ตรวนรักรอยราคี บทที่1.คุณชายแห่งวังภิรมย์สุข 3/4
“ไม่ต้องพูดให้ย่ารู้สึกสบายใจเลยชาย...ย่าเห็น ย่ารับรู้...ทุกวันนี้เดินไปทางไหน แทบจะไม่เห็นวิถีชีวิตแบบไทยเดิม...ทุกคนเร่งรีบ วิ่งตามกระแสโลก ลืมความเป็นไทยไปเกือบหมด...ย่าเห็นแล้วย่าก็ใจเสีย ย่าพยายามรักษาวัฒนธรรมเก่าๆ เอาไว้ เพื่อคนรุ่นหลังจากย่าจะได้รู้สึกและรับรู้ มันจะต้องไม่หายไปตามกระแสโลก ใครจะว่าย่าคร่ำครึ!! จมอยู่กับสิ่งล้าหลังก็ตามใจ วันหนึ่งเขาจะรู้เองว่าย่าทำเพื่อใคร?” ท่านพูดเสียงเย็นๆ การที่ท่านเปิดโรงเรียนสอนรำ สอนร้อง สอนทุกอย่างที่เป็นไทยแท้ มีคนนินทาลับหลังว่าท่านทำไปโดยเปล่าประโยชน์ ทุกวันนี้เด็กๆ ไม่นิยมร่ายรำอ่อนช้อย เขาชอบเต้นรำตามกระแสโลก ไม่ว่าจะเป็นการเต้นยึกยือ... ที่ท่านมองเห็นทีไรก็จะเป็นลม เมื่อมันหาได้มีความอ่อนช้อยงดงามไม่ และคนที่สานต่อความฝันของท่านก็คือลอออร
“วันเวลามันเปลี่ยนไปแล้วครับหม่อมย่า สมัยก่อนเราเดินทางทางน้ำ ใช้เรือพายและการเดิน ต่อมาก็มีรถราง รถยนต์ จนตอนนี้เรามีกระทั่งรถไฟฟ้า ทั้งบนดินและใต้ดิน เราต้องรู้จักปรับตัวก้าวตามให้ทันโลก ไม่อย่างนั้นเราจะถูกทิ้งให้ยืนอยู่เบื้องหลังคนเดียว” ชายหนุ่มอธิบายให้หม่อมสูงศักดิ์ฟัง โลกพัฒนาไปไกล มีทั้งเครื่องบินที่ลอยลำเหนือน่านฟ้า และเรือที่มุดลงไปใต้น้ำแต่ก็ยังเคลื่อนที่ได้ แถมท้ายด้วยการสื่อสายไร้สาย ไม่ว่าจะโทรศัพท์ หรืออินเทอร์เน็ต!!
“ใครจะก้าวไปข้างหน้า จะวิ่งกระหืดกระหอบตามโลกก็ปล่อยเขาสิ... ย่าจะยืนอยู่ตรงนี้และรักษาความเป็นไทยเอาไว้ให้ได้ วันหนึ่งเขาจะรู้เอง... ว่าวิถีคนต่างชาติ ไม่ได้ทำให้เราดีขึ้น มีแต่จะเหนื่อยหนักที่ต้องวิ่งตามเขา...ย่าจะอนุรักษ์ความเป็นไทยไว้รอให้เขาหันกลับมามอง...เมื่อมันมีแต่สิ่งดีๆ ที่ควรเก็บเอาไว้” ท่านพูดเสียงนิ่งเจตนารมณ์ของท่านทำเพื่ออนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของไทยเอาไว้ แม้จะมีคนเห็นด้วยไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะยังมีคนที่มีความคิดคล้ายท่านหลายคน...เพราะโรงเรียนที่เปิดสอน มีลูกศิษย์ลูกหาไม่ใช่น้อย
“เขามาสิ!! นี่ฉันให้หล่อน” ชายหนุ่มตัดบท ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว เมื่อตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจสิ่งที่หม่อมย่าอุ่นเรือนทำสักนิด เมื่อมันล้าหลังและไม่ทำให้รู้สึกสนุก มันน่าเบื่อและคร่ำครึ...มือแข็งแรงหยิบกล่องเล็กๆ ที่เตรียมไว้ออกมาจากอกเสื้อ เขาส่งกล่องนั้นให้ลอออร ก่อนจะรีบปั้นหน้าเคร่ง เพราะเหลือบมองเห็นรอยยิ้มอ่อนๆ บนใบหน้าของหม่อมย่าอุ่นเรือน
หม่อมอุ่นเรือนคลี่ยิ้มสมใจ ปากหลานชายตะโกนปาวๆ ว่ารังเกียจเดียดฉันท์ลอออรเหลือใจ...แต่บางครั้งท่านก็มองเห็นความเมตตาของคุณชายคชวงค์ยามที่เจ้าตัวเผอเรอบ้างเหมือนกัน
มือเรียวสั่นระริกยื่นออกมารับกล่องเล็กๆ แบนๆ ที่ชายหนุ่มส่งให้ เธอช้อนนัยน์ตามองสบตาชายหนุ่ม แววตาอ่อนเชื่อมทอดพินิจใบหน้าคมคายของคุณชายคชวงค์ด้วยความซาบซึ้ง ดวงตาคมดุมองตอบ เป็นเพียงเสี้ยววินาที ที่ลอออรมองเห็นแววยินดีเพียงชั่วแว๊บ ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงรอยขึ้งโกรธ ปั้นปึ่งเหมือนเดิม แต่...เพียงเท่านี้คนต่ำศักดิ์ด้อยค่าก็รู้สึกปลื้มปีติ...
ชายหนุ่มหัวใจกระตุก ยัยเด็กก้นครัวตัวดำปื้อ วันเวลาขัดเกลาและบ่มเพาะ จนเจ้าหล่อนดูงดงามและอ่อนหวาน วงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา เรียวคิ้วโก่งดังคันศรของพระราม ปลายจมูกโด่งเชิดพองาม รับกับกลีบปากอิ่มเอิบระเรื่อ ใบหน้าใสไร้ริ้วรอยราคี เป็นความงามที่เกินคาด เพราะตอนที่เขาเดินทางไปเรียนต่อ ลอออรยังเป็นแค่เด็กกะโปโล ขี้มูกเกรอะกรัง วันนี้ ในวินาทีแรกที่มองเห็น เธองดงามหมดจด พิราบพิไล...หัวใจเขาเต้นดังกลองรบ มันกระตุกสั่นยามที่เผลอตัวสบนัยน์ตาดำคลับของเจ้าหล่อน...แววตาอ่อนเชื่อม ชวนพิศ ชายหนุ่มรีบชักมือกลับเหมือนแตะก้อนถ่านที่ลุกแดงโร่ และรีบเบือนหน้าหนี... แต่...หางตากลับรอบมองลอออรเป็นระยะ