บทที่5 โดนกลั่นแกล้ง
บทที่5 โดนกลั่นแกล้ง
อันหลิ่งหยุนเลี่ยงหลบหาที่พักชั่วคราว ร่างกายนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน เดินไม่กี่ก้าวก็เหนื่อย แต่ก็ยังต้องดูแลมันอย่างดี
พักสักครู่อันหลิงหยุนขึ้นเนินไปหาสมุนไพร
ไม่นานอันหลิงหยุนก็สามารถพบสมุนไพรที่ต้องการ ถอนออกมา ใส่ลงกระเป๋าอย่างระมัดระวัง เก็บไว้เตรียมลงเนิน
นี่กำลังจะเกิดเรื่องที่น่าเศร้า เนิน 10ลี้ แห่งนี้มีงานการแสดงความสามารถที่ยิ่งใหญ่
ดูท่าเมื่อกี้เสินหยุนเอ๋อก็คงมาเข้าร่วมงานนี้ด้วย
ทางที่จะกลับก็ต้องผ่านทางนี้ นางไม่อยากให้คนอื่นเจอตัว ได้แต่ซ่อนอยู่ในโพรงหญ้า
ใครจะรู้ว่าค่ำป่านนี้ผู้คนก็ยังไม่กลับกันอีก อันหลิงหยุนคงต้องฝืนลงจะเนิน
ในระหว่างที่นางกำลังลงมา ได้ยินเสียงคนตะโกนร้อง “งู งู!”
งูเหรอ?
อันหลิงหยุนหันหน้าดู มีคนคนหนึ่งล้มลงกับพื้น
นางไม่ต้องการที่จะไป แต่พอดีเวลานั้น มีคนพบนาง ไม่สามารถซ่อนตัวได้แล้ว ทำได้แค่เกาผมตัวเอง ปัดหน้าปัดตา ยืนขึ้นเดินออกจะโพรงหญ้า
เดินเข้าไป อันหลินหยุนมองดูคนที่ล้มลง เป็นคุณหนูใหญ่ของหมอเหว่ย
ตอนนี้ข้อเท้าของคุณหนูเหว่ยถูกงูกัด แถมยังเป็นงูพิษอีก
นางเป็นลม คนรอบๆต่างพากันตื่นตระหนกทำไรไม่ถูก
อันหลิงหยุนกำลังชั่งใจ จะช่วยหรือไม่ช่วยดี
ดูท่าเวลาไม่คอยคน อันหลิงหยุนนึกถึงจรรยาบรรณของคนเป็นหมอ เดินไปที่โพรงหญ้าข้างๆ หาสมุนไพรไม่กี่อย่าง เอาเข้าปาก เคี้ยวแล้วเดินไปต่อหน้าคุณหนูเหว่ย นั่งลงแล้วเอายาสมุนไพรลงที่บาดแผล
“เจ้าเป็นใคร ? เจ้า......คุณหนูอัน?”
มีคนตกใจเรียก อันหลิงหยุนก้มหน้าไม่พูดอะไร แล้วเอาสมุนไพรที่บดละเอียด บีบปากคุณหนูเหว่ยให้เปิดออก เอาสมุนไพรใส่ปาก
“สักพักก็หายแล้ว”
อันหลิงหยุนลุกขึ้นแล้วเตรียมจากไป ก็มีคนมาขวางไว้
“รอก่อน”
คนที่ขวางนางคืนคุณหนูของบ้านซ่างซูโจว ชื่อโจวเหม่ยเหลิน
โจวเหม่ยเหลินเป็นคนที่ค่อยติดตามรับใช้เสินหยุนเอ๋อเสมอ กับอันหลิงหยุนก็เกลียดเข้ากระดูกดำ
ตอนแรกถ้าเสินหยุนเอ๋อจะได้แต่งเข้าจวนอ๋องเสียน และนางก็เป็นเพื่อนสนิทของเสินหยุนเอ๋อ ก็จะเป็นนางสนม เพียงแค่เสินหยุนเอ๋อยินยอม
ใครจะคิดอันหลิงหยุนมีพ่อที่ร้องไห้เก่ง ก็สามารถทำลายแผนการที่นางวางไว้ นางคิดจะคิดบัญชีกับอันหลิงหยุนนานแล้ว ยากที่จะมีโอกาส แต่วันนี้โอกาสมาถึงแล้ว
สามารถเอาใจเสินหยุนเอ๋อ และยังสามารถระบายอารมณ์
นางจะปล่อยโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร ?
อันหลิงหยุนก็คิดไม่ถึง ในงานวันนี้ต้องมาพบเจอศัตรูมากมาย ร่างเดิมนี้มีความสามารถไม่เบา สามารถทำให้คุณหนูทั้งหลายของเมืองนี้โกรธแค้น ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“คุณหนูโจว!” อันหลิงหยุนอยากรีบออกจากนี่ ค่ำแล้วทางก็ไกล จะกลับถึงเมื่อไหร่
อาหมั่นก็ไม่รู้หนีไปอยู่ไหน ตอนนี้ก็ยังไม่เจอ
“อันหลิงหยุน ได้ข่าวว่าเจ้าโดนอ๋องเสียนปลดเป็น......นางทาส รสชาติเป็นอย่างไร คงจะดีไม่น้อย” โจวเหม่ยเหลินค่อนข้างได้ใจ
และหน้าตาที่สวยทำให้นางรู้สึกอยู่เหนือกว่า
อันหลิงหยุนเหลือกมอง “เกี่ยวอะไรกับเจ้า หรือเจ้าต้องการที่จะไล่ตามข้าอีก เข้ามาสิ นางสนมของอ๋องเสียน”
“เจ้า......”
โจวเหม่ยเหลินหน้าแดง นึกไม่ถึงเลย ว่าอันหลิงหยุนจะเยื่อหยิ่งกว่าเมื่อก่อน ไม่รู้จักความละอายใจ
“เจ้าช่างหน้าด้าน!”
โจวเหม่ยเหลินเห็นท่าทีของอันหลิงหยุนในขณะนี้ ก็ทนไม่ได้ที่จะตะโกนร้อง
“ข้าหน้าด้านแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า เก่งกว่าเจ้า อย่างน้อยข้าก็ยังเป็นผู้หญิงของอ๋องเสียน ถึงแม้อ๋องเสียนจะปฏิบัติกับข้าอย่างไร แต่เมื่อปิดประตูแล้วก็เป็นเรื่องภายในของเราสองคน เจ้าคงไม่มีโอกาสแบบนี้
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังเข้าข้างข้า เจ้าเป็นใคร ไม่กลับไปส่องกระจอกก่อนแล้วทำไมถึงออกมาไล่กัดชาวบ้าน ไม่กลัวว่าแทะกระดูกจนฟันร่วง?”
“ฮ้าๆๆ......”
คนรอบๆต่างพากันหัวเราะ ในฝูงชนเสินหยุนเอ๋อรู้สึกแปลกใจ แม้ว่าปกติอันหลิงหยุนจะเป็นคนที่ทะเยียวทะยาน แต่นางเป็นคนหยาบคายที่ไม่เคยด่าคนได้คมขนาดนี้
วันนี้ทำไมถึงแปลกขนาดนี้
โจวเหม่ยเหลินโมโหมาก “ดี คนไร้ยังอาย เป็นถึงพระชายาเสียน คำพูดแบบนี้ก็พูดออกมาได้ ไม่กลัวคนอื่นเขาหัวเราะเยาะเหรอ ถ้าอ๋องเสียนรู้คงจะปลดเจ้าแน่”
“เข่อ......”อันหลินหยุนจ้องมองไป “อ๋องเสียนจะปลดหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องของอ๋องเสียน เจ้าก็คงไม่ใช่หมัดที่อยู่ในเป้ากางเกงของอ๋องเสียน เจ้าจะรู้ได้อย่างไร”
“......ฮ้าๆๆ........”
คนรอบๆต่างพากันหัวเราะอีกครั้ง โจวเหม่ยเหลินเครียดจนจับแก้ม กระทืบเท้า “เจ้า......เจ้าช่างหน้าไม่อาย ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว”
“ไม่อยู่ก็ไปตายสิ หรืออยากตายให้ใครเห็น”
อันหลิงหยุนบอกว่าจะไป แต่เห็นเสินหยุนเอ๋อออกมาจากฝูงชน
แต่แรกเสินหยุนเอ๋อกับอันหลิงหยุนไม่ถูกกัน ทั่วในเมืองหลวงนี้คงไม่มีใครไม่รู้ เมื่อเสินหยุนเอ๋อออกมา อันหลิงหยุนก็รู้ทันที่ว่าวันนี้จะจากไปคงไม่ง่ายเสียแล้ว
“คุณหนูโจวอย่าพึ่ง คำพูดของคุณหนูอันช่างตรงเสมอมา แต่นางไม่มีความอันตรายใดๆ”
เสินหยุนเอ๋อพูดแบบนั้นเพื่อไว้หน้าโจวเหม่ยเหลิน โจวเหม่ยเหลินรีบหลบไปอยู่หลังของเสินหยุนเอ๋อ ณ ตอนนี้เสินหยุนเอ๋อเห็นอันหลิงหยุนไม่พูดอะไร เอาความอ่อนโยนที่เคยแสดงออกมา “วันนี้ที่พวกเรามาร่วมงานกัน ในเมืองหลวงนี้มีชายหญิงที่มีพรสวรรค์มากมายมารวมตัวกัน ไม่คิดเลยว่าคุณหนูจะมาอยู่ที่นี้?”
อันหลิงหยุนมองไปแล้วหัวเราะ “หรือคนว่าที่นี่มีแต่คุณหนูเสินที่คู่ควรมา ข้ามาไม่ได้เหรอ งั้นคุณหนูเสินจะบอกว่าพวกท่านมีพรสวรรค์ ข้าไม่มีงั้นเหรอ?”
เสินหยุนเอ๋อเปลี่ยนสีหน้า ตอนแรกคิดว่าจะทำให้อันหลิงหยุนขายหน้า ปกตินางเป็นคนหยาบกระด้าง แล้วก็มีกางฟูเหมือนพ่อของนาง ปกติก็รังแกอันหลิงหยุนตลอด รังแกเธอเหมือนนางเป็นคนโง่ นึกไม่ถึง วันนี้อันหลิงหยุนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย และได้ยินสิ่งที่เธอพูด
“คุณหนูอันพูดอย่างนี้ได้ไง พวกเรารวมตัวกันตรงนี้ พวกเรามาเรียนรู้ความสามารถของแต่ละคน คนที่มาที่นี่ได้ต้องเป็นมีความสามารถในด้านดนตรี ทุกคนก็ต้องแสดงออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณหนูอันจะมีความสามารถอะไรให้เราได้ตื่นตาตื่นใจ”
เสินหยุนเอ๋อคิดว่าอันหลิงหยุนเป็นแต่รำกระบี่กระบอง
นางก็ทำได้เพียงเท่านี้ มันเป็นสิ่งที่น่าอาย แต่นางคิดว่าพึงพอใจ
“คำพูดนี้ให้คุณหนูเสินเป็นคนพูด ทุกคนต่างเป็นผู้มีความสง่าราศี ทำไมถึงทำแต่เรื่องน่าเกลียด พวกเจ้าเพียงแค่ต้องการให้ข้าแสดง หรือว่าพวกเจ้านั้นน่าเกลียด”
เสินหยุนเอ๋อโมโหมาก “คุณหนูอัน ......”
“เจ้าเป็นคุณหนู แต่ข้าพระชายา พูดแต่คุณหนูอันให้ใครฟัง หรือข้าคือคุณหนูอัน เจ้าคือพระชายา”
“เจ้า.......”
เสินหยุนเอ๋อโมโหจนพูดไม่ออก ผู้คนต่างตกตะลึง ปกติเสินหยุนเอ๋อไม่ใช่คนแบบนี้ แต่วันนี้ทำไมถึงดูแปลกๆ
ผู้คนต่างพากันกระซิบว่าอันหลิงหยุนถูกปลดจะพระชายาให้เป็นเมียทาสทำให้นางสะเทือนใจ ถึงเป็นแบบนี้
“ไม่ใช่ว่าจะประลองกันเหรอ ถ้าไม่ประลองงั้นข้าจะไปแล้ว ข้า พระชายายังต้องกลับจวนไปเข้านอนกับท่านอ๋องเสียน หลีกไป”
อันหลิงหยุนทำท่าจะกลับ เสินหยุนเอ๋อตอนแรกยังรู้สึกทนได้ พอได้ยินว่าจะไปเข้านอนกับอ๋องเสียน ใช้สายตาอาฆาต พูดว่า “ในเมื่อพระชายาเสียนก็มาถึงแล้ว งั้นไม่ลองแสดงความสามารถให้ทุกคนในที่นี้ได้ตื่นตาตื่นใจ”
อันหลิงหยุนหยุด แล้วหันกลับมามองเสินหยุนเอ๋อ ดวงตาที่สดใสมองด้วยความเย็นชา “เจ้าแน่ใจเหรอ?”