บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 ไม่ยอมรับความธรรมดาของเธอ

ตอนที่ 10 ไม่ยอมรับความธรรมดาของเธอ

หลิงเย่เป็นคนขยัน ใครก็มองออกว่าเขาเป็นคนรักสนุก

เจิงเชี่ยนกำลังจะเข้าไปเตือน แต่ก็ถูกหลิงหยวนกอดเอวไว้

สบตาเข้ากับนายท่านเธอก็เข้าใจความหมาย เขาต้องการดูว่าสาวน้อยมู่เทียนซิงคนนี้จะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง

คุณชายใหญ่ยิ้มแล้วเดินไปหาภรรยาของเขาฟางหมิ่นจือ แล้วมองดูราวกับกำลังดูการแสดงชั้นดี

คุณชายรองมองดูฉากนั้นอย่างคนขี้อิจฉา เขาไม่คิดว่าคุณหนูตระกูลมู่จะสวยและเด็กขนาดนั้น

ผู้หญิงแบบนั้นควรจะได้รับการดูแลอย่างดี น่าเสียดายที่ต้องมาแต่งงานกับเสี่ยวสื้อ

มู่เทียนซิงมองไม่เห็นมือที่ถูกยื่นมาของเขา ร่างสง่างามนั้นถอยหลังแล้วเดินไปหาหลิงเล่อย่างเป็นธรรมชาติมือที่ควรจะจับที่แฮนด์รถเข็นย้ายมาจับไหล่ของหลิงเล่แทน ใบหน้าขี้เล่นนั้นเผยรอยยิ้มขึ้นมา “ฉันมีครอบครัวของฉันแล้ว มันคงจะดีกว่าถ้าจะเรียกว่าพี่สาม ถ้าเกิดเหล่าพี่สาวน้องสาวของคุณมารบกวนฉัน ฉันคงจะรับมือไม่ไหว”

ครั้นมือขาวเนียนนั่นจับร่างกาย หลิงเล่ก็เกิดอาการตัวแข็งทื่อ

เมื่อเธอพูดว่า “ครอบครัวของฉัน” ร่างกายของเขาก็กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง

สายตาลึกล้ำนั้นมองมือเล็กที่อยู่บนไหล่ของเขา หลิงเล่แสดงออกนิดหน่อยดูเหมือนว่าจะยอมรับการกระทำของเด็กคนนี้ที่แตะตัวเขา

สายตาของหลิงหยวนมองอย่างมีความหมาย หลายปีที่ผ่านมานอกจากจั๋วหรันกับจั๋วซี เสี่ยวสื้อก็ไม่เคยให้ใครแตะเนื้อต้องตัว แม้แต่คนแก่คนนี้อยากจะจับมือก็ยังเป็นไปไม่ได้ ดูเหมือนเสี่ยวสื้อกับมู่เทียนซิงจะเข้ากันได้อย่างคาดไม่ถึง

“555”

คุณชายรองหัวเราะร่วนแล้วก็เปิดเกมต่อยคุณชายสามอย่างหนัก “ดูเหมือนว่าเรื่องราวรักสุดโรแมนติกของเจ้าสามจะเป็นที่แพร่หลายแม้แต่คุณหนูมู่ที่อยู่ในหอคอยงาช้างยังรู้เรื่อง”

“ไร้สาระ!”

หลิงเย่จ้องมองมู่เทียนซิงด้วยสีหน้าโศกเศร้า “คุณหนูมู่ เรื่องพวกนั้นมันถูกพวกนักข่าวใส่สีตีไข่ คุณยังวัยรุ่นก็คงไม่ผิดที่ยังสับสน จริง ๆ แล้วพี่เป็นคนที่รักนานและทุ่มเท ขอแค่เข้ากันได้เป็นเวลานานก็จะรับรู้ได้ถึงมัน”

หลิงเย่เกลี้ยกล่อมเธอ ถ้าหากคนที่สวยและพร้อมที่จะแต่งงานแบบเขา แล้วทำไมเขาเป็นคนเดียวที่ให้ท้ายเธอแบบนี้”

“พี่สามไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ฉันเข้าใจ ฉันเป็นเพียงน้องเท่านั้น ในอนาคตถ้าพี่สามเจอคนที่ต้องการแต่งด้วยแล้วค่อยอธิบายให้เธอฟัง อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่สนใจเรื่องของผู้ชายคนอื่น แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจด้วย”

เมื่อมู่เทียนซิงพูดแบบนี้ ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนมาเป็นแข็งทื่อเย็นชา

ตอนแรกเธอต้องการตอบอย่างสุภาพและแกล้งสนุกเล่น แต่หลิงเย่ทำให้เธออับอาย นี่เธอกำลังถูกวางกับดักอย่างนั้นเหรอ?

งั้นสถานที่ไหนที่พี่คิดว่าอยู่แล้วสบายก็รีบไปเถอะ!

ผีเสื้อดอกไม้แบบเขา ชีวิตนี้เธอไม่ต้องการพบอีก

“พอได้แล้ว ถ้าพูดเรื่องไร้สาระเสร็จแล้วก็กลับบ้านไป” ในที่สุดหลิงหยวนก็ยอมพูดสักที

ในที่สุดพี่สามปิดปากเงียบแต่ก็ยังมีรอยยิ้มเล็กน้อย เจิงเชี่ยนปลอบให้เขาเย็นลงแล้วพาไปนั่งที่โซฟา

คนที่เหลือก็ไปนั่งตาม ๆ กัน

สายตาสบกับชุดสีฟ้าน้ำทะเลของมู่เทียนซิง หลิงหยวนก็ยิ้มขึ้นมา “นั่นคงเป็นวัสดุสิ่งทอใหม่ของโรงงานทอผ้าซิงชั่นใช่ไหม”

คำพูดนั้น นอกจากหลิงเล่ ก็มีสามพี่น้องที่มองตรงไปยังชุดของมู่เทียนซิง

วัสดุที่ใช้ทำกระโปรงยาวควรจะเป็นผ้าไหมหรือไม่ก็ผ้าชีฟอง แต่นี่เบากว่าผ้าไหม นุ่มกว่าผ้าชีฟอง มองดูเธอลุก ๆ นั่ง ๆ กระโปรงก็ยังไม่มีรอยยับ

ในห้องนี้ วัสดุสีน้ำเงินที่เหมือนจะมีงานทำด้วยมือมากกว่าหนึ่งชนิด แต่เพราะการหักเหของแสงจึงทำให้มองเห็นในมุมที่ต่างกันและได้ภาพที่ต่างกัน

จะใช้ผ้าไหมที่มีน้ำหนักเบามาทอผ้าผืนนี้ได้ยังไง แล้วยังสามารถปักด้วยลวดลาย รวมเอาข้อดีของผ้าไหมและผ้าชีฟองออกมาได้เป็นอย่างดี นี่คือสิทธิบัตรของโรงงานทอผ้าซิงชั่น

ขั้นตอนกระบวนการนั้นยุ่งยาก ราคาผ้าชิ้นหนึ่งก็มีราคาแพงกว่าผ้าทั่วไป แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายในการทำเสื้อให้ออกมาเป็นชิ้นนั้นแพงยิ่งกว่า

หลิงหยวนไม่ใช่แค่เป็นนักธุรกิจเก่าแก่ แต่ยังทำกำไรได้มากด้วย

การพบกับลูกสะใภ้ในวันแรกจึงเป็นการพูดคุยแปลก ๆ ที่ขึ้นอยู่กับความสนใจ

มู่เทียนซิงเหลือบมองกระโปรงของตัวเองพลางลอบยิ้ม “อา มันเป็นแค่ผ้าซาตินจากโรงงานทอผ้าซิงชั่น แม่ของหนูเพียงแค่ให้อาจารย์ในโรงงานทำอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมาตามสัดส่วนของหนูเท่านั้นค่ะ”

หลิงหยวนถามอีกครั้ง “ถ้าหากต้องการซาตินแบบนี้ต้องเลี้ยงไหมแบบไหน?”

มู่เทียนซิงยิ้มและอายเกินกว่าที่จะพูด “หนูไม่ได้สนใจเกี่ยวกับธุรกิจของที่บ้านเลย เวลายังพอมี คุณลุงสามารถคุยกับพ่อของหนูได้นะคะ”

หลิงหยวนระงับความอยากรู้นี้เอาไว้ก่อนแล้วพยักหน้าอย่างช้า ๆ

คุณชายสามหลิงรุ่ยประหลาดใจมาก “ตระกูลมู่มีเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว อุตสาหกรรมใหญ่โตขนาดนี้ยังไงเธอก็ต้องสืบทอด จะไม่เรียนรู้ได้ยังไง?”

มู่เทียนซิงยักไหล่อย่างไม่แยแส “ฉันไม่สนใจเรื่องนี้เลยจริง ๆ”

หลิงรุ่ยพูดกับเธอ “แล้วเธอเรียนมหาวิทยาลัยอะไร? ใช่มหาวิทยาลัย K ไหม?

มู่เทียนซิงกระพริบตาอย่างร้อนรนเล็กน้อย “ฉันไม่ได้เรียนที่มหาวิทยาลัย K ฉันเรียนที่มหาวิทยาลัยทางการแพทย์”

คุณชายสามแปลกใจอีกครั้งแล้วมองไปยังมู่เทียนซิง “แท้ที่ก็แพทย์หญิงนี่เอง เก่งอะไรแบบนี้ สองวันมานี้ปากกับหัวใจเจ็บมากเลยแล้วก็ไม่มีเวลาไปหาหมอด้วย หากคุณหนูมู่อยากจะลองงานก่อนก็ช่วยดูอาการให้ฉันหน่อยได้ไหม?

มู่เทียนซิงกระแอมและตอบกลับ “ไม่ว่าพี่สามจะป่วยเป็นอะไรก็เกรงว่าฉันจะช่วยไม่ได้เพราะฉันเรียนนิติเวชที่มหาวิทยาลัยแพทย์ มันคือการทำงานกับศพค่ะ”

“!!!” คนในห้องต่างก็อึ้งไปตาม ๆ กัน

เจิงเชี่ยนหลับตาด้วยความกลัวแล้วมองไปยังมู่เทียนซิง “สาวน้อยแบบหนูเรียนนิติเวชเหรอ?”

มู่เทียนซิงพยักหน้าโดยปราศจากคำพูด

ดูสิ การเลือกปฏิบัติของคนต่ออาชีพของฉัน

เพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นเธอคิดว่าควรพูดบางอย่างออกไป “จริง ๆ แล้วหนูก็ไม่ได้สนใจเพียงแค่นิติเวชอย่างเดียว เมเจอร์อื่นก็สนใจ พอเรียนจบแล้วก็รับปริญญาบัตรแบบดัลเบิ้ลดีกรี

คุณชายสองยิ้ม ตอนแรกเขาคิดว่าจะแย่งตัวภรรยาของเสี่ยวสื้อ ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะกลัว ถ้าวันหนึ่งสาวน้อยคนนี้เกิดสนใจ กลางดึกหยิบมีดมาจ่อร่างกายของเขาแล้วบอกว่าต้องการให้เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ แค่คิดก็ขนลุก

พอได้ยินว่าเธอยังมีเรียนอีกตัวหนึ่งก็เกิดสนใจขึ้นมา “เรียนอะไร?”

มู่เทียนซิงยิ้มอย่างภูมิใจ “จิตวิทยาอาชญากรรมค่ะ"

เป็นอีกครั้งที่เธอทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel