

ตอนที่4
ตอนที่ 4 หาย
ธามรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเจ็ดโมงเช้า เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ก็พบกับความว่างเปล่า บ่งบอกว่าหญิงสาวหนีไปแล้ว คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาอย่างนึกหงุดหงิด เขาลุกขึ้นเดินไปสวมใส่เสื้อผ้าแต่ทว่าเสื้อคลุมของเขากลับหายไป จึงเดาว่าคนตัวเล็กคงจะใส่ไปแน่นอน เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่เธอเอาเสื้อของเขาไปแต่ที่หงุดหงิดก็เพราะเธอไม่ปลุกเขานี่สิ
“หึ คิดจะหนีเหรอ?” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเอง ธามเหลือบมองร่องรอยจางๆ บนเตียงพร้อมรอยเลือดจางๆ บริเวณผ้าปูที่นอน ยิ่งเพิ่มความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันไม่ใช่ความโกรธหรือความหลงใหล แต่กลับกลายเป็นความรู้สึกท้าทาย เขาจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง ยิ่งเธอทำแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เขานึกสนใจในตัวของเธอ ยิ่งแววตาคมเข้มของชายหนุ่มจ้องมองที่ร่องรอยเลือดบริสุทธิ์ที่เปรอะเปื้อนอยู่ที่นอนมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะหนีไปได้แค่ไหน
หลายวันผ่านไป
ธารน้ำ ใช้เวลาสองสามวันอยู่ในบ้าน พยายามรักษาร่างกายและหัวใจของตัวเองให้กลับมาเหมือนเดิม เธอรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่สูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับชายหนุ่มคนนั้น แต่เธอก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าโทษใครไม่ได้ เพราะเธอเองที่ยอมปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้น
ยังดีที่เธอหยุดเรียนวันศุกร์ลากยาวถึงวันอาทิตย์ จึงทำให้ธารน้ำร่างกายกลับมาเป็นปกติแล้ว ถึงแม้ในใจลึก ๆ จะเสียใจที่ต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ของตนเองให้กับรุ่นพี่หนุ่มคนนั้น แต่เธอก็พยายามทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะเป็นเธอเองที่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้จะโทษใครได้ นอกเสียแต่ว่าลืม ๆไปก็เท่านั้นเอง
ธารน้ำในเช้าของวันใหม่ เธอในยามนี้อยู่ในชุดนักศึกษาจ้องมองตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ก่อนจะหยิบรองพื้นมาปกปิดร่องรอยที่ยังคงปรากฏอยู่ให้เห็น ดีหน่อยที่ในตอนนี้มันเริ่มจางลงไปแล้ว ก่อนหน้านั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาเธอไม่ออกไปไหนเลย อยู่ในบ้านก็สวมใส่เสื้อแขนยาว อ้างว่าหนาว ดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวเธอใช้ข้ออ้างช่วงนี้เข้าฤดูหนาวแล้วจึง เธอไม่อยากให้ใครสงสัยอะไรทั้งนั้นจึงพยายามทำให้คนในบ้านไม่มีใครผิดสังเกตได้ เธอใส่เสื้อแขนยาวคลุมรอยต่างๆ บนร่างกาย และหลบหลีกสายตาของบิดาและคนในบ้านอย่างแนบเนียน
“ลูกธารมาทานข้าวก่อนสิลูก” เสียงท่านธนวัฒน์ธารน้ำเดินลงบันไดมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน เธอพยายามไม่แสดงท่าทีใดๆ ให้บิดาสงสัย บิดาของธารน้ำเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเดินลงบันไดมาพอดี จึงทำให้หญิงสาวยิ้มตอบรับก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องอาหาร
“วันนี้มีข้าวต้มปลานะคะคุณหนู” เสียงแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่หญิงสาวเคารพรักเอ่ยขึ้น ทำให้คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณนะคะ” หลังจากที่แม่บ้านนำข้าวต้มมาเสิร์ฟให้เธอ หญิงสาวก็เอ่ยขอบคุณออกไปด้วยท่าทีนอบน้อม ธารน้ำเป็นคนน่ารักมีมารยาท ทำให้เป็นที่รักของคนในบ้าน โดยเฉพาะบิดาของเธอที่พอหลังจากมารดาของเธอเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน ท่านก็ดูแลเลี้ยงดูเอาใจใส่เธออย่างดีที่สุด ถึงแม้บางครั้งท่านจะงานยุ่งแต่ถ้าเป็นเธอแล้วท่านสามารถละทิ้งทุกอย่างสนใจแต่เธอทันที
“ธารอิ่มแล้ว งั้นธารไปเรียนก่อนนะคะ”
“ตั้งใจเรียนนะลูก”
“ค่ะคุณพ่อ ธารรักคุณพ่อนะคะ” หญิงสาวพูดบอกก่อนจะเดินไปหอมแก้มบิดาฟอดใหญ่ ทำให้ท่านธนวัฒน์อมยิ้มออกมากับท่าทางออดอ้อนของลูกสาวก่อนที่เขาจะมองคนตัวเล็กเดินออกไปโดยมีคนขับรถจอดรถรออยู่หน้าบ้านแล้ว
“นับวันลูกสาวของฉันก็ยิ่งโต เฮ้อ พอมาคิดว่าวันนึงจะต้องแต่งงานออกไป มันทำให้ฉันทำใจยากจริง ๆ” ชายวัยกลางคนพูดบอกกับแม่บ้านของตนเอง น้อมที่ได้ยินอย่างนั้นก็อมยิ้มออกมากับท่าทางหวงลูกสาวของเจ้านาย
คนขับรถมาส่งหญิงสาวที่หน้าตึกเรียนเหมือนที่เคยเป็น หญิงสาวเอ่ยปากขอบคุณก่อนจะลงจากรถไป เธอเห็นเพื่อนสนิทเดินมาพอดีก็รีบเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส อิงฟ้าที่เห็นหน้าเพื่อนก็ถามไถ่ถึงอาการไม่สบายของเพื่อนทันทีเพราะธารน้ำส่งข้อความมาบอกว่าหยุดเรียนเนื่องจากไม่สบายนิดหน่อย
“ดีขึ้นแล้วขอบใจนะอิง” ถึงแม้จะบอกออกไปอย่างนั้นแต่เธอก็ยังมีเจ็บ ๆ ตรงส่วนนั้นอยู่ เพียงแต่ไม่ได้หนักเหมือนวันแรกก็เท่านั้นเอง
“อืม ไม่เป็นไร ดีแล้วล่ะที่เธอดีขึ้นแล้ว” สองสาวควงแขนเดินเข้าไปในตัวลิฟต์พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย ธารน้ำทำตัวเป็นปกติที่สุด ทำเหมือนว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นกับเธอมาก่อน ส่วนผู้ชายคนนั้นหญิงสาวตัดสินใจบล็อกทุกช่องทางไปแล้ว ไม่คิดพูดคุยอะไรอีก นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็นึกโมโห อุตส่าห์เปิดใจอยากหาคนรักกัน มาเจอดีตั้งแต่ครั้งแรกเลย หลังจากนี้เธอคงจะปิดใจไปอีกนาน กลายเป็นคนกลัวความสัมพันธ์ไปเลย
อีกด้านของธาม
ชายหนุ่มนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อน ตลอดสามวันที่ผ่านมาเขานึกหงุดหงิดที่ไม่ได้เจอหน้าผู้หญิงอีกคนเลย แต่ในใจก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากจะเจอผู้หญิงคนนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ชอบอะไรเธอเลยสักนิด ก็แค่สนใจบ้างแต่ก็ไม่ได้คิดอยากจะจีบอะไรหรอก แต่พอเห็นหน้าฟึดฟัดก็รู้สึกอยากจะแกล้งเธอก็เท่านั้นเอง เขารู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อนึกถึงธารน้ำที่หลบหน้าเขามาหลายวัน
เธอหนีไปโดยที่ไม่แม้แต่จะมาคุยเรื่องเสื้อคลุมของเขา
“พักเที่ยงกินข้าวที่ไหน” จู่ ๆ ธามก็เอ่ยถามเพื่อนขึ้นเพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนของเขานั้นเวลาพักเที่ยงมักจะไปทานข้าวกับแฟนสาวอีกคณะหนึ่ง ซึ่งทุกครั้งพวกเขาก็มักจะไปด้วยนั่นแหละ
“กลับคอนโดไง ไม่มีเรียนต่อ อิงก็เหมือนกัน”
“นึกว่าจะไปหากินข้าวกันก่อนกลับ”
“ทำไมมึงเหงาเหรอ” เป็นกวินที่พูดขึ้นเมื่อจู่ ๆ เห็นว่าธามพูดเหมือนอยากจะชวนไปกินข้าวด้วย
“เออ พอใจยัง!”
“ฮ่าฮ่า เหงาก็หาเมียครับอย่าไปอิจฉามันเลย”
“หึ กูไม่ได้อิจฉาโว้ย” เขาไม่พูดเปล่าใช้เท้าเตะขาเพื่อนอย่างไม่ได้จริงจังนัก
“เหรอ ไม่บอกไม่รู้เลย ว่าแต่กูก็เริ่มหิวแล้ว เมียมึงเลิกเรียนตอนไหนนะ” กวินหันไปถามอัศวินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“อีกประมาณ 20 นาที งั้นก็ไปหากินข้าวกันก่อนกลับแล้วกัน”
“เออ ตามนั้น” อัศวินพิมพ์ข้อความไปหาแฟนสาว บอกว่าก่อนกลับคอนโดจะแวะไปทานข้าวก่อนโดยที่เพื่อนของเขาไปด้วย คนตัวเล็กก็ตอบกลับมาทันที แต่พออิงฟ้าหันไปเอ่ยชวนเพื่อนสนิทธารน้ำก็ปฏิเสธออกมา เธอยังไม่พอใจกับกลุ่มแฟนของเพื่อน ถึงแม้ตอนนี้จะพยายามไม่อะไรแล้วแต่ก็ยังหงุดหงิดกับสิ่งที่เคยผ่านมาอยู่ดี เธอไม่ได้ว่าที่เพื่อนกลับไปให้โอกาสรุ่นพี่หนุ่มคนนั้น เธอเข้าใจดีเรื่องของความรักไม่เข้าใครออกใครหรอก แต่เธอแค่ยังไม่อยากเจอหน้าพวกรุ่นพี่หนุ่มก็เท่านั้นเองโดยเฉพาะผู้ชายอีกคนที่เธอเพิ่งมีความสัมพันธ์มาหมาด ๆ ด้วย
ธามหรี่ตามองเมื่อเห็นว่ามีเพียงอิงฟ้าที่เดินตรงมาทางด้านที่พวกเขานั่งอยู่ ไม่ปรากฏผู้หญิงอีกคนที่มักจะตัวติดกันตลอด จะมีก็ช่วงหลัง ๆ นี่แหละที่ธารน้ำไม่ค่อยไปทานข้าวกับอิงฟ้าเวลาที่หญิงสาวมาทานข้าวกับกลุ่มเขา คนตัวสูงพอรู้เหตุผลว่าเพราะอะไร แต่ก็นึกหงุดหงิดขึ้นมาที่เธอเอาแต่หนีหน้าแบบนี้มันจึงไม่มีโอกาสให้เขาได้คุยกับเธอเลย อย่างน้อยหาข้ออ้างคุยเรื่องเสื้อก็ได้
“อ้าว เพื่อนน้องอิงไปไหนแล้วล่ะ” เป็นกวินที่เอ่ยถามขึ้น
“ธารกลับไปแล้วค่ะ ที่บ้านมารับพอดี”
หึ…คิดว่าหนีแล้วจะรอดเหรอ
กวินพยักหน้าไม่ได้สนใจอะไรอีก ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปทานข้าวที่ร้านประจำ
ธารน้ำนั่งถอนหายใจมาตลอดการเดินทางกลับบ้าน จนทำให้คนขับรถอดไม่ได้ที่จะลอบมองคุณหนูของตน ที่เห็นว่าช่วงหลัง ๆ ดูเหมือนคุณหนูของเขาจะมีเรื่องให้เครียดพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ได้แต่มองอย่างห่วง ๆ ก็เท่านั้น
“คุณหนูจะแวะที่ไหนก่อนเข้าบ้านไหมครับ”
“อืม ไปแวะซื้อขนมที่ร้านหวานหวานก็ได้ค่ะ ธารอยากทานพอดี” เพราะอารมณ์หงุดหงิดจึงทำให้เธออยากทานอะไรหวาน ๆ คนขับรถพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขับรถไปยังร้านขนมโปรดของคุณหนูของตน ธารน้ำนึกถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น นึกถึงการกินยาคุมฉุกเฉินครั้งแรกจู่ ๆ พอนึกขึ้นมาก็ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว มันเป็นความผิดพลาด ผิดพลาดมากจริง ๆ จนเธอไม่อยากจะจำแต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะลืมมันไป
