บทที่ 9 เขาจะรับชายารองแล้ว
หนานหว่านเยียนเองก็ไม่โกรธ นางดึงเข็มออกเบามือ
“เสิ่นอี่ว์ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า ในจวนอ๋องนี่ก็ไม่มีใครเชื่อข้า ตอนนี้เจ้าถูกพิษหนักมาก หมอในจวนช่วยเจ้าไม่ได้ หมอหลวงกำลังมา แต่เจ้ารอไม่ไหวแล้ว ดังนั้นข้าต้องช่วยเจ้า ที่ฉีดให้เจ้าเมื่อครู่เรียกว่ายานอนหลับ ดูท่ายาใกล้จะออกฤทธิ์แล้ว ถ้าเจ้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว และอยากให้ข้าทำต่อ ข้าค่อยทำต่อก็ไม่สวย”
เสิ่นอี่ว์ไม่เชื่อนาง แต่พอยาออกฤทธิ์ เขาพลันรู้สึกคลายความเจ็บปวดลงไปมาก และไม่ได้รู้สึกหนาวยะเยือกเสียดกระดูกเหมือนเมื่อครู่แล้ว
เสิ่นอี่ว์ตกตะลึงมาก!
เมื่อครู่คำที่หมอในจวนพูดเขาได้ยินหมดแล้ว และรู้ว่าเขาใกล้จะตาย แต่ไม่คิดว่าหนานหว่านเยียนจะมีฝีมือจริงๆ...
เขารู้สึกสับสนนัก แต่เขายังอยากมีชีวิตต่อ สู้ให้นางลองดูแล้วกัน
เสิ่นอี่ว์หลับตาลง พูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ลงมือเถอะ...”
หนานหว่านเยียนเห็นท่าทางเหมือนยอมรับความตายของเขา อดเย้าหยอกมิได้
“วางใจเถอะ ข้าให้เจ้ารอด เจ้าก็ไม่มีทางตายได้หรอก” นางใส่ผ้าปิดปาก หยิบมีดผ่าตัด ฆ่าเชื้อ และค่อยๆตัดเฉือนเนื้อดำตรงท้องของเสิ่นอี่ว์อย่างเบามือ
นางรู้ดีว่า ทุกการลงมีดล้วนเกี่ยวพันกับชีวิตของเขา ดังนั้นนางเลยตั้งสมาธิมั่น การลงมือแต่ละครั้งไม่กล้าชักช้าเลย
รอจนจัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว นางโรยผงยาห้ามเลือดลงบนบาดแผล รอจนบาดแผลเลือดหยุดไหวแล้ว นางก็หยิบเข็มและเส้นผ่าตัดออกมาเย็บแผลให้เสิ่นอี่ว์
ด้ายชนิดนี้อ่อนนุ่มเรียบลื่นมัดปมง่าย นางพิจารณาถึงว่าต่อไปนางคงไม่มีโอกาสตัดไหมดึงด้ายให้เสิ่นอี่ว์ เลยเลือกด้ายเย็บแผลที่สามารถสลายไปได้เองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สำหรับผู้ป่วยแล้ว ปฏิกิริยาสะท้อนกลับก็ต่ำ
เสิ่นอี่ว์รู้วรยุทธ์ ไม่อาจทำให้เขาเคลื่อนไหวไม่สะดวกได้
หลังจากเย็บแผลเรียบร้อย หนานหว่านเยียนก็หยิบของเหลวสีใสขวดหนึ่งออกมา นี่เป็นยาเจลที่นางคิดค้นขึ้นมาเอง สามารถช่วยสมานและฟื้นฟูบาดแผลได้เร็วขึ้น
นางใส่ยาอย่างรวดเร็ว ถึงได้ผ่อนคลายลง หน้าผากยังมีเหงื่อผุดขึ้นมา
เสิ่นอี่ว์สลบไสลไม่ได้สติเพราะเสียเลือดมากเกินไป แต่หนานหว่านเยียนรู้ดีว่า ยาถอนพิษกำลังออกฤทธิ์
เพราะชีพจรของเสิ่นอี่ว์กลับเป็นปกติ ริมฝีปากก็ไม่เป็นสีม่วงอีก
“ยินดีด้วย เจ้าพ้นขีดอันตรายแล้ว” หนานหว่านเยียนบอกกับเสิ่นอี่ว์ที่สลบไสลอยู่ นางหยิบผ้าปิดปากออกแล้วโยนทิ้งถังขยะ คิดถึงเด็กสองคนในเรือน หนานหว่านเยียนรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา และรีบลงมือเก็บข้าวเก็บของ
“ปึ้ง” ดังขึ้น ประตูห้องพลันโดนคนถีบกระเด็นเปิดออก!
มือของหนานหว่านเยียนที่เก็บมีดผ่าตัดชะงักกึก
พอพ่อบ้านกาวเปิดประตูเข้ามา ก็เห็นหนานหว่านเยียนถือมีด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับเสิ่นอี่ว์!
เขาพลันตาเบิกโพลงด้วยความโกรธทันที “ท่าน---ท่านทำอะไรน่ะ!”
พ่อบ้านกาวรีบก้าวเท้าพุ่งเข้าห้อง ยื่นมือไปอังที่จมูกของเสิ่นอี่ว์ พอแน่ใจว่าเสิ่นอี่ว์ยังมีชีวิตอยู่ ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จากนั้นเขาหันมองหนานหว่านเยียน ตะคอกดังออกมาอย่างโกรธจัดว่า “เดิมข้าน้อยนับถือว่าท่านเป็นพระชายา ยังนับถือเคารพท่านอยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าท่านจะเป็นสตรีต่ำช้าเยี่ยงนี้!”
หนานหว่านเยียนเก็บมีดในมือ เลิกคิ้วถาม “ข้าต่ำช้าอย่างไร?”
พ่อบ้านกาวแย่งมีดผ่าตัดในมือนางมา มีดนั่นยังมีรอยเลือดติดอยู่ “สตรีใจอสรพิษอย่างท่านนี่ ท่านยังกล้าไขสืออีก!”
หนานหว่านเยียนขมวดคิ้ว “ข้ากำลังช่วยคน นี่เป็นมีดช่วยคน”
พ่อบ้านกาวไม่ฟังเลยสักนิด และไม่ได้สังเกตเห็นว่า บาดแผลของเสิ่นอี่ว์เลือดหยุดไหลแล้ว
“ท่านรู้มาใช่หรือไม่ว่า หลายวันนี้ท่านอ๋องจะรับชายารอง รู้สึกเคียดแค้นในใจ เลยแสร้งหลอกใช้องครักษ์เสิ่นมาแก้แค้นท่านอ๋อง! พระชายา ท่านช่างชั่วช้ายิ่งนัก! องครักษ์เสิ่นบาดเจ็บสาหัสเยี่ยงนี้ ท่านยังไม่ปล่อยเขาอีก!”
กู้โม่หานจะรับชายารอง?
หนานหว่านเยียนตะลึง ยังไม่ทันพูดอะไร ก็เห็นกู้โม่หานในชุดเสื้อคลุมดำเดินเข้ามาหานาง สายตาเหมือนฉาบด้วยน้ำแข็งหนาวเหน็บ....