ตอนที่ 7
Z…z…Z…Z…z…z…
“ยัยลิน ตื่นได้แล้ว ตื่นนนนนนน” ใครมันปลุกฉันแต่เช้าวะ คนยิ่งง่วง ๆ อยู่
“นี่ยัยลินตื่น เป็นเจ้าบ้านอะไรวะ มาให้แขกปลุก ลุกได้แล้ววว”
อ้อฉันรู้แล้วว่าเสียงใคร เสียงยัยมีนนี่เอง
“โอ๊ย นี่แกจะรีบปลุกไปไหนเนี่ย ยิ่งง่วง ๆ อยู่”
ฉันพูดกับมันอย่างไม่สบอารมณ์และมองหายัยปรางค์แต่ไม่เห็น กำลังจะถามกับยัยมีน แต่ยัยปรางค์ก็ออกมาจากห้องน้ำซะก่อน
“นี่แกลืมไปแล้วเหรอ ว่าวันนี้เราต้องไปมหาลัยที่พ่อฉันถือหุ้นอยู่ เพื่อไปประชุมนะฮะ!” เสียงยัยปรางค์มาเลย
“แล้วนอกจากนั้น แกจะไม่ไปดูเด็กเราหน่อยเหรอ ไม่รู้ป่านนี้เรียนเป็นไงมั่ง” เสียงยัยมีนว่าเด็ก เด็กที่ไหนวะ หรือว่า อ๋อ
น้องแพรวคนในองค์กรฉันนี่แหละ น้องมันเข้าปีหนึ่งปีนี้แถมยังเรียนวิศวซะด้วย
ไอ้แพรวมันน่ารักนะ นิสัยมันก็พอ ๆ กันกับพวกฉันเลย แต่ไอ้แพรวมันจะถนัดคอมมาก มันชอบคิดระบบความปลอดภัยใหม่ ๆ ให้องค์กรตลอด เป็นเด็กที่พวกฉันสามคนรัก เพราะมันเปรียบเสมือนน้องสาวของพวกฉันสามคนเลยล่ะ เมื่อคิดได้ฉันก็ลุกไปอาบน้ำโดยไม่หันมาคุยกับพวกมันอีกเลย
“โอ๊ย นี่พวกแก เสร็จกันยัง เร็ว ๆ ดิ” เสียงฉันเร่งยัยพวกนั้นเองแหละค่ะ แฮ่ ๆ
“แป๊บ/แป๊บ” เสียงมันสองตัวพูดก็พอดีฉันแต่งตัวเสร็จเร็วอะนะ
ชุดที่ใส่วันนี้ก็กางเกงสกินนี่เข้ารูปสีดำ เสื้อเอวลอยสีไข่พร้อมแจ็กเกตหนังสีดำ กับรองเท้าคู่ใจสีแดงเพลิง ส่วนยัยปรางค์ก็ชุดเดรสสีดำทำให้มันดูเซ็กซี่กับรองเท้าคู่ใจสีแดง และยัยมีนวันนี้มันเลือกใส่ชุดแซกสีดำ กับรองเท้าคู่ใจสีแดง ทำให้มันดูน่าทะนุถนอมไปอีกแบบ สาบานได้เลยว่าไม่ได้นัดกันมาแต่โทนสีที่ใส่วันนี้พวกฉันเลือกใส่สีเดียวกันเกือบทั้งหมด
เมื่อพร้อมแล้วพวกเราทั้งสามก็ตรงไปที่รถเฟอรารีสีแดงรุ่นใหม่ ที่ราคาปาไปหลายร้อยล้านบาท และมีแค่หกคันในโลกเท่านั้น ซึ่งสามคันในโลกนั้นตกเป็นของพวกฉันสามคนแต่วันนี้เราเลือกที่จะเอารถฉันไป ด้วยแพลนที่ว่าประชุมเสร็จจะพาน้องเล็กไปฉลองและมอบหมายงานภารกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทำ พอตกลงกันได้ฉันก็ออกรถมาที่มหาลัยชื่อดังทันที
เอี๊ยดดดดด กรี๊ดดดดดด
“รถสวยจังแก ฉันชอบอะ”
“แกดูเจ้าของรถสิสวยจัง”
เสียงผิวปากและอะไรอีกมากมายที่ฉันกับเพื่อนไม่สนใจ แต่ที่พวกฉันสนใจตอนนี้ก็คือไอ้แพรวอยู่ไหน พวกฉันเลือกที่จะไปโรงอาหารเพราะคิดว่าน่าจะอยู่ที่นั่น เพราะมันยังเช้าอยู่มันคงมาหาไรกินที่นี่แน่ ๆ และก็จริงมันอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย แต่สิ่งที่พวกฉันเห็นนี่สิ
“แกใช่ไหมที่ชื่อแพรว เรียนวิศวะ เด็กปีหนึ่ง”
ผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาถามแพรว แพรวมองหน้าด้วยความสงสัยเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าขึ้น แล้วตอบว่า
“ใช่ค่ะ ฉันแพรว พวกป้ามีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ”
“กรี๊ดดดด นี่แกเรียกใครว่าป้านะ คอยดูนะฉันจะฟ้องมาร์คัส หึ”
ยัยนั่นพูดว่าจะฟ้องใครสักคน ก่อนจะหยิบแก้วน้ำขึ้นมาแล้วเทราดตัวเอง ฉันตกใจนะ แต่ไอ้แพรวคงตกใจกว่าเพราะหน้าน้องมันเหวอไปเลย
“กรี๊ด น้องแพรวอย่าทำอะไรพี่เลยนะคะ พี่กลัวแล้ว มาร์คัสคะช่วยด้วยค่ะ ช่วยแพมด้วย” ยัยนี่เทน้ำใส่ตัวเองแล้วก็ตบหน้าตัวเองก่อนจะล้มลงไปแล้วดึงไอ้แพรวมาคร่อมโดยที่ไอ้แพรวยังไม่ทำอะไรเลย ไอ้ปรางค์คงไม่อยากดูกำลังจะเข้าไปห้ามแต่แล้ว
“นี่ แพรว ทำอะไรของเธอหนะ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันบอกให้หยุดไง”
ไอ้ผู้ชายคนนั้นตะคอกใส่แพรวก่อนจะผลักน้องสาวฉันกระเด็นเลย ไม่ไหวแล้ว ลินจะไม่ทน
“เธอไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายแพมนะแพรว ขอโทษแพมเดี๋ยวนี้ ฉันบอกให้ขอโทษไง” ผู้ชายคนนั้นบอกให้แพรวขอโทษโดยไม่ถามอะไรเลย ปึง เส้นความอดทนฉันมีขีดจำกัด ตอนนี้ฉันเดินเข้าไปหาพวกนั้นแล้ว ยัยมีนจับไอ้แพรวไว้
“นี่ น้องจะบ้าเหรอ ไม่คิดจะถามกันก่อนรึไงว่า เกิดอะไรขึ้นนะฮะ! ฟังความข้างเดียวหนิ” ยัยปรางค์พูดอย่างโมโห
“มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ เพราะสิ่งที่ผมเห็นมันก็ฟ้องอยู่ว่า แพรวทำร้ายแพม” ไอ้ผู้ชายที่ชื่อมาร์คัสพูด
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เพราะยัยแพรวคือน้องสาวของพวกฉัน” ยัยปรางค์พูด
“อ๋อ ที่แท้ก็พวกเธอนี่เอง ที่ขับรถเข้ามาในมหาลัยแล้วคนแตกตื่นกับรถที่เธอขับเข้ามา คงมีเสี่ยพุงพลุ้ยซื้อให้สินะ หึ” ยัยแพมอะไรนี่พูด ฉันว่าฉันทนมาเยอะแล้ว
“นี่....”
“โง่ โง่ที่สุด โง่แบบโคตรโง่ โง่แบบไม่มีคำบรรยาย หึ”
ฉันหันไปด่าไอ้มาร์คัสอะไรนั่น จนยัยปรางค์ มีนและแพรวตะลึง ปกติพวกมันจะออกโรงฉันจะดูเฉย ๆ แต่นี่พวกมันคงอึ้งที่ฉันพูดออกมา ส่วนไอ้มาร์คัสนั่นดูเหมือนจะอึ้งไปเล็กน้อย และน่าจะโกรธฉันพอดูเลยล่ะ
“ส่วนเธอ อยากรู้ไหมว่าการโดนตบจริง ๆ มันเป็นยังไง หึ” ฉันหันไปพูดกับยัยนั่นก่อนจะกระชากมันออกมาจากอ้อมแขนของไอ้มาร์คัส แล้ว
เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ
ฉันตบหน้ามันสี่ครั้งติด มันร้องโหยหวนอย่างน่าสงสาร
“หึ นี่แค่ตบไปสี่ครั้งเอง ถึงกับทรุดเลยเหรอ อ้อ ฉันจะบอกอะไรให้นะ รถที่ฉันขับมาเป็นรถของฉัน ฉันซื้อเอง! รวยมากพออะนะ ไม่ต้องเกาะใคร สำหรับเธอน้ำมันคงจะสะอาดเกินไป ฉันว่าเธอเอานี่ไปแล้วกัน” พูดจบฉันก็หันไปหยิบจานข้าวที่ยังไม่ได้ทานเทราดหัวยัยนั่นไป
“กรี๊ดด พอ พอแล้ว ฉันจะไม่ยุ่งกับแพรวอีกแล้ว ฮือออ กรี๊ดดด”
เสียงยัยนั่นร้องอย่างน่าสงสาร แต่ตอนนี้ฉันไม่สงสารแล้ว สายตาที่มองยัยนั่นพร้อมจะฆ่าทุกเมื่อ
“ลิน ลินหยุด พี่บอกให้หยุด”
เสียงพี่มาร์ทวิ่งมาและบอกให้ฉันหยุด แต่ฉันไม่ฟังไงเขาเลยกระชากฉันเข้าไปกอด ฉันสะบัดตัวออกแล้วพูดว่า
“แพรว คือน้องสาวของฉัน ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ ๆ แต่ฉันรักมาก นี่แค่สั่งสอน จำไว้ถ้ายังอยากมีลมหายใจอยู่ อย่ามายุ่งกับน้องสาวฉันอีก” ฉันพูดนิ่ง ๆ
“พี่ลินคะ เอ่อแพรวว่า”
“หยุด ก่อนที่พี่จะขึ้น ให้คนมาเก็บกวาดด้วย”
ฉันหันไปพูดกับแพรวแล้วจึงบอกไอ้ปรางค์ให้มันหาคนมาเก็บกวาด ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะสงบง่าย ๆ หรอกนะ ยัยนี่โชคดีมาก ที่ฉันตบไปแค่สี่ครั้ง ปกติถ้าฉันโกรธมันคนนั้นไม่ตายก็พิการ เพราะฉะนั้นยัยนี่ถือว่าโชคดีสุด ๆ แล้ว จากนั้นพวกฉันทั้งหมดรวมทั้งแพรวกับมาร์คัสด้วยจึงพากันไปที่ห้องพักเพื่อรอเวลาการประชุมทันที