ตอนที่ 5 พี่ชายขี้หวง
เสียงรถที่ขับเคลื่อนเข้ามาในบริเวณอาณาจักรตระกูลซือทำคนที่กำลังรออยู่ลุกขึ้นจากที่นั่ง ซือลู่เหลียนยังนอนไม่หลับเพราะมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ชายฝาแฝดก่อน ที่จริงวันนี้เธอจะต้องเดินทางไปกับพี่ชายที่งานประกาศและมอบรางวัลของวงการบันเทิง แต่เพราะเธอรู้สึกปวดท้องกะทันหันจึงไม่ได้ไป
“พี่ลู่ชิง...น้องซูหนี่ว์ได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดนิยมของปีนี้ใช่หรือเปล่า”
เสียงหวานของแฝดน้องเอ่ยถามพี่ชายอย่างตื่นเต้น ซือลู่ชิงก้มมองนาฬิกาเรือนหรูที่ข้อมือก็ถึงกับคิ้วขมวดแล้วเงยหน้ามองน้องสาว
“ลู่เหลียน ทำไมน้องยังไม่นอนอีก อย่าบอกว่ารอพี่เพียงเพราะอยากถามเรื่องแค่นี้” ซือลู่ชิงเอ่ยถามน้องสาวฝาแฝดด้วยความสงสัย
“คือน้องมีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่ลู่ชิงน่ะค่ะ” ซือลู่เหลียนตัดสินใจเอ่ยออกมา
“มีอะไรจะปรึกษากับพี่อย่างนั้นหรือ”
เขาเดินไปนั่งลงที่โซฟาตัวข้างๆ กับน้องสาวก่อนที่จะยกแขนมาพับแขนเสื้อขึ้น กลิ่นน้ำหอมของหลินซูหนี่ว์ยังติดเสื้อผ้าเขามาไม่หายจนเขาเผลอสูดดมเข้าไปหลายทีราวกับพวกโรคจิต
“เอ๊ะ! กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงนี่คะ นี่พี่ลู่ชิงมีผู้หญิงแล้วหรอคะ”
ซือลู่เหลียนเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ตั้งแต่เติบโตมาด้วยกันเธอไม่เคยเห็นว่าพี่ชายจะควงสาวๆ ในเมืองแอลหรือนอกเมืองแอลเลยสักครั้งจนมีคนลือกันว่าพี่ชายของเธอเป็นเกย์ เพราะมีแต่พวกบอดี้การ์ดหนุ่มๆ รายล้อม
“อืม... กลิ่นน้ำหอมจากน้องน้อยของเธอนั่นแหละ ผู้หญิงอะไรดื้อเป็นบ้าเลย”
เขาตอบน้องสาวก่อนที่จะเอ่ยประโยคหลังออกมาเสียงเบา ซือลู่เหลียนถึงกับถามย้ำ
“ห๊า........ กลิ่นน้ำหอมของน้องซูหนี่ว์หรอคะ”
“อืม...พอดีพี่ยืนถ่ายรูปใกล้กับเธอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงจะมีรูปออกมา” เขาบอกน้องสาวฝาแฝดก่อนที่มุมปากจะยกยิ้มขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
“อ๋อ...ยืนถ่ายรูปใกล้กัน”
เสียงหวานร้องอ๋อออกมาเสียงยาวก่อนที่จะอมยิ้มน้อยๆ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าพี่ชายอยากจะทำมากกว่าแค่ยืนถ่ายรูปกับน้องซูหนี่ว์เสียอีก หากแต่เพราะความขี้เก๊กก็เลยต้องเป็นแบบนี้ต่อไป
“ไหนมีเรื่องอะไรอยากจะปรึกษาว่ามาเร็วพี่ง่วงนอนแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยถามออกมาก่อนที่จะทำท่าหาวราวกับว่าง่วงนอนจริงๆ
“คืออย่างนี้ น้องจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่เกาะหวงไห่ น้องขอพ่อกับแม่แล้ว ไม่มีปัญหา ทีนี้น้องเลยอยากจะขออนุญาตพี่ชายด้วย” ซือลู่เหลียนฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“มีใครไปบ้าง” อารมณ์พี่ชายหวงน้องสาวคนสวยกำเริบขึ้นมาทันที
“ก็มีหลี่น่ากับฮุ่ยหลิงเพื่อนสนิททั้งสองของน้องยังไงคะ ให้น้องไปนะคะ ป๊าของยัยหลี่น่าเปิดโรงแรมอยู่ที่เกาะนั่น รับรองปลอดภัยล้านเปอร์เซ็นต์”
ถึงน้องสาวของเขาจะมีวิชาศิลปะป้องกันตัวทุกแขนง แต่ก็มีสรีระร่างกายเป็นผู้หญิง แถมหน้าตาเธอก็จัดว่าสวยจนสามารถเป็นนักแสดงได้สบายแต่เธอกลับไม่ทำ หญิงสาวเลือกที่จะเป็นช่างภาพอิสระ ซึ่งบิดามารดาและตัวเขาก็ไม่บังคับอะไร ส่วนน้องชายที่อยู่ในวัยเพียงสิบเก้าปีก็ยังคงเรียนอยู่มหาวิทยาลัย และแน่นอนว่าซือลู่จื้อนั้นเป็นหนุ่มฮอตพอสมควร เรียกได้ว่าได้เชื้อบิดามาเต็มๆ
“เดี๋ยวพี่จะให้ต้าเฟยไปเป็นเพื่อน”
พี่ชายเอ่ยออกมา และก็เป็นไปตามที่เธอคิดเอาไว้ หญิงสาวถอนลมหายใจออกมาเสียงดังจนพี่ชายเลิกคิ้วถาม
“ทำไม!! มีปัญหา...ถ้ามีก็ไม่ต้องไป”
คำพูดของพี่ชายทำให้เธออดที่จะเป็นห่วงผู้หญิงที่จะมาเป็นแฟนของพี่ชายในอนาคตไม่ได้ และผู้หญิงที่โชคร้ายคนนั้นก็คงไม่พ้นน้องซูหนี่ว์อย่างแน่นอน ก็พี่ชายของเธอเล่นส่งคนไปจัดการกับผู้ชายทุกคนที่เข้าไปเฉียดใกล้ซุปตาร์สาวจนผู้ชายทุกคนหายไปจากชีวิตของเธอ เรื่องนี้ซือลู่เหลียนเคยบอกกับน้องน้อยไปแล้ว เธอเชื่อว่าพี่ชายของเธอหึงและหวงคู่หมั้นสาวมาก หากแต่เขาก็ไม่เคยแสดงออกจนเธอรู้สึกรำคาญกับความขี้เก๊ก ปากหนักของพี่ชายจึงแกล้งยุให้น้องซูหนี่ว์ประชดด้วยการทำตัวสวย รวยโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น
“ไม่มีค่ะ ให้ต้าเฟยไปด้วยก็ได้ แต่ไปแบบไม่ต้องแสดงตัวนะคะ ขืนไปแบบแสดงตัว ยัยสองคนนั้นได้แซวน้องแน่ว่าโดนคุมทั้งๆ ที่ยังไม่มีแฟน แบบนี้น้องจะมีแฟนเมื่อไหร่ล่ะคะ ชอบให้บอดี้การ์ดตามน้องไปอยู่เรื่อย”
ซือลู่เหลียนอดที่จะตัดพ้อพี่ชายออกมาไม่ได้ เขายังดีที่มีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว แต่เธอนี่สิ หนุ่มๆ มาจีบเยอะก็จริงแต่โดนพี่ชายสกัดดาวรุ่งไปหมด
“ถึงเวลาเดี๋ยวก็มีเองแหละ ความรักไม่ใช่เรื่องที่ต้องรีบร้อน ใจเย็นๆ ดูให้แน่ใจจะได้ไม่ต้องมาร้องไห้เสียใจเพราะความผิดหวังทีหลัง”
ซือลู่ชิงถือโอกาสสอนน้องสาวฝาแฝดออกมา เขารักและเป็นห่วงน้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นน้องสาวหรือน้องชาย ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นพี่ชายเขาก็ต้องดูแลทุกคน
“น้องเข้าใจแล้วค่ะ แต่ขอให้ต้าเฟยซ่อนตัวได้ไหมคะ รอเกิดเรื่องค่อยเข้ามาช่วย ไม่อย่างนั้นไปเที่ยวครั้งนี้ก็ไม่สนุกหรอกค่ะ” น้องสาวคนสวยเอ่ยออกมาอย่างยอมแพ้แต่ก็ยังมีข้อตกลงกับพี่ชาย
“อืม... แบบนั้นก็ได้ มีอะไรจะปรึกษาพี่อีกไหม ถ้าไม่มีพี่ไปนอนนะ เธอก็ด้วยไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวตื่นมาไม่สวยนะ” ซือลู่เหลียนส่ายใบหน้างามไปมาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินขึ้นห้องไปพร้อมกันและแยกกันเข้าห้องของตนไป
ซือลู่ชิงเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งเป็นประธานบริษัทในเครือของตระกูลซือซึ่งประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารและคลับ ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมนั้นบิดายังเป็นประธานดูแลอยู่ ชายหนุ่มทำหน้าที่แทนผู้เป็นบิดาได้เป็นอย่างดีจนทำให้เหล่าผู้ถือหุ้นให้ความไว้วางใจในตัวทายาทคนโตของตระกูลซือ เขาตกเป็นที่จับตามองในวงการนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่ทำผลกำไรให้กับบริษัทได้เกินเป้าหมาย ภายในระยะเวลาเพียงสองปีที่เขาเข้าไปรับช่วงต่อจากบิดา
“สวัสดีครับท่านประธาน”
เสียงเข้มของเลขาหนุ่มเอ่ยทักทายท่านประธานที่เขานับถือ ถึงแม้อีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่าเขาไปถึงสามปี แต่ผลลัพธ์ของงานที่ทำนั้นเรียกได้ว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
“อืม.... สือจิ้น วันนี้ฉันมีงานอะไรบ้าง”
ซือลู่ชิงเอ่ยถามเลขาหน้าห้องก่อนที่จะยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ เช้านี้เขาเข้ามาที่บริษัทที่บิดาเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานอยู่ หากแต่ตอนนี้เปลี่ยนมือมาให้เขารับตำแหน่งแทนแล้ว
“ไม่มีครับท่านประธาน” เสียงทุ้มของเลขาหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีเอ่ยขึ้น
“อืม... ถ้าอย่างนั้นฉันจะออกไปดูงานข้างนอกนะ วันนี้ไม่กลับเข้าบริษัทแล้ว ใครมีงานหรือเอกสารอะไรให้เซ็นคุณก็รับไว้ให้ผมได้เลยนะ พรุ่งนี้ผมเข้ามาจะเซ็นให้"
“ครับ...ท่านประธาน”
ร่างสูงโปร่งคว้าสูทก่อนที่จะก้าวออกไป ตงหลงที่ยืนอยู่ด้านนอกรีบเดินตามหลังเจ้านายหนุ่มทันที วันนี้ต้าเฟยได้รับคำสั่งจากคุณชายลู่ชิงให้ไปตามดูแลคุณหนูลู่เหลียนจึงทำให้เขาต้องดูแลคุณชายใหญ่กับบอดี้การ์ดใหม่อีกหนึ่งคน ทุกย่างก้าวของท่านประธานหนุ่มเรียกสายตาชื่นชมจากพนักงานสาวๆ ได้เป็นอย่างดี แต่ทุกคนก็ยังมีความกังวลว่าคุณชายซือลู่ชิงจะไม่สนใจผู้หญิงเพราะตลอดระยะเวลาที่เข้ามาบริหารงานไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่จะมาขอพบคุณชายเลยและสายตาของเขาก็ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนเลย
“น้องซูหนี่ว์นี่โชคดีจังเลยนะคะที่ได้ถ่ายรูปคู่กับคุณชายลู่ชิงด้วย” เสียงของอดีตศัตรูหัวใจวัยเด็กของเธอดังขึ้นขณะที่ซุปตาร์สาวกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านบทในมืออยู่
“ก็ได้รับรางวัล มันก็เป็นธรรมดาที่เราต้องถ่ายรูปกับคนมอบไม่ใช่หรอคะ” ซุปตาร์สาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินมาหยุดพูดกับเธอก่อนที่จะเอ่ยออกไป
“ก็ถูกค่ะ เสียดายที่พี่ไม่ได้รางวัล ถ้าไม่อย่างนั้นพี่จะยินดีเป็นที่สุดถ้าจะถูกคุณชายลู่ชิงกอดเอวเอาไว้แบบนั้น พี่นี่อดที่จะอิจฉาน้องซูหนี่ว์ไม่ได้เลยนะคะเนี่ย”
ดาราสาวกระแนะกระแหนซุปตาร์สาวรุ่นน้องทันที เข้าวงการก็ทีหลังเธอ กลับประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเธอ ที่สำคัญครอบครัวของรุ่นน้องสาวยังสนิทกับครอบครัวของคุณชายซือลู่ชิงอีก
“ค่ะ... มีอะไรอีกไหมคะ พอดีซูหนี่ว์ต้องรีบท่องบทเพื่อเข้าฉากต่อไปน่ะค่ะ” หลินซูหนี่ว์ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อระงับอารมณ์ ก่อนที่จะเอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่มีอะไรแล้วจ้ะ”
หุ้ยหรูหรูเอ่ยออกมา ก่อนที่จะมองซุปตาร์สาวรุ่นน้องด้วยแววตาหมั่นไส้ และเดินจากไปที่ห้องพักของเธอเอง
เยว่เหมยที่เพิ่งจะไปคุยโทรศัพท์เดินกลับมาหาซุปตาร์สาวก็เดินสวนกับดาราสาวหุ้ยหรูหรูเข้าพอดี อีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากไป เยว่หรูรีบเดินเข้าไปถามไถ่หลินซูหนี่ว์ทันที ด้วยรู้ว่าทั้งสองคนเป็นคู่แข่งในวงการบันเทิง และซุปตาร์สาวมักจะมาเหนือกว่าทุกครั้ง ด้วยฐานแฟนคลับของมารดาและคนที่ชื่นชอบการแสดงของเธอ
“มีอะไรกันหรือเปล่า เมื่อกี้พี่เห็นยัยหรูหรูเดินสวนพี่ออกไป”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เธอแค่อยากจะมาแสดงความขี้อิจฉาจนตาร้อนที่ซูหนี่ว์ได้ถ่ายรูปคู่กับคุณชายซือลู่ชิง”
ซุปตาร์สาวตอบออกมาราวกับไม่ได้คิดอะไรมาก ทั้งๆ ที่ภายในใจนั้นนึกแค้นเคือง ว่าทำไมหรูหรูถึงไม่ยอมถอดใจจากซือลู่ชิงสักที
“หึๆ นี่ถ้ารู้ว่าเมื่อคืนคุณชายซือลู่ชิงไปส่งหนูที่บ้าน พี่ว่านางต้องอิจฉาจนอกแตกตายแน่ๆ”
ผู้จัดการสาวเอ่ยออกมาด้วยความหมั่นไส้อีกฝ่าย ที่คอยเป็นคู่แข่งกับซุปตาร์สาวที่เธอดูแลมาตั้งแต่เข้าวงการไม่ว่างานอะไรที่หลินซูหนี่ว์อยากจะรับ หุ้ยหรูหรูก็มักจะเสนอตัวด้วย แต่ทุกครั้งสปอนเซอร์และผู้จัดละครต่างก็เลือกหลินซูหนี่ว์ตลอด
‘นี่ถ้าเธอรู้ว่าฉันเป็นคู่หมั้นกับผู้ชายที่เธอชอบมาตั้งแต่เด็ก เธอจะรู้สึกยังไงนะ’ หลินซูหนี่ว์คิดในใจก่อนที่จะยิ้มร้ายออกมาโดยที่ผู้จัดการส่วนตัวสาวไม่ทันได้สังเกต