6. ส่งสารถึงคู่หมั้น[2]
“หลิงเอ๋อร์ ทำความเคารพท่านหมิงเร็วเข้า”
มู่เสวี่ยหลิงรู้สึกเหมือนโดนทัณฑ์สายฟ้าฟาดเข้าร่างอย่างจัง นางยืนแข็งทื่ออยู่ด้านนอกห้องโถง ดวงตาจับจ้องใบหน้าคุ้นตาที่สลักลึกลงในใจด้วยความเกลียดชังทั้งยังเคืองแค้น หมิงเยี่ย บุรุษชั่วช้าสามานย์ เขาหลอกให้นางหลงรัก เขาหลอกให้นางเชื่อ เขาบอกว่าจะแต่งนางเป็นภรรยาเอกของเขาที่เมืองหลวง ให้นางขึ้นเกี้ยวแดงแปดคนหามไม่ให้นางต้องน้อยหน้าใคร
สุดท้ายแล้วเขาพานางไปเมืองหลวงจริง แต่นางได้เพียงตำแหน่งอนุเท่านั้นซ้ำยังเป็นอนุลำดับที่ห้า ไร้ความสลักสำคัญอย่างถึงที่สุด เขามีเมียเอกอยู่แล้วทั้งยังมีเมียรองและอนุเต็มจวน ตำแหน่งขุนนางขั้นสี่ของเขาก็ได้มาเพราะพ่อภรรยาเป็นผู้ผลักดัน เขาใช้ชีวิตอยู่กับจวน สำเริงสำราญใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังปล่อยให้นางถูกฮูหยินเอกของเขารังแกจนลี่ลี่ต้องตกตาย
เขาทำกับนางไว้สาหัสถึงเพียงนั้น สุดท้ายเพราะรังเกียจที่นางติดโรคหญิงขายเรือนร่างถึงได้ส่งนางกลับให้บิดา เป็นเหตุให้หยวนเซิ่งเจ๋อต้องตายอย่างโดดเดี่ยว เป็นเพราะเขา ชีวิตรุ่งโรจน์ของหยวนเซิ่งเจ๋อถึงได้ดับสิ้น เป็นเพราะเขา พี่หยวนของนางถึงต้องสิ้นชีวิตเยี่ยงสุนัขข้างถนน
เป็นเพราะมันทั้งหมด!
มู่เหยียนจงเห็นบุตรสาวยืนจ้องหน้าแขกเอาเป็นเอาตายก็นึกกลัวว่าหมิงเยี่ยจะเอาเรื่อง เขาเรียกเสียงเข้ม
“หลิงเอ๋อร์! อย่าเสียมารยาทต่อแขกของพ่อ”
มู่เสวี่ยหลิงกระพริบตาปริบ นางคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ยอบกายให้บิดาและหมิงเยี่ยอย่างฝืนใจ
“เสียมารยาทแล้วเจ้าค่ะ เป็นเพราะหลิงเอ๋อร์ไม่เคยพบขุนนางมาก่อนจึงตกใจอยู่บ้าง ขอท่านหมิงอย่าถือสาผู้น้อยเลยนะเจ้าคะ”
หมิงเยี่ยส่ายหน้าช้า ๆ “ได้ทำให้สาวงามผู้หนึ่งตะลึงตะลาน ถือว่าเป็นโชคดีของข้าแล้ว”
มู่เสวี่ยหลิงสะอิดสะเอือนจนนึกอยากจะอาเจียนออกมาเสียเดี๋ยวนั้น นางก้าวเท้าเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ขณะผ่านลี่ลี่ยังเอ่ยสำทับอีกคำหนึ่ง
“เจ้าไปจวนหยวน บอกคนหน้าประตูว่าข้าคุณหนูมู่มีเรื่องต้องหารือกับคุณชายใหญ่หยวนเป็นการด่วน”
ลี่ลี่ขมวดคิ้วแน่น “คุณหนู ถ้าคุณชายหยวนไม่มาเล่าเจ้าคะ”
มู่เสวี่ยหลิงเสียงอ่อนลง “เขาต้องมาแน่”
เพราะหยวนเซิ่งเจ๋อผู้นั้นรักนางที่สุดในชีวิตเขา ขอเพียงนางเอ่ยปาก เขาย่อมต้องมาแน่