7 นายแกล้งฉันใช่ไหม
พิมพ์พันดาวเลิกตั้งแต่สีโมงเย็นแต่วันนี้เธอมีประชุมต่อกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เกือบจะหนึ่งทุ่มเธอรีบตรงเข้าไปในบ้านเพราะคิดว่าบิดาจะต้องรอทานอาหารเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมาแต่พอเดินเข้ามาก็ไม่เห็นท่านอยู่มี่โต๊ะทานอาหารจึงเดินขึ้นตามที่ห้องนอนแต่ทั้งห้องก็ปิดไฟมืด
หญิงสาวตะโกนเรียกบิดารอบบ้านแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ พิมพ์พันดาวจึงรีบโทรศัพท์ไปหาแต่รอจนสายถูกตัดก็ไม่มีคนรับหญิงสาวเริ่มใจคอไม่ดีเพราะปกติแล้วเวลานี้ท่านจะไม่ออกบ้านไปไหน เมื่อกดโทรศัพท์โทรออกอีกครั้งก็มีเสียงสั่นดังมาจากโซฟารับแขก
“พ่อไปไหนเนี่ยแล้วทำไมถึงไม่เอาโทรศัพท์ไปนะ” พิมพ์พันดาวบ่นแล้วนั่งรออยู่สิบนาทีบิดาก็ยังไม่กลับมาจึงเอาโทรศัพท์ของท่านขึ้นมาดูเผื่อว่าท่านจะออกไปพบเพื่อนหรือมีใครโทรนัดออกไปข้างนอก หญิงสาวถือวิสาสะเลื่อนดูรายการโทรออกล่าสุด
“ตรัยคุณ” เธอพึมพำเมื่อนึกถึงชื่อนี้เพราะเหมือนเคยได้ยินบิดาพูดชื่อเขาอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นเพื่อนบ้านแต่ก็ยังไม่เคยเจอตัวกันสักครั้ง
พิมพ์พันดาวลังเลว่าจะโทรไปถามเขาดีหรือเปล่าเพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยความเป็นห่วงบิดาหญิงสาวจึงเลือกที่จะโทรศัพท์ไปถามเขาเพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้คุยกับบิดาของตนเอง
เสียงรอสายดังขึ้นหลายครั้งกว่าเจ้าของโทรศัพท์จะกดรับสาย
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ เบอร์คุณตรัยคุณใช่ไหมคะ”
“ครับ” ตรัยคุณจำเสียงเธอได้และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์เพิ่มศักดิ์ซึ่งตรัยคุณเปลี่ยนมาเรียกลุงตั้งแต่ได้เป็นเพื่อนบ้านกันเมื่อหลายปีก่อน
“ฉันขอโทษที่โทรมารบกวน คือฉันมีเรื่องจะถามคุณค่ะ”
“คุณคงจะถามถึงลุงเพิ่มใช่ไหม”
“ค่ะ พ่อฉันอยู่ที่บ้านคุณหรือเปล่าคะ”
“ค่ะท่านอยู่ที่นี่คุณจะคุยกับท่านไหมครับเดี๋ยวผมจะเอาโทรศัพท์ไปให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าท่านอยู่ที่ไหนแค่นั้นเอง ขอโทษนะคะที่รบกวน”
“ไม่เป็นไรครับ คุณไม่อยากคุยกับท่านจริงๆ ใช่ไหม” ตรัยคุณถามย้ำเพราะคิดว่าพิมพ์พันดาวน่าจะเกรงใจ
“จริงค่ะ ขอบคุณนะคะ” เมื่อรู้ว่าบิดาอยู่ทีไหนพิมพ์พันดาวก็สบายใจเธอแบ่งกับข้าวที่ซื้อมาเป็นสองส่วนก่อนจะทานในส่วนของตัวเองแล้วไปอาบน้ำและทำธุระส่วนตัว
แต่จนเสร็จแต่บิดาก็ยังไม่กลับมา เธอกำลังช่างใจว่าจะโทรศัพท์ไปหาตรัยคุณอีกครั้งหรือจะเดินไปตามบิดา แต่เพราะไม่อยากจะรบกวนเขาจนเกินไปพิมพ์พันดาวเลยเลือกจะเดินไปตามบิดาเองเพราะอยากจะรู้ว่าท่านไปทำอะไรที่นั้นเป็นนานสองนาน
เสียงออดที่หน้าบ้านทำให้คนที่อยู่ในห้องรับแขกมองหน้ากันเพราะนี่มันก็ดึกมาแล้วไม่น่าจะมีใครมาหาแต่ตรัยคุณก็พอจะเดาออกว่าที่มาคือใครเขาเลยรีบลุกขึ้นเพื่อจะรีบหลับไปยังบ้านของตนเองแต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด
“นั่นจะไปปิดประตูใช่ไหมตรัย” บิดาของชายหนุ่มถาม
“ครับพ่อ” ตรัยคุณจำต้องยอมเพราะตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยนอกจากเขา
ชายหนุ่มเดินออกมายังหน้าบ้านซึ่งระยะทางห่างจากประมาณยี่สิบเมตรแต่ก่อนตรัยคุณเคยบ่นว่ามันไกลแต่วันนี้เขาอยากให้มันไกลออกไปมากกว่านี้เพราะตนเองยังหาคำแก้ตัวดีๆ ให้กับคนที่ยืนรออยู่หน้ารั้วไม่ได้
แสงไฟบริเวณประตูรั้งที่เปิดสำหรับคนเดินเข้าค่อนข้างจะสว่างทำให้เขามองเห็นแต่ไกลว่าตอนนี้พิมพ์พันดาวกำลังยืนรออยู่อย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ แต่ในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้เขาก็ต้องยอมให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น
“มาตามคุณพ่อใช่ไหมครับ”
“นี่นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“สวัสดีครับผมชื่อตรัยคุณเป็นเพื่อนบ้านของคุณ”
“สวัสดีค่ะคุณตรัยคุณ ฉันมาตามพ่อกลับบ้าน”
“เชิญข้างในก่อนสิท่านกำลังคุยธุระกันอยู่”
“ฉันเคยรู้มาว่าบ้านของนายทำไร่ แล้วทำไมถึงไปทำงานส่งของอีกล่ะ” พิมพ์พันดาวชวนคุย
“หนูพิมพ์ครับคือ...”
“นายเลิกเรียกฉันว่าหนูพิมพ์เถอะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว”
“ขอโทษครับพอดีว่าผมเรียกตามพ่อคุณน่ะ”
“นายยังไม่ตอบคำถามฉันเลยว่าทำไมถึงไปทำงานส่งของ”
“คือผมไม่รู้จะตอบยังไงดี”
“ก็ตอบตามความจริงสิ คำถามไม่ได้ยากอะไรเลยไ
“ถ้าให้ตอบตามจริงก็คือผมไม่ได้ทำงานส่งของ”
“แต่นายมากับรถนะ”
“คือผมเพิ่งกลับจากรุงเทพแล้แวะหาเพื่อนกะว่าจะให้มันมาส่งแต่แล้วพอดีมีรถจะมาส่งของที่บ้านคุณผมก็เลยขอติดรถมาด้วย”
“แล้วทำไมถึงไม่บอกฉันว่าไม่ใช่คนส่งของ นายแกล้งให้ฉันเข้าใจผิด”
“ผมไม่ได้แกล้งนะ วันนั้นอากาศมันร้อนแล้วของก็เยอะผมเลยคิดว่าช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ”
“นายคงตลกมาใช่ไหมที่เห็นฉันเข้าใจผิด”
“เปล่านะผมเครียดมากต่างหากที่คุณเข้าใจผิด”
“ฉันไม่เชื่อคำพูดของนายหรอกถ้านายบริสุทธิ์ใจจริงๆ นายก็จต้องอธิบายให้ฉันฟังแต่นาเลือกที่จะไม่พูด”
“ผมมีโอกาสพูดที่ไหนล่ะ ถ้าจะผมพูดต่อหน้าคนส่งของก็กลัวว่าคุณจะอายหรือถ้าจะให้ไปพูดที่งานวัดคุณก็อยู่กับเพื่อนอีกเห็นไหมล่ะว่าผมไม่มีโอกาสได้พูดเลยนะ”
“นายนี่หาข้อแก้จังเก่งมากเลยนะ ฉันไม่อยากคุยกับนายลัว ฉันแค่จะมาตามพ่อกลับบ้าน”
พิมพ์พันดาวเดินตามเขายังห้องรับแขกซึ่งบิดาของตนเองกำลังคุยอยู่กันอยู่
“สวัสดีค่ะป้านวล ลุงเมฆ”
“สวัสดีจ้ะหนูพิมพ์ นั่งก่อนสิเรากำลังคุยกับเรื่องจะไปทำบุญกันวันเสาร์นี่หนูพิมพ์จะไปกับเราไหม”
“วันเสาร์เหรอคะ”
“ใช่จ้ะ หนูพิมพ์ไปกับพ่อไหม”
“พ่อค่ะ วันเสาร์ช่างจะเริ่มมาทำร้านนะคะ”
“ตายล่ะพ่อลืมไปเลย ฉันคงอดไปแล้วล่ะเมฆ”
“น่าเสียดายนะ อุตส่าห์นั่งคุยกันเรื่องไปทำบุญตั้งนาน”
“ลุงศักดิ์ไปเถอะครับเรื่องคนงานไม่ต้องห่วงเพราะผมจะเป็นคนคุมเอง”
“นี่จะคุมงานเองเหรอตรัยแล้วคนของตะวันล่ะเขาไม่มาดูเหรอ ลุงจ้างเขาไปแล้วนะ”
“ผมบอกมันว่าจะดูให้เองครับลุง ส่วนค่าจ้างตะวันมันจะลดให้ผมเลยว่าจะเอาไปซื้อเครื่องฟอกอากาศ”
“ที่บ้านเราอากาศดีมากนะ ทำไมจะต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศละคุณตรัย” อยู่ต่อหน้าทุกคนพิมพ์พันดาวเลยเรียกเขาว่าคุณไปตามมารยาท
“คุณพิมพ์เพิ่งย้ายมาอยู่เลยไม่รู้ว่าถ้าถึงฤดูตัดอ้อยฝุ่นควันมันจะเยอะเพราะคนมักง่ายบางคนเขาจะใช้วิธีเผาเพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น”
“เหรอคะ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของที่นี่เท่าไหร่ ขอบคุณมากนะคะคุณตรัยที่บอกเรื่องเครื่องฟอกอากาศเดี๋ยวฉันจัดการเองก็ได้”
“หนูพิมพ์กับตรัยน่าจะรุ่นเดียวกันป้าว่าอย่าเรียกคุณเลยมันดูเป็นทางการเกินไปเราเป็นเพื่อนบ้านกันนะ”
“พ่อก็เห็นด้วยกับป้านวล เพื่อนบ้านกันก็ต้องสนิทกันไว้”
“ผมว่าดีเหมือนกันนะ” ตรัยคุณเห็นด้วยเพราะเขาก็อยากสนิทกับเธออยู่แล้ว
“ก็ได้ค่ะ แต่เรื่องเครื่องฟอกอากาศขอพิมพ์จัดการเองนะคะ”
“ได้สิ”
“สรุปว่าพรุ่งนี้จะมีแค่พวกเราคนแก่ๆ ไปทำบุญกันใช่ไหมคะคุณเพิ่ม”
“ผมว่าดีเหมือนกันนะจะได้ไปแบบช้าๆ ขากลับก็แวะทานข้าวกันมาเลยตรัยก็ดูแลพลอยด้วยนะ” เพราะพลอยมนติดสอบส่วนพชรก็ไปฝึกรด.ทั้งบ้านก็เลยเหลือแค่น้าชายกับหลานสาว
“ไม่มีปัญหาครับพ่อ”