่นั้นหวงแหนมากแค่ไหน
หรือมองผิดไป? คุณชายสี่ไม่ได้สนใจอะไรคุณหนูมู่จริง ๆ เหรอ?
“ไม่ต้องมาเดาใจฉัน!”
ดวงตาของหลิงเล่นั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่จั๋วซีเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง
จั๋วซีหยิบสลิปเปอร์แล้วกลับไปยืนข้างหลังหลิงเล่
ไม่นานหลังจากนั้นหญิงสาวในชุดสีฟ้าน้ำทะเลก็เดินมาจากบันไดสีขาวงาช้าง ไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลิงเล่อีกครั้ง จับมือของเขาข้างหนึ่ง ส่งสายตาวิงวอนแล้วพูดว่า “ไม่เอาแล้ว! แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องตกแต่งใหม่แล้วโอเคนะ?”
หลิงเล่ไม่พูด
เธอจับมือเขาแล้วเขย่าขึ้นลง “ขอร้องล่ะ ฉันชอบบ้านแบบนี้ ฉันชอบสีฟ้าที่สุด ฉันชอบดอกทานตะวัน ชอบเตาผิง ชอบกระเบื้องโมเสคสีน้ำเงิน แล้วก็ชอบบันไดหมุนสีขาวด้วย!”
หลิงเล่เหลือบตามองมือเล็กที่ประสานกันอยู่ที่มือของเขาแล้วพยักหน้า “ได้”
มู่เทียนซิงดีใจ เธอปล่อยมือใหญ่แล้วลุกขึ้นยืน “คุณใจดีที่สุดเลย!”
หลิงเล่เปิดตาของเธออย่างไม่สบายใจ ไม่มองไปที่เธอ
เธอเหมือนนึกบางอย่างได้ “จริงสิ ตอนที่ย้ายเข้ามาฉันอยู่ห้องไหน?”
บรรยากาศแห่งความสดใสพลันหายไปทันที
จั๋วซีประหลาดใจ เมื่อได้มองใบหน้าที่สดใสและไร้เดียงสาความคิดทั้งหมดก็หายไป
เธอยังเด็กเกินไป พึ่งจะอายุสิบแปดปี จะให้ใช้ห้องเดียวกับคุณชายสี่เหรอ
จั๋วหรันพูดให้สบายใจ “คุณหนูมู่ ผมมั่นใจว่าแม่ของคุณต้องสอนให้คุณทราบถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ที่ควรปฏิบัติหลังจากการแต่งงาน คุณไปดูมาจนทั่วแล้วคงจะเห็นห้องนอนที่คุณต้องใช้ร่วมกับคุณชายสี่แล้วใช่ไหมครับ”
จั๋วหรันอายุมากกว่าจั๋วซีสี่ปี เขาแต่งงานและมีลูกสาวแล้ว
เขารักภรรยามาก แถมยังติดตามหลิงเล่ตั้งแต่อายุยังน้อยเหมือนกัน ไม่เพียงแค่นั้น ยา อาหารสไตล์ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส และอีกมากมายที่กล่าวมาเธอรู้หมด การปรุงอาหารของเธอยังเอาชนะตุ่มรับรสของหลิงเล่ได้เสมอ ซึ่งเธอเป็นหัวหน้าแม่ครัวของหลิงเล่
ความเขินอายปรากฏบนแก้มของมู่เทียนซิง
ในสายตาของพ่อแม่เธอคงจะเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลก แต่ในสายตาของแม่สามีเธอเป็นผู้หญิงที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้หญิง
นี่คือความแตกต่าง
เธอสับสนและวิตกกังวลหันไปมองคนที่นั่งรถเข็น เขามองจ้องลึกเข้ามาในตาของเธอ
เธอบีบมือแน่น ในเรื่องนี้เธอคิดว่าควรจะทำให้ชัดเจน “ขอคุยด้วยหน่อย!”
“ไม่จำเป็น” หลิงเล่ปฏิเสธ “คนในบ้านหลังนี้ไม่มีความลับซึ่งกันและกัน”
">ด้วยความฉลาดของมู่เทียนซิง เธอเข้าใจแล้วว่า ถ้าเธอต้องการอยู่อย่างมีความสุขจะต้องไม่มีความลับกับพวกเขา”
เขาทำให้เรื่องนั้นชัดเจนก่อนที่เธอจะแต่งงาน แล้วเขาก็ให้โอกาสเธอกลับใจและเลือก
เธอกำหมัดแน่น สูดหายใจเข้าลึก ๆ “งั้นก็มานั่งคุยกัน”
หลิงเล่ “ผมนั่งอยู่ตลอด”
มู่เทียนซิง “...”
จั๋วหรันกับจั๋วซีแยกย้ายกันแล้ว ผ้าม่านทั้งใหญ่เล็กถูกดึงลง ช่วงเวลากลางคืนกำลังจะปกคลุมโลก ไฟคริสทัลทุกดวงในบ้านเปิดเอาไว้แล้ว บ้านสีน้ำเงินสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน โคมไฟแกว่งไปมา เหมือนว่านี่คือวังคริสทัลอย่างนั้น
น้ำพุทราถูกวางอยู่ตรงหน้ามู่เทียนซิง
เธอนั่งลงบนโซฟา หยิบหมอนใบใหญ่มาวางบนอก ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป “ฉันคิดว่าสำหรับการแต่งงานนี้ ที่คุณเองก็ตกลง เป็นเพราะข้อตกลง”
หลิงเล่เท้าคาง ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน เห็นได้ชัดว่าจริงจังมาก “ข้อตกลงที่คุณว่า คืออะไร?”