บท
ตั้งค่า

งานที่ยากที่สุด 1

เสียงรองเท้าหนัก ๆ กระทบกับทางเดินหินอ่อนจากเรือนพักข้ารับใช้ไปยังตัวคฤหาสน์ เซียวเฟิงเพิ่งกลับเข้าห้องพักตัวเองไม่ถึงสองนาทีก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นนายสั่งให้เขาไปพบที่ห้องทำงาน

ห้องทำงานของหลิวเจี้ยนอยู่ทางปีกตะวันออกของคฤหาสน์อันใหญ่โตหลังนี้ ตอนมาเหยียบที่นี่ครั้งแรกเซียวเฟิงถึงกับตื่นตะลึงไม่คิดว่าตนจะได้อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ เขาได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย แต่ถึงอย่างนั้น สถานะของเขาก็เป็นเพียงการ์ดต่ำต้อย แม้ว่าตำแหน่งของเขาจะค่อนข้างพิเศษกว่าคนอื่น แต่ก็เป็นตำแหน่งที่เปราะบางที่สุดเช่นกัน แค่ก้าวพลาดครั้งเดียว ก็อาจถูกโยนออกจากที่นี่

นั่นยังนับว่าเป็นกรณีที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นกรณีแย่ที่สุด และคงจะใกล้ความเป็นจริงมากกว่า ซึ่งก็คือเขาอาจถูกพบเป็นศพในที่ใดที่หนึ่งในสภาพศีรษะกระจุย ถูกเลาะฟัน ตัดแขน ตัดขา เพื่อให้ยากต่อการระบุตัวตน คิดดังนั้นก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา ไม่อยากจะจินตนาการ

ลูกน้องคนอื่น ๆ หากทำงานพลาดอาจเพียงแค่ถูกไล่ออก แต่ว่า...หากเขาก้าวผิดเพียงก้าวเดียว นั่นเท่ากับความตาย

หลิวเจี้ยนขึ้นชื่อว่าให้ความสำคัญกับลูกสาวเป็นอย่างมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่เคยใส่ใจว่าตนมีลูกสาวอยู่

ชายสูงวัยกำลังเดินไปมาอยู่ริมหน้าต่าง เหมือนที่เขามักจะทำเมื่อมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ เซียวเฟิงเคาะประตูก่อนที่จะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบางอย่างข้าง ๆ โต๊ะทำงานไม้สักตัวใหญ่ จึงเอื้อมมือเตรียมจะชักปืน เมื่อสิ่งนั้นโผล่ขึ้นมาจึงเห็นว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเจ้านาย หล่อนแต่งตัวด้วยชุดนุ่งน้อยห่มน้อย หน้าอกหน้าใจล้นทะลัก นั่งคุกเข่าอยู่ แต่สายตาจ้องมาที่เขา แต่เซียวเฟิงรีบหลุบตาต่ำมองพื้นทันที

เขาก้าวเท้าเข้าไปโดยเพิกเฉยต่อการมีอยู่ของสาวบริการ หลิวเจี้ยนโบกมือเป็นสัญญาณให้ปิดประตูเขาจึงรีบทำตามอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าหลิวเจี้ยนไม่ใช่คนที่ชอบพูดให้มากความ

“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับนายท่าน” เขายืนกุมมือ แผ่นหลังตั้งตรง สงบนิ่งรอรับคำสั่ง

“นายไปเก็บของได้แล้ว”

คำพูดนี้เสมือนคีมเหล็กที่กำลังบีบหัวใจของเซียวเฟิง แต่เขาพยายามปกปิดความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงภายใต้สีหน้าเรียบเฉยเย็นชา

“อะไรนะครับ”

ข้อแก้ตัวหลายอย่างกำลังผุดขึ้นในหัว แม้ว่าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องแก้ตัวเรื่องอะไร ไม่เข้าใจว่าได้ทำอะไรผิดไป หรือพลาดตรงไหน พลันในหัวคิดไปถึงค่ำคืนนั้นที่สระว่ายน้ำ ทว่ามันผ่านมาแล้วสามเดือน หากหลิวเจี้ยนรู้ เขาคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แน่

เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของเจ้านายกระตุกขึ้น เขาจึงรู้ว่ากำลังถูกล้อเล่น แต่เขาไม่ขำด้วยเลย

“ฉันหมายถึง ให้นายไปเก็บของของนายซะ เพราะนายจะต้องไปหยวนจิง”

‘หยวนจิง’ นี่มันไม่ใช่ชื่อมหาวิทยาลัยหรอกหรือ?

“มหาลัยหรือครับ”

“ใช่แล้ว ฉันจะให้เหมยไปเรียนที่นั่น”

ตอนนี้เซียวเฟิงชักจะเข้าใจอะไรราง ๆ ตอนแรกคิดว่าชายผู้ซึ่งหวงลูกสาวยิ่งกว่าไข่ในหินจะให้เธอเลือกเรียนมหาวิทยาลัยใกล้ ๆ เพื่อที่จะได้อยู่ในสายตา แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว เขาทำงานกับหลิวเจี้ยนมาหลายปี การที่ส่งเมริสาไปเรียนต่อที่หยวนจิงนับว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของลูกหลานผู้มีอำนาจและมีอิทธิพลที่ร่ำรวยมหาศาล นับว่าเป็นคนในระดับเดียวกัน ดังนั้นในสายตาของหลิวเจี้ยน ที่นั่นย่อมเหมาะสมกว่า

หลิวเจี้ยนหันมาทางเซียวเฟิงอีกครั้ง ดวงตาไร้ร่องรอยอารมณ์ขัน ไม่นับว่าน่าแปลกอะไร เพราะชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะใช้เวลาทั้งวันเพลิดเพลินกับอาณาจักรที่เขาสร้างขึ้น เขาระแวงเกินกว่าจะทำแบบนั้น และเมื่อถึงจุดที่สถานการณ์บีบคั้น เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย

และนี่คือเหตุผลที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่ หรืออย่างน้อยก็เคยอยู่ ก่อนที่จะถูกมอบหมายให้เป็นบอดี้การ์ดประจำตัวของเมริสาเมื่อสามปีที่แล้ว

“ฉันคงไม่ต้องบอกนะว่านายต้องทำอะไร” หลิวเจี้ยนเอ่ยเสียงเรียบเหมือนกับครั้งที่สั่งให้เขาไปจัดการสมาชิกแก๊งที่ทรยศ

“ไม่ต้องครับ”

เซียวเฟิงนึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ทำไมหลิวเจี้ยนไม่เลือกคนอื่น ทำไมถึงต้องเป็นเขา เพราะเขาเองนี่แหละที่อันตรายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด นับวันมาริสายิ่งท้าทายความอดทนเขามากขึ้นทุกวัน แต่เขาไม่สามารถทำในสิ่งที่ปรารถนาได้ เขายังไม่สามารถสลัดภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นที่สระว่ายน้ำออกไปได้เลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel