บท
ตั้งค่า

EP 9

“ขอบคุณครับ แต่ผมเปลี่ยนใจจะพาผู้บริหารไปเลี้ยงข้าวแทน เห็นคุณติบอกว่ามีร้านประจำอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ คุณช่วยโทรจองโต๊ะกับสั่งอาหารรอเลยได้มั้ย คงรู้นะว่าร้านอะไร”

“ค่ะ”

รภัสรดารีบหอบแฟ้มเดินตรงไปหาวารีเพื่อขอเบอร์ทันที ด้วยรู้ดีว่าจิตตินันท์มักจะกินร้านนี้ประจำ รวมทั้งผู้บริหารคนอื่นด้วย ส่วนตัวเองเคยไปกินไม่กี่ครั้งกับนงคราญ และพาเพื่อนสาวไปอีกสองครั้ง พอโทรสั่งเสร็จปุ๊บ ก็มีเสียงเรียกเข้าจากเบอร์ไม่คุ้นปั๊บ ไม่อยากรับแต่ก็กลัวจะเป็นเรื่องสำคัญ

“คุณอยู่ไหนแล้วล่ะ ผมรออยู่ที่รถแล้วนะ ให้เวลาสามนาทีคุณต้องถึง” แล้วสายก็ตัดฉึบทันที

“อะไรเนี๊ยะ! ไม่เห็นบอกเลยว่าต้องไปด้วย” เลยบ่นออกมาตรงนั้น วารีกับปุ้ยมองอยู่ก็หันไปหากันแล้วยิ้ม

“ท่านประธานคงอยากให้เลขาไปเรียนรู้มั้งเอื้อย ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร รีบไปเถอะ เดี๋ยวขุ่นมาจะยุ่งนะ ท่าทางเข้มไม่เบา โชคดีนะ”

เลขาใหม่ถอนหายใจหนักๆ แล้วฝากแฟ้มไว้ตรงโต๊ะวารี เพราะไม่มีเวลาเอาเข้าไปเก็บในห้อง จากนั้นก็ลากส้นเข็มที่ปกติไม่ค่อยใช้ตรงไปหาลิฟต์ทันที พอออกไปก็เห็นเจ้านายยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบขรึม มีแว่นกันแดดแบรนด์ชั้นนำและทำให้ดูหล่อเหลาเพิ่มอีกครอบดวงตาเอาไว้ เลยไม่รู้ว่าแววตาที่กำลังมองมาเป็นยังไง

“นั่งข้างหลัง เพราะผมมีอะไรจะคุยด้วย”

คนกำลังจะเปิดประตูหน้าถึงกับชะงัก พร้อมกับลอบถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปยังประตูที่เจ้านายเปิดรอ ทั้งที่ควรจะให้ไปขึ้นอีกด้าน

“ขยับสิครับ หรือจะให้ผมนั่งบนตักคุณแทน”

คนมีแว่นกันแดดคลุมดวงตาเอาไว้มุดเข้ามา เลขาใหม่เกือบหลบไปอีกฟากไม่ทันแล้ว ใจก็กลัวว่าเขาจะสั่งอะไรยืดยาวแทบแย่ เพราะไม่มีสมุดกับปากกาติดตัวมาเลย มีแค่มือถือเครื่องเดียวเท่านั้น

กระเป๋าสะพายหรือกระเป๋าสตางค์ก็อยู่ลิ้นชักในโต๊ะ แล้วก็พลอยคิดไกลไปถึงขนาดที่ว่า ถ้าเจ้านายให้สำรองเงินค่าอาหารไปก่อนจะทำยังไง แถมโรคเก่าก็ยังไม่หาย ขืนต้องก้มหน้าจดงานมีหวังได้งานเข้าแน่

“สิ่งที่เลขาผมมีติดตัวตลอด คือสมุดกับปากกา บางทีก็แท็บเล็ต แต่ตอนนี้คุณไม่มีทั้งสองอย่าง ถ้าผมสั่งงานเยอะๆ คุณจะจำยังไง หวังว่านี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่คุณจะพลาดนะ”

ยังคิดไม่ทันจบ เสียงเข้มๆ ของท่านก็ส่งมาแล้ว รภัสรดารู้สึกอายคนขับรถซึ่งจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรแล้วไม่น้อยเมื่อถูกตำหนิ

“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่คิดว่าท่านประธานจะให้มากินข้าวด้วย เลยไม่ทันได้เตรียมตัวค่ะ อีกอย่างก็คิดว่าท่านประธานจะกินมื้อเที่ยงในออฟฟิศ เลยมัวแต่ไปเตรียมไว้ให้ค่ะ ไม่ทันจะได้...”

“คุณหาว่าผมเปลี่ยนคำสั่งปุบปั๊บหรือไง” ยังไม่ทันจะได้อธิบายจบ เจ้านายก็สวนกลับเสียงราบเรียบทันควัน

“เปล่าค่ะ ดิฉันแค่อธิบายว่าทำไมถึงไม่มีสมุดกับปากกาติดตัวมาเท่านั้นค่ะ”

“กฎสองข้อที่เลขาอย่างคุณควรท่องไว้ก็คือ ข้อแรกเจ้านายถูกเสมอ ข้อสองถ้าเจ้านายผิดให้ย้อนกลับไปดูข้อหนึ่ง โอเคนะ ร้านนั้นหรือเปล่าสมคิด”

รภัสรดาเคยชอบรสชาติกับบรรยากาศอาหารร้านนี้ไม่น้อย แต่วันนี้รู้สึกไม่ชอบที่ร้านอยู่ใกล้บริษัทไปหน่อย เลยไม่มีโอกาสได้อธิบายต่อ เพราะนั่งรถมายังไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว นั่นเป็นโอกาสที่เจ้านายรีบตัดบทการสนทนา เป็นไปถามคนขับรถแทน

“ดิฉันขอเข้าไปดูความเรียบร้อยก่อนนะคะ”

รภัสรดาไม่คิดจะรอคำอนุญาต เพราะกลัวจะมีคำนั่นนี่งอกออกมาจากปากท่านประธานอีก เลยรีบเดินเข้าร้านอาหารทันที ทิ้งให้พนักงานคอยต้อนรับแทนเท่านั้น

“อาหารเสร็จบางอย่างแล้ว จะให้ลงโต๊ะเลยมั้ยคะคุณเอื้อย”

ผู้จัดการร้านยืนถามอยู่หน้าห้องวีไอพี บรรดาผู้บริหารรวมทั้งท่านประธานก็เดินมาพอดี

“ได้เลยค่ะ รีบนิดหนึ่งนะคะ เจ้านายเอื้อยต้องกลับไปประชุมตอนบ่ายโมงค่ะ”

ผู้จัดการเลยรีบสั่งพนักงานตามนั้นทันที รภัสรดาไม่แน่ใจว่าที่เจ้านายสั่งให้มาด้วยนั้น รวมถึงการได้นั่งร่วมโต๊ะกับทุกคนหรือไม่ยังไง เลยยืนอยู่ประตูห้องเท่านั้น

“คุณเอื้อยครับ มานั่งตรงนี้สิครับ จะได้รู้ไงครับว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร”

ไม่บอกเปล่า ท่านยังเลื่อนเก้าอี้ฝั่งซ้ายมือออกให้ ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นจิตตินันท์ ต่อไปก็เป็นผู้บริหารอีกหกคน

“เชิญครับทุกคน อยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่ครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

ประธานหนุ่มผายมือให้ด้วยใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ นั่นทำให้ทุกคนค่อยผ่อนคลายลงจากการประชุมครั้งแรกที่ดูเหมือนจะเคร่งเครียดไม่น้อย

“ผมขอปลากะพงทอดน้ำปลาทีครับคุณเอื้อย”

รภัสรดาไม่กล้าถอนหายใจหนักๆ ด้วยจานปลาที่ท่านประธานอยากกินนั้น อยู่ในรัศมีที่เอื้อมตักเองได้ แต่ก็จำต้องทำตามคำขอ ในใจก็ถามตัวเองไปด้วย ว่าเลขานี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไง แล้วเกิดครั้งหน้าเจ้านายสั่งให้ป้อน ก็ไม่ต้องทำตามหรือ

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมตักสลัดให้นะครับ ผักดีต่อสุขภาพ กินเยอะๆ นะครับ จะได้แข็งแรง ทำงานกับผมนี่ต้องอึดนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

รภัสรดาจำต้องเอ่ยเสียงเรียบ เมื่อท่านแสดงให้คนรอบโต๊ะเห็นว่ามีน้ำใจมากแค่ไหน ทว่ามะเขือเทศสามลูก เป็นอะไรที่ในชีวิตนี้คิดว่าจะไม่แตะซ้ำสองแน่ เพราะเกลียดรสชาติคาวปนหวานปะแล่มๆ ได้ดี มันชวนให้คลื่นเหียนอยากจะอาเจียนมากแค่ไหน

“ด้วยความยินดีครับ ถ้ากินหมดแล้วเดี๋ยวผมตักเพิ่มให้อีกนะครับ มีเยอะเลยไม่ต้องเกรงใจครับ คุณเอื้อยชอบกินมะเขือเทศนี่เอง มิน่าล่ะ! ผิวถึงสวยอย่างนี้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel