บทที่ 1
คนึงหา..หญิงสาวที่เติบโตมากับยาย เพราะถูกแม่ทิ้งไป เพื่อแต่งงานกับสามีใหม่ซึ่งเป็นมหาเศรษฐี
ตั้งแต่ที่แม่จากไปก็ไม่เคยติดต่อกลับมาหาอีกเลย วันที่ยายจากโลกนี้ไป ก็ไม่เห็นแม้เพียงเงาของแม่ที่มาไหว้ศพท่านเป็นครั้งสุดท้าย เธอยังจำคำที่ลุงซึ่งเป็นญาติห่างๆ บอกได้ดี ว่าติดต่อไปหาแม่ของเธอแล้ว แต่ท่านปฏิเสธที่จะมางานศพ เพราะกลัวสามีใหม่จะรู้ว่าเคยมีลูกมีผัวมาก่อน
มันก็เลยสร้างความเคียดแค้นให้กับหญิงสาวยิ่งนัก แม้ลมหายใจสุดท้ายก่อนที่ยายจะสิ้น ยังเอ่ยชื่อแม่ของเธอขึ้นมา ท่านคงจะคิดถึงลูกสาวคนเดียวของท่านมาก
"คนึง มึงจะไปกรุงเทพฯ จริงเหรอวะ"
"อยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ กูคงต้องไปหางาน"
"มึงก็แต่งงานกับพี่กูนี่ไง" รัตนาเพื่อนสนิทของคนึงหา พยายามเป็นแม่สื่อแม่ชัก เพราะอยากได้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้ แต่ดูเหมือนคนึงหาจะไม่สนใจใครเลย ไม่ว่าผู้ชายจะเข้ามาหาสักกี่คน
"มึงอย่าพยายามเลย กูคงไม่ชอบผู้ชายหรอกมั้ง"
"หรือมึงจะเอากู..ก็ได้นะ"
"ไอ้บ้า" ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะ มองดูท้องฟ้าไปพร้อมกัน เพราะตั้งแต่ยายจากไป เธอก็มาค้างบ้านเพื่อน ถ้าให้อยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็คงทำได้แค่นอนร้องไห้คิดถึงยายไปวันๆ
วันเดินทาง..
คนึงหาพอจะมีเงินที่ได้จากการทำประกันชีวิตของยายอยู่บ้าง เพราะงานศพของยายไม่ได้ใช้เงินมาก ชาวบ้านช่วยกันคนละไม้ละมือ เงินส่วนนั้นก็เลยพอเหลือให้เธออยู่ไปได้อีกสักพัก
หญิงสาวมีแค่กระเป๋าใบเดียว แล้วขึ้นรถทัวร์มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ เมืองหลวงที่วุ่นวาย
เรื่องเข้ามาหางานทำน่ะเหรอ มันเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง แต่จริงๆ แล้ว เธอจะมาตามหาผู้หญิงใจร้ายคนนั้นมากกว่า
เจ้าของใบหน้าสวยหวาน ใครเห็นก็สะดุดตา เธอไม่ได้มีแค่ใบหน้าที่สะดุดตาเท่านั้น ทรวดทรงองค์เอวของเธอใครเห็นก็ถึงกับมองเหลียวหลัง ตอนนี้ได้มาถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนต่อ เพราะเบาะแสเดียวที่เธอมีก็คือชื่อบริษัทที่แอบได้ยินจากลุง แถมได้ยินมาไม่ค่อยชัดด้วย ถามแท็กซี่ไปแท็กซี่ก็ไม่รู้
"ถ้าออกหัวไปทางนี้ ออกก้อยไปทางนั้นแล้วกัน" มือเรียวคว้าเอาเงินเหรียญในกระเป๋าออกมา แล้ววางมันใส่หลังมือของตัวเอง "ช่วยคนึงตามหาแม่ด้วยนะจ๊ะยาย" จบประโยคคำอธิษฐานเธอก็ค่อยๆ เปิดเหรียญนั้นออกมา
กึก! แต่เหรียญดันตกลงที่พื้นแล้วกลิ้งไป
"หยุดก่อนสิแกจะไปไหน ยังไม่เห็นเลยว่าออกหัวหรือออกก้อย" เท้าเรียวรีบสาวตามเหรียญนั้นไปโดยไม่ได้มองคนที่อยู่ด้านหน้า จนชนเข้ากับใครบางคน
"ขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรไหมคะ"
"มะ..มะ..ไม่เป็นอะไร" ผู้หญิงคนนั้นดูกระวนกระวายจนเธอสัมผัสได้
"ไปไหนแล้วไม่รู้ คุณพอจะมีเหรียญให้ฉันยืมไหม เมื่อกี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าออกหัวหรือออกก้อย"
"มะ..มีค่ะ" เธอคนนั้นค่อยๆ ล้วงกระเป๋าตัวเองเอาเหรียญออกมา
"ฉันอยากได้เหรียญบาทค่ะ ไม่ได้อยากได้เหรียญสิบสักหน่อย"
"..มีค่ะ แต่อยู่บนรถ"
"งั้นดีเลยค่ะ พาฉันไปเอาหน่อย" ว่าแล้วเธอก็ผลักตัวผู้หญิงคนนั้นออกไปพร้อมกับเท้าที่ถีบกลับหลัง จนถูกกล่องดวงใจของผู้ชายที่ยืนอยู่กับผู้หญิงคนนี้ก่อนหน้านั้น
"วิ่งสิคะรออะไร!" พอเห็นว่าไอ้หมอนั่นมันจุก เธอก็รีบคว้ามือของผู้หญิงคนที่เธอขอยืมเหรียญให้วิ่งตามมา
ทั้งสองวิ่งจนเหนื่อยหอบ แล้วมาหยุดอยู่ที่หน้าสถานีตำรวจ
"ขอบคุณนะคะที่ช่วย"
"ฉันว่าคุณเข้าไปแจ้งความก่อนดีกว่าค่ะ"
"ไม่ค่ะ"
"ทำไมคะ"
"เหตุผลส่วนตัวค่ะ"
"ถ้ามันกลับมาทำร้ายคุณอีกล่ะ"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วย"
"ตายแล้ว"
"อะไรคะ"
"ก็กระเป๋าของฉันน่ะสิ" คนึงหาตกใจมากขณะที่กำลังวิ่งเธอเผลอทิ้งกระเป๋าไป
"มีอะไรสำคัญอยู่ในนั้นไหมล่ะคะ" เพราะถ้าให้กลับไปเอาคงเจอไอ้ผู้ชายคนนั้นอีกแน่
"มีแต่เสื้อผ้าค่ะ" โชคดีที่กระเป๋าเงินเธอเอาไว้ในกางเกง
"แล้วนี่คุณจะไปที่ไหนคะ"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะเพิ่งจะมาจากบ้านนอก"
"ถ้าไม่มีที่พักไปพักกับฉันก่อนก็ได้"
"จริงเหรอคะ" คนึงหาไม่ปฏิเสธเลย เพราะยังไม่รู้ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหน
[คอนโด] ..มันเป็นคอนโดที่ไม่ค่อยใหญ่แต่ค่าเช่าก็แพงพอตัว เพราะอยู่ใจกลางเมืองกรุง
"ยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย" ในขณะที่เปิดประตูห้องหญิงสาวที่เป็นเจ้าของห้องได้หันมาถาม
"ฉันชื่อคนึงหาค่ะ"
"คนึงหาชื่อแปลกจังเลยนะคะ"
"ค่ะ..แปลก" พูดถึงชื่อตัวเองทีไรก็แอบเศร้าใจ
"ส่วนฉันชื่ออัญนะคะ ชื่อจริงชื่ออัญญารัตน์ค่ะ"
"คุณชื่อเพราะจังเลยนะคะ"
"คอนโดเล็กหน่อยนะ"
"ไม่เล็กหรอกค่ะ คุณอยู่กับใครคะ" ที่เธอถามไปเพราะถ้าอัญญารัตน์มีสามี เธอคงจะเกรงใจแย่
"อยู่คนเดียวค่ะ"
"ถ้างั้นฉันขอพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาบริษัทนั้นเจอได้ไหมคะ"
"บริษัทอะไรคะ"
"วิวัฒนาเครื่องจักรกล เสรี.." คนึงหาพยายามพูดทุกคำที่ได้ยินจากปากลุงที่คุยกับป้าอีกที
"เสรีวิวัฒน์เครื่องจักรกลไหมคะ"
"ใช่เลยค่ะ ทำไมคุณรู้ล่ะคะ"
"ก็มันเป็นบริษัทที่ฉันทำงานอยู่ไงคะ"
อะไรจะโลกกลมขนาดนี้ คุณยายช่วยคนึงใช่ไหมคะ ขอบคุณนะคะคุณยาย